หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 93
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 93
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 93
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง เป็นเรื่องของทุกคน ที่จะต้องศึกษาตัวเรา แก้ไขตัวเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ว่ากายของเราเป็นอย่างไร จิตวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร อาการของวิญญาณกับตัววิญญาณเขารวมกันได้อย่างไร
ทำความเข้าใจกับภาษาสมมติ ภาษาวิมุตติ ลักษณะอาการ ความรู้ตัวไม่มีเราก็สร้างขึ้นมา เรามาสร้างขึ้นมาใหม่แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่อง ถ้ากำลังสติปัญญาของเราต่อเนื่องเร็วไวขึ้น เราก็จะรู้เห็นการเกิดของวิญญาณ การเกิดของอาการของวิญญาณ ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร จำแนกแจกแจงออกให้ชัดเจน
ศรัทธานั้นมีกันทุกคน การฝักใฝ่ การสนใจ การทำบุญ การให้ทาน อันนี้มีอยู่เป็นพื้นฐาน เราก็ค่อยพัฒนาสติปัญญาของเราให้มีกำลังมากขึ้นๆ จนค้นคว้าทุกสิ่งทุกอย่างในกายของเรา รู้จักจำแนกแจกแจงให้ชัดเจน วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่หลงขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะหน้าตาอาการเป็นอย่างนี้ ภาษาสมมติสื่อความหมายให้กันฟัง แล้วก็ไปทำให้มีให้เกิดขึ้นปรากฏขึ้นที่ใจของเรา
ใจของเราเกิดกิเลสหยาบ เกิดกิเลสละเอียด เราก็จัดการเสีย อย่าปล่อยให้กิเลสเล่นงาน ไม่ว่ากิเลสใหญ่ กิเลสเล็กกิเลสน้อย กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เขาเกิดอย่างไร เขาไปอย่างไร อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ถ้าเราไม่วิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ยากที่จะเข้าถึงจุดหมายได้ ก็ได้ตั้งแต่การทำบุญให้ทาน สร้างบารมีไป ถึงเวลา ถึงจุดหนึ่งก็จะเข้าใจ ถ้ายังไม่ถึงเวลา วิบากกรรมสมมติยังไม่คลายให้ก็ยากที่จะเข้าใจ
วิบากกรรมสมมติต่างๆ ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อันโน้นก็ยังขาดตกบกพร่อง อันนี้ก็ยังไม่พร้อม อันนี้ก็ยังไม่ดี เราก็แก้ไข แก้ไขที่นั่นบ้าง แก้ไขที่นี่บ้าง บางทีบางครั้งบางคราว เราอาจจะไปอยู่ที่นู่น ไปอยู่ที่นี่ เพราะว่าวิบากกรรม วิบากกรรมส่งไป ไปอยู่ที่นู่น ไปแก้ไขตรงโน่น แก้ไขตรงนี้ ถึงวาระเวลาแล้วมันก็จะย่นย่อลงมาเรื่อยๆ ย่นย่อลงไปเข้าที่ใจของเรา ให้เราพยายามดูทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ความอยาก ความหิว ความหิวความอยาก การแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เอามาให้กาย เอามายังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็พยายามพากันทำเอา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
พวกเราเกิดมาอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่คนละทิศละที่ก็ได้มาอยู่รวมกัน ก็มีอานิสงส์ร่วมกันนั่นแหละ มีบุญร่วมกัน ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ทีนี้ก็รู้จักมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความอดทน ไม่เห็นแก่ตัว มองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แล้วก็ทรัพย์ภายใน การกำจัดกิเลสของเรา เราก็ต้องแก้ไขไปด้วย ก็ต้องพยายามกันนะ วันเวลา วันเดือนปีผ่านไปเร็วไวนะ อย่าพากันประมาท
เข้าพรรษาแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ออกพรรษาแล้ว วันแต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไร เราได้สร้างกุศลอะไร เราได้ละกิเลสได้สักกี่เที่ยว หรือว่าเพิ่มกิเลสให้กับตัวเราเอง เราก็ต้องหมั่นสำรวจตรวจตา ไม่ได้ใช่ว่าจะอยู่กับคนโน้น อยู่กับคนนี้ หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่เล่าให้ฟัง แค่พูดให้ฟัง และก็อนุเคราะห์ทางด้านสมมติ มีอะไรเราก็ช่วยกัน อะไรที่ขาดตกบกพร่องทางด้านสมมติ เราก็ช่วยกันทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย อันนี้ต้องสำคัญ ความเป็นระเบียบ ความสะอาด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราอาศัยอยู่สถานที่แห่งใด เราก็ยังประโยชน์ให้กับสถานที่แห่งนั้น ไม่ยังความสกปรกใส่ เราก็รู้จักแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา รู้จักสำรวมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ รู้จักจำแนกแจกแจง มันก็จะไล่เลาะลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพื้นฐานของใจของเรา ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำ
การเจริญสติ การดับ การอด การข่ม ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน การทวนกระแส เพราะว่าจิตของคนเราชอบคิดชอบเที่ยว เราอดเราข่ม เราวิเคราะห์หาเหตุหาผล จนกว่าจิตของเราคลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละ ตามดูรู้เรื่องทุกอย่างนั่นแหละ มองเห็นความเป็นจริง เขาถึงจะยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมรับง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน จะให้เขาคลายแค่วันหนึ่งสองวันก็ไปไม่ได้ ก็ค่อยอบรมบ่ม ทั้งขัดทั้งเกลา ทั้งขนาบแล้วขนาบอีก โทษตัวเองแล้ว แก้ไขตัวเองแล้วแก้ไขตัวเองอีก จนมองเห็นความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยจะวาง
ขันธ์ห้าก็เหมือนกัน ความคิดที่แทรกเข้ามา ถ้าเราปล่อยให้เกิดอยู่อย่างนั้น เขาก็มีกำลังมากขึ้นๆ เราก็ต้องคอยดู คอยรู้ คอยเห็นทำความเข้าใจ แล้วค่อยละ การเจริญสติ ถ้าเราไม่ได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ก็อย่าไปหวังจะได้รู้ทรัพย์อันสูง มันก็ได้เพียงแค่ศรัทธาในการทำบุญ ในการให้ทาน อันนี้ก็เป็นการเจริญเข้าพกเข้าห่อ เป็นการสร้างบารมีให้กับตัวเรา จะถึงเวลาแล้ว เราก็ยิ่งสนุกสร้างใหญ่ ทำใหญ่ ให้เป็นอานิสงส์ ฝากเอาไว้ในใจของเรา ฝากไว้ในแผ่นดิน ทั้งสมมติ วิมุตติ เราจะทิ้งกันไม่ได้ เพราะว่าเขาต่างอิงต่างอาศัยกันอยู่ หมดลมหายใจนั่นแหละเขาถึงจะทิ้ง เหมือนกับต้นไม้ ก็มีทั้งเปลือก มีทั้งกระพี้ มีทั้งแก่น แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจให้หมดทุกอย่าง จะไปทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาอิงอาศัยกันอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง เป็นเรื่องของทุกคน ที่จะต้องศึกษาตัวเรา แก้ไขตัวเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ว่ากายของเราเป็นอย่างไร จิตวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร อาการของวิญญาณกับตัววิญญาณเขารวมกันได้อย่างไร
ทำความเข้าใจกับภาษาสมมติ ภาษาวิมุตติ ลักษณะอาการ ความรู้ตัวไม่มีเราก็สร้างขึ้นมา เรามาสร้างขึ้นมาใหม่แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่อง ถ้ากำลังสติปัญญาของเราต่อเนื่องเร็วไวขึ้น เราก็จะรู้เห็นการเกิดของวิญญาณ การเกิดของอาการของวิญญาณ ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร จำแนกแจกแจงออกให้ชัดเจน
ศรัทธานั้นมีกันทุกคน การฝักใฝ่ การสนใจ การทำบุญ การให้ทาน อันนี้มีอยู่เป็นพื้นฐาน เราก็ค่อยพัฒนาสติปัญญาของเราให้มีกำลังมากขึ้นๆ จนค้นคว้าทุกสิ่งทุกอย่างในกายของเรา รู้จักจำแนกแจกแจงให้ชัดเจน วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่หลงขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะหน้าตาอาการเป็นอย่างนี้ ภาษาสมมติสื่อความหมายให้กันฟัง แล้วก็ไปทำให้มีให้เกิดขึ้นปรากฏขึ้นที่ใจของเรา
ใจของเราเกิดกิเลสหยาบ เกิดกิเลสละเอียด เราก็จัดการเสีย อย่าปล่อยให้กิเลสเล่นงาน ไม่ว่ากิเลสใหญ่ กิเลสเล็กกิเลสน้อย กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เขาเกิดอย่างไร เขาไปอย่างไร อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ถ้าเราไม่วิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ยากที่จะเข้าถึงจุดหมายได้ ก็ได้ตั้งแต่การทำบุญให้ทาน สร้างบารมีไป ถึงเวลา ถึงจุดหนึ่งก็จะเข้าใจ ถ้ายังไม่ถึงเวลา วิบากกรรมสมมติยังไม่คลายให้ก็ยากที่จะเข้าใจ
วิบากกรรมสมมติต่างๆ ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อันโน้นก็ยังขาดตกบกพร่อง อันนี้ก็ยังไม่พร้อม อันนี้ก็ยังไม่ดี เราก็แก้ไข แก้ไขที่นั่นบ้าง แก้ไขที่นี่บ้าง บางทีบางครั้งบางคราว เราอาจจะไปอยู่ที่นู่น ไปอยู่ที่นี่ เพราะว่าวิบากกรรม วิบากกรรมส่งไป ไปอยู่ที่นู่น ไปแก้ไขตรงโน่น แก้ไขตรงนี้ ถึงวาระเวลาแล้วมันก็จะย่นย่อลงมาเรื่อยๆ ย่นย่อลงไปเข้าที่ใจของเรา ให้เราพยายามดูทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ความอยาก ความหิว ความหิวความอยาก การแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เอามาให้กาย เอามายังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็พยายามพากันทำเอา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
พวกเราเกิดมาอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่คนละทิศละที่ก็ได้มาอยู่รวมกัน ก็มีอานิสงส์ร่วมกันนั่นแหละ มีบุญร่วมกัน ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ทีนี้ก็รู้จักมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความอดทน ไม่เห็นแก่ตัว มองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แล้วก็ทรัพย์ภายใน การกำจัดกิเลสของเรา เราก็ต้องแก้ไขไปด้วย ก็ต้องพยายามกันนะ วันเวลา วันเดือนปีผ่านไปเร็วไวนะ อย่าพากันประมาท
เข้าพรรษาแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ออกพรรษาแล้ว วันแต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไร เราได้สร้างกุศลอะไร เราได้ละกิเลสได้สักกี่เที่ยว หรือว่าเพิ่มกิเลสให้กับตัวเราเอง เราก็ต้องหมั่นสำรวจตรวจตา ไม่ได้ใช่ว่าจะอยู่กับคนโน้น อยู่กับคนนี้ หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่เล่าให้ฟัง แค่พูดให้ฟัง และก็อนุเคราะห์ทางด้านสมมติ มีอะไรเราก็ช่วยกัน อะไรที่ขาดตกบกพร่องทางด้านสมมติ เราก็ช่วยกันทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย อันนี้ต้องสำคัญ ความเป็นระเบียบ ความสะอาด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราอาศัยอยู่สถานที่แห่งใด เราก็ยังประโยชน์ให้กับสถานที่แห่งนั้น ไม่ยังความสกปรกใส่ เราก็รู้จักแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา รู้จักสำรวมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ รู้จักจำแนกแจกแจง มันก็จะไล่เลาะลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพื้นฐานของใจของเรา ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำ
การเจริญสติ การดับ การอด การข่ม ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน การทวนกระแส เพราะว่าจิตของคนเราชอบคิดชอบเที่ยว เราอดเราข่ม เราวิเคราะห์หาเหตุหาผล จนกว่าจิตของเราคลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละ ตามดูรู้เรื่องทุกอย่างนั่นแหละ มองเห็นความเป็นจริง เขาถึงจะยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมรับง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน จะให้เขาคลายแค่วันหนึ่งสองวันก็ไปไม่ได้ ก็ค่อยอบรมบ่ม ทั้งขัดทั้งเกลา ทั้งขนาบแล้วขนาบอีก โทษตัวเองแล้ว แก้ไขตัวเองแล้วแก้ไขตัวเองอีก จนมองเห็นความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยจะวาง
ขันธ์ห้าก็เหมือนกัน ความคิดที่แทรกเข้ามา ถ้าเราปล่อยให้เกิดอยู่อย่างนั้น เขาก็มีกำลังมากขึ้นๆ เราก็ต้องคอยดู คอยรู้ คอยเห็นทำความเข้าใจ แล้วค่อยละ การเจริญสติ ถ้าเราไม่ได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ก็อย่าไปหวังจะได้รู้ทรัพย์อันสูง มันก็ได้เพียงแค่ศรัทธาในการทำบุญ ในการให้ทาน อันนี้ก็เป็นการเจริญเข้าพกเข้าห่อ เป็นการสร้างบารมีให้กับตัวเรา จะถึงเวลาแล้ว เราก็ยิ่งสนุกสร้างใหญ่ ทำใหญ่ ให้เป็นอานิสงส์ ฝากเอาไว้ในใจของเรา ฝากไว้ในแผ่นดิน ทั้งสมมติ วิมุตติ เราจะทิ้งกันไม่ได้ เพราะว่าเขาต่างอิงต่างอาศัยกันอยู่ หมดลมหายใจนั่นแหละเขาถึงจะทิ้ง เหมือนกับต้นไม้ ก็มีทั้งเปลือก มีทั้งกระพี้ มีทั้งแก่น แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจให้หมดทุกอย่าง จะไปทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาอิงอาศัยกันอยู่ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ