หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 42
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 42
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 42
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 เมษายน 2556
ดูดีๆนะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย ก่อนที่จะขบก่อนที่จะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ตั้งแต่การหายใจเข้า หายใจออก หยุดหายใจก็ตาย หายใจเข้าหายใจออก อากาศก็ไม่ได้ซื้อ แต่ขาดการรู้ ขาดการทำความเข้าใจ จะเอาตั้งแต่บุญ เอาตั้งแต่ปัญญาอย่างเดียว ความรู้ตัวก็เลยไม่ต่อเนื่อง ความรู้ตัวก็มีบ้างเป็นกระท่อนกระแท่น
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่เกิด ขณะในใจของเราเป็นอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ใจของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใจของเราเป็นบุญ หรือว่าใจของเราปรุงแต่งเกิดความกังวลอะไร เราพยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดทำความเข้าใจ รู้จักละ รู้จักดับ รู้จักคลาย ใจออกรับรู้ในสิ่งต่างๆ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง นั่นก็ยากนะ พูดง่ายนิดเดียว นาทีเดียวจบ แต่การลงมือการสังเกต การวิเคราะห์ การทำความเข้าใจ ต้องอาศัยความเพียร อาศัยความต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการเพิ่มพูนปัญญาของเรา
ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา หรือว่าปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ส่วนปัญญาเก่าที่เกิดจากจิตเกิดจากขันธ์ห้า อันนี้เขาหลงมา เขาหลงมา เขาหลงมาเกิดเขามีมาแต่เดิม เรามาหยุด มาสังเกต มาวิเคราะห์ มาพร่ำสอนใจของเรา ให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ให้ใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศล ให้สร้างสะสมบุญบารมีของตัวเราเอง
เดี๋ยวนี้วัดเรามีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ญาติโยมก็เข้ามาเยอะกันมากมาย ผลที่ตามมาก็หลายสิ่งหลายอย่าง ก็มีขโมยขโจรเข้ามา เข้ามาแอบแฝงในวัดของเราก็มีอยู่ เห็นว่าสองวันก่อนโน้นก็มา มาเข้ามาขโมยของในวัด เห็นว่าขโมยรถจักรยานของช่างไป ฉกเอาไปต่อหน้าต่อตานี่แหละ มากันเป็นแก๊ง 2-3 คน เห็นเอาของไปซ่อนไว้ข้างนอก แล้วก็เข้ามาอีก ไปเปิดดูโทรทัศน์ดู แต่ก็ไม่ใช่คนแถวเรา ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขาก็คงมากันเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง มาคอยดูเผลอเมื่อไรเขาก็เอาเมื่อนั้น
พวกมีจิตที่เป็นเจตนาที่จะมาขโมยโดยตรง ก็พวกเราก็พยายามระวังดูแลรักษาของๆ ตัวเองบ้างนะ อย่าพากันประมาท อะไรของสำคัญก็เก็บไว้ ติดตามเนื้อตามตัว คนขโมยนี่เขาก็เจตนาที่จะมาขโมย เผลอเมื่อไรเขาก็ขโมยเมื่อนั้น เพราะว่าเจตนาที่จะมาขโมย เราก็ยกให้เป็นกรรม ยกให้เป็นกรรมของเขา นั่นมีจิตที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร คงจะไม่มี คงจะเป็นสันดานสันดอน หรือว่าไม่มีอยู่ ไม่มีกิน แอบขโมยไปทั่ว จับได้ทางกฎหมายก็ลงโทษ จับไม่ได้เราก็ยกให้เป็นกรรม เป็นวิบากของกรรม ก็ยังหลงอยู่
เราไม่อยากจะให้ขโมย คนขโมยเขาก็มาคอยขโมย คอยมาแอบขโมย เหมือนกับ 2-3 ปีก่อน มาขโมยของในวัดแทบทุกหลัง ขึ้นงัดขึ้นแงะหมด พอมาอยู่ในวัด มากินข้าวในวัดนี่แหละ มานอนในวัดนี่แหละ เขาเอาไปสอบสวนอยู่ที่อุบลฯ เป็นคนอุบลฯ เพื่อนมาด้วยกัน กินข้าวเสร็จมันก็ไปนั่งเฝ้านั่งดูใครเผลอเมื่อไรมันก็ขึ้น จับเพื่อนได้มันก็เลยรีบออกนอกวัด ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องน้ำที่โรงเรียน ไปดักรอขึ้นรถที่ บอกว่ารถสองแถวที่ปากทาง สงสัยมานานก็ให้คนตามไปดูก็จริง ใช่จริงๆ รีบเปลี่ยน เอาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำที่โรงเรียน แล้วก็ไปดักขึ้นรถ ให้ตำรวจมาจับ เอาไปสอบสวน มาอยู่ในวัด นอนในวัด แล้วก็ไปนั่งดู หลังไหนเผลอเมื่อไร ก็บอกเพื่อนให้ไปงัดไปแงะ
อันนี้ก็มาเมื่อวันสองวันก่อนก็เหมือนกัน มากันเป็นสัก 2-3 คน คงจะมาให้นั่งดูลาดเลาอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ เราก็พยายาม วัดเราก็เป็นวัดเปิดเสียด้วย ญาติโยมก็เยอะ มิจฉาชีพก็แอบแฝงเข้ามา ไม่รู้ว่าของใครหายบ้าง เห็นมาฉกเอาจักรยานของช่างที่มาช่วยกันทำหลังคาวิหารธรรมจักร ก็พยายามค่อยๆ ระวังกัน รักษากันเอาไว้ เราจะไปห้ามก็ไม่ได้นะ ขโมยมันก็คอยที่จะมาหาช่องหาโอกาสมาขโมย จิตเจตนาที่จะเป็นขโมย ถ้าจับได้ก็ดี จับไม่ได้มันก็เสียความรู้สึกสำหรับบุคคลที่ยังดับความเกิดไม่ได้ ละความเกิดไม่ได้
ถ้าบุคคลใดที่เข้าใจในหลักใจแล้วก็ อยากจะได้ก็เอาไป ดูใจของเรามีความทุกข์ มีความกังวลหรือไม่ เป็นเครื่องสอบอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สิ่งไหนที่เรารักมากที่สุดมันมาเอาไปนั้นใจของเรามีความทุกข์หรือไม่ บางครั้งบางคราวสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนที่จะเป็นประโยชน์กับเสียไปเสียมากมายก็มี เราก็ต้องพยายามช่วยกันดูแล ช่วยกันแก้ไข ส่วนขโมยก็เป็นส่วนของเขา จับไม่ได้ก็ให้วิบากกรรมลงโทษ ถ้าจับได้ก็กฎหมายก็ลงโทษ ถึงวาระเวลาก็คงจะได้รับวิบากกรรมของเขาเอง เราก็มาดูใจของเรา แก้ไขใจของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี อย่าไปทุกข์กับสิ่งพวกนั้น แต่เราก็ต้องดูแลรักษารับผิดชอบในส่วนที่เรามี ในส่วนที่เราเป็นให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
จิตของคนแต่ละบุคคลก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็ฝักใฝ่ในบุญ อยากจะสร้างบุญ อยากจะทำบุญ มีความอิ่มในการให้ ในการเอาออก ในการคลาย บางคนก็ตื่นขึ้นมาก็ อะไรที่จะลักขโมยได้ก็แอบทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นแหละ ถึงจิตของแต่ละบุคคลถึงไม่เหมือนกัน เราพยายามถ้ามีอยู่ที่ใคร ก็พยายามกำจัดออกให้มันหมดหลายสิ่งหลายอย่างมันประกอบกันเข้า สมมติบังคับบ้าง ภาระหน้าที่ เหตุการณ์บังคับสารพัดอย่าง ถ้าไม่เอาจริงๆ ก็ยากกับมันอยู่กิเลส
กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสอยู่ในระดับของสมมติ ความพร้อมของสมมติ บางคนบางท่านก็มีพร้อม ก็ไม่ได้ลำบาก เพราะว่าสร้างสะสมมาดี การกระทำก็มาดี มันก็เลยไม่ได้ลำบากทางสมมติ บางคนบางท่านก็ลำบากทางสมมติ เหตุการณ์บังคับ คนถึงไม่เสมอภาคกัน เหมือนกับที่ประเทศอินเดีย ที่ว่าแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าไปเห็นจริงๆ แล้วมันก็เข้ากันไม่ได้จริงๆ พวกชั้นต่ำนี่ก็อยู่กับกองขยะ กองสกปรก จะเอาไปขึ้นสู่ที่สะอาดเขาก็ไม่เอา พวกชั้นกลาง ชั้นต่ำ ชั้นสูง ถึงได้มีชนชั้นวรรณะกันมากมาย ก็ยากอยู่ บางคนก็ชอบสะอาด บางคนก็ชอบสกปรก บางคนก็มีระเบียบ บางคนก็ไม่มีระเบียบ มันก็เลยเข้ากันไม่ได้
แต่บุคคลที่รักดีแล้วถ้ามาฝึก ถึงเกิดอยู่ในโคลนตม ก็ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ถึงจุดหมายปลายทางได้ มันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมี แล้วการกระทำอยู่ปัจจุบันอีก หลายสิ่งหลายอย่างประกอบกันเข้า ไม่ใช่ว่าจะไปปล่อยปละละเลย บางคนพูดกันปากเปียกปากแฉะ ก็ไม่สนใจ บางคนเพียงแค่ได้ยินได้ฟัง เงี่ยหูฟังอะไรที่จะเป็นประโยชน์ ก็รีบไปทำ ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของตัวเอง หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว นั่นแหล่ะคนเราถึงได้สร้างอานิสงส์มาไม่เหมือนกัน
หลวงพ่อถึงพยายามพาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ตั้งแต่วัตถุทานนี่แหละ ตั้งแต่น้อยๆ ขึ้นไปจนถึงวิมุตติหลุดพ้น การเดินปัญญา การเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส พอโอกาสที่จะชี้แนะแนวทางให้ ก็จะชี้แนะแนวทางให้ แต่พวกท่านถ้าไม่เดิน ไม่ศึกษาก็ยากที่จะเข้าใจ แต่มัวตั้งแต่ให้คนโน้นเขาสอน คนนี้เขาใช้การไม่ได้ เราต้องสอนตัวเรา เจริญสติมาพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา สร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ตัดปัญหาสิ่งต่างๆ ออกไป ถ้าคนเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มันก็ยาก หนักตัวเอง แล้วก็ไปหนักคนอื่น เราต้องพยายามฝึกหัดช่วยเหลือตัวเราเองให้ได้ในระดับหนึ่ง มันก็ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไป จากน้อยๆ ไปหามากๆ จนเต็มเปี่ยม จนล้น ถ้าคนเราขาดตกบกพร่องครั้ง 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ไม่รู้จักแก้ไขก็หมักหมมสะสมไปเรื่อยๆ
ในหลักธรรมท่านให้แก้ไขปัจจุบันไม่ให้สะสม ถ้าจะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องปัญญา ทำหน้าที่ด้วยสติด้วยปัญญา ผิดถูกชั่วดีอย่างไร ปัญญา สติปัญญาไปแก้ไข แต่เวลานี้สติปัญญามันมีน้อยนิด เพียงแค่สร้างก็ยังสร้างยากลำบาก จะเอาไปใช้ได้อย่างไร จะไปวิเคราะห์ ความคิดเก่าปัญญาเก่าได้อย่างไร ปัญญากิเลส มีแต่ปัญญาโลกีย์ ปัญญาธรรม ต้องสร้างทำความเข้าใจ แล้วรู้เห็นทำความเข้าใจ หมั่นพร่ำสอนใจ แล้วก็หมั่นละกิเลส ออกจากใจของเรา หมดจด ไม่ใช่ว่าสิ่งธรรมะ ไม่ใช่ว่าจะมาพูดกันเล่นๆ ไม่ใช่ของเล่น
ความจริงของชีวิต กายก็ไม่รู้จักรักษา วาจาก็ไม่รู้จักรักษา ไอ้เรื่องใจมันยิ่งยากเข้าไปอีก ก็ต้องพยายามเข้า ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ยิ่งความเจริญมามากเท่าไร ปัญหาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณ ถ้าเราไม่รู้จักช่วยกันดูแล ช่วยกันแก้ไข มันก็ยาก เรามาช่วยกันดูแล มาช่วยกันแก้ไขให้เป็นปกติธรรมดา ผิดพลาดก็รีบแก้ไข ผิดพลาดก็รีบแก้ไข จะมากจะน้อย ปัญหามันก็ไม่เป็นปัญหา มันก็เป็นปกติธรรมดาของโลกก็เป็นอยู่อย่างงั้น ถ้าคนเราฝึกมาดี อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข เราก็ต้องพยายามกัน
วันที่ 7 วันนี้วันที่ 1 เมษายน วันที่ 7 ตรงกับวันอาทิตย์ จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโค ก็ประมาณสัก 19 คู่ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ได้มีท่านผู้ใจบุญทางกรุงเทพ ท่านได้มีโอกาสได้มาปล่อยชีวิตโคแม่ลูก 19 คู่ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกัน มาร่วมกันสร้างตบะบารมี มาร่วมกันสร้างกองบุญ ฝากเอาไว้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้กับสมมติ เป็นสมบัติของทุกคน มาช่วยกันดูแล พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อ ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เรามาอาศัยโลกอยู่ มาอาศัยสมมติอยู่ พยายามรีบตักตวงกองบุญกองกุศลให้เต็มที่
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง พวกเราก็ขาดความเพียรกันตรงนี้มากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ แต่การเกิดของใจ การเกิดของความคิดเขามีอยู่ตลอดเวลา เรามาสร้างความรู้ตัวเข้าไปควบคุมใจ ควบคุมความคิด ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็น ใจของเราก็จะคลายออกจากความคิด ถึงจะเข้าสู่วิปัสสนาตามทำความเข้าใจได้
เพียงแค่การแยกรูปแยกนาม การที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้านี่ก็ยากอยู่แล้ว การที่จะเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ยากอยู่แล้ว ถ้าเราไม่มีความเพียรจริงๆ นี่ยากจริงๆ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น การเกิดของใจนั้นเขาปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้อีก หลายสิ่งหลายอย่างมาปิดกั้นใจของเราเอาไว้มากเลยทีเดียว กายเนื้อก็มาปิดกั้นใจของเราเอาไว้ ความคิด บางครั้งก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ก็มาปิดกั้นใจของเราเอาไว้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดที่เกิดจากใจของเราก็มาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แม้แต่การเกิดของตัวใจก็ปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ ถ้ากำลังสติไม่แหลมคม ไม่วิเคราะห์หาเหตุหาผลจริงๆ ยาก ยากอยู่
ถ้าบุคคลใดที่มีความเพียร ความยากก็จะกลับเป็นของง่าย ง่ายในการดู ง่ายในการรู้ ง่ายในการละ ง่ายในการเอาออกมา มันจะกลับกัน จะยากสำหรับบุคคลที่ขาดความเพียร จะฝืนสำหรับบุคคลที่ฝึกใหม่ๆ ฝืน เพราะว่าเป็นการทวนกระแส ถ้าใจคลายออก มีแต่เอาออก มีแต่ให้ ใจของเราคลาย ใจของเราก็จะตกกระแสธรรม มีตั้งแต่จะละกิเลสออกให้มันหมดจด มันก็จะง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเพียร ยากเสียก่อนค่อยไปหาง่าย
แต่คนทั่วไปก็มีตั้งแต่ความท้อ มีตั้งแต่ความอยาก อยากจะได้บุญ อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม อันนี้เป็นอานิสงส์เป็นตบะบารมี อยู่ในระดับของโลกีย์ ของสมมติ แต่ถ้าเราเข้าใจสมมติกับวิมุตติเขาก็อยู่ด้วยกัน เพราะว่าต่างฝ่ายต่างอิงอาศัยกันอยู่ เพราะว่าใจมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เขาหลงมาเกิดในภพมนุษย์ ถ้าเราไม่ศึกษาจริงๆ เราก็ว่าเราไม่หลง ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญา มันก็มีกันทุกคน แต่เป็นสติปัญญาของโลกีย์ ของสมมติ เราก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง นั่งอยู่คนเดียวก็ให้รู้ลมหายใจเข้าหายใจออก ทำใจให้โล่งให้โปร่ง ไม่ต้องไปกังวลอะไร ไม่ต้องไปคิดอะไร ไม่ต้องไปพิจารณาอะไรด้วย ขณะที่เราสร้างความรู้ตัว สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาค้นคว้าต่อนะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 เมษายน 2556
ดูดีๆนะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย ก่อนที่จะขบก่อนที่จะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ตั้งแต่การหายใจเข้า หายใจออก หยุดหายใจก็ตาย หายใจเข้าหายใจออก อากาศก็ไม่ได้ซื้อ แต่ขาดการรู้ ขาดการทำความเข้าใจ จะเอาตั้งแต่บุญ เอาตั้งแต่ปัญญาอย่างเดียว ความรู้ตัวก็เลยไม่ต่อเนื่อง ความรู้ตัวก็มีบ้างเป็นกระท่อนกระแท่น
ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่เกิด ขณะในใจของเราเป็นอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ใจของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใจของเราเป็นบุญ หรือว่าใจของเราปรุงแต่งเกิดความกังวลอะไร เราพยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดทำความเข้าใจ รู้จักละ รู้จักดับ รู้จักคลาย ใจออกรับรู้ในสิ่งต่างๆ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง นั่นก็ยากนะ พูดง่ายนิดเดียว นาทีเดียวจบ แต่การลงมือการสังเกต การวิเคราะห์ การทำความเข้าใจ ต้องอาศัยความเพียร อาศัยความต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการเพิ่มพูนปัญญาของเรา
ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา หรือว่าปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ส่วนปัญญาเก่าที่เกิดจากจิตเกิดจากขันธ์ห้า อันนี้เขาหลงมา เขาหลงมา เขาหลงมาเกิดเขามีมาแต่เดิม เรามาหยุด มาสังเกต มาวิเคราะห์ มาพร่ำสอนใจของเรา ให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ให้ใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศล ให้สร้างสะสมบุญบารมีของตัวเราเอง
เดี๋ยวนี้วัดเรามีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ญาติโยมก็เข้ามาเยอะกันมากมาย ผลที่ตามมาก็หลายสิ่งหลายอย่าง ก็มีขโมยขโจรเข้ามา เข้ามาแอบแฝงในวัดของเราก็มีอยู่ เห็นว่าสองวันก่อนโน้นก็มา มาเข้ามาขโมยของในวัด เห็นว่าขโมยรถจักรยานของช่างไป ฉกเอาไปต่อหน้าต่อตานี่แหละ มากันเป็นแก๊ง 2-3 คน เห็นเอาของไปซ่อนไว้ข้างนอก แล้วก็เข้ามาอีก ไปเปิดดูโทรทัศน์ดู แต่ก็ไม่ใช่คนแถวเรา ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขาก็คงมากันเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง มาคอยดูเผลอเมื่อไรเขาก็เอาเมื่อนั้น
พวกมีจิตที่เป็นเจตนาที่จะมาขโมยโดยตรง ก็พวกเราก็พยายามระวังดูแลรักษาของๆ ตัวเองบ้างนะ อย่าพากันประมาท อะไรของสำคัญก็เก็บไว้ ติดตามเนื้อตามตัว คนขโมยนี่เขาก็เจตนาที่จะมาขโมย เผลอเมื่อไรเขาก็ขโมยเมื่อนั้น เพราะว่าเจตนาที่จะมาขโมย เราก็ยกให้เป็นกรรม ยกให้เป็นกรรมของเขา นั่นมีจิตที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร คงจะไม่มี คงจะเป็นสันดานสันดอน หรือว่าไม่มีอยู่ ไม่มีกิน แอบขโมยไปทั่ว จับได้ทางกฎหมายก็ลงโทษ จับไม่ได้เราก็ยกให้เป็นกรรม เป็นวิบากของกรรม ก็ยังหลงอยู่
เราไม่อยากจะให้ขโมย คนขโมยเขาก็มาคอยขโมย คอยมาแอบขโมย เหมือนกับ 2-3 ปีก่อน มาขโมยของในวัดแทบทุกหลัง ขึ้นงัดขึ้นแงะหมด พอมาอยู่ในวัด มากินข้าวในวัดนี่แหละ มานอนในวัดนี่แหละ เขาเอาไปสอบสวนอยู่ที่อุบลฯ เป็นคนอุบลฯ เพื่อนมาด้วยกัน กินข้าวเสร็จมันก็ไปนั่งเฝ้านั่งดูใครเผลอเมื่อไรมันก็ขึ้น จับเพื่อนได้มันก็เลยรีบออกนอกวัด ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องน้ำที่โรงเรียน ไปดักรอขึ้นรถที่ บอกว่ารถสองแถวที่ปากทาง สงสัยมานานก็ให้คนตามไปดูก็จริง ใช่จริงๆ รีบเปลี่ยน เอาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำที่โรงเรียน แล้วก็ไปดักขึ้นรถ ให้ตำรวจมาจับ เอาไปสอบสวน มาอยู่ในวัด นอนในวัด แล้วก็ไปนั่งดู หลังไหนเผลอเมื่อไร ก็บอกเพื่อนให้ไปงัดไปแงะ
อันนี้ก็มาเมื่อวันสองวันก่อนก็เหมือนกัน มากันเป็นสัก 2-3 คน คงจะมาให้นั่งดูลาดเลาอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ เราก็พยายาม วัดเราก็เป็นวัดเปิดเสียด้วย ญาติโยมก็เยอะ มิจฉาชีพก็แอบแฝงเข้ามา ไม่รู้ว่าของใครหายบ้าง เห็นมาฉกเอาจักรยานของช่างที่มาช่วยกันทำหลังคาวิหารธรรมจักร ก็พยายามค่อยๆ ระวังกัน รักษากันเอาไว้ เราจะไปห้ามก็ไม่ได้นะ ขโมยมันก็คอยที่จะมาหาช่องหาโอกาสมาขโมย จิตเจตนาที่จะเป็นขโมย ถ้าจับได้ก็ดี จับไม่ได้มันก็เสียความรู้สึกสำหรับบุคคลที่ยังดับความเกิดไม่ได้ ละความเกิดไม่ได้
ถ้าบุคคลใดที่เข้าใจในหลักใจแล้วก็ อยากจะได้ก็เอาไป ดูใจของเรามีความทุกข์ มีความกังวลหรือไม่ เป็นเครื่องสอบอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สิ่งไหนที่เรารักมากที่สุดมันมาเอาไปนั้นใจของเรามีความทุกข์หรือไม่ บางครั้งบางคราวสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนที่จะเป็นประโยชน์กับเสียไปเสียมากมายก็มี เราก็ต้องพยายามช่วยกันดูแล ช่วยกันแก้ไข ส่วนขโมยก็เป็นส่วนของเขา จับไม่ได้ก็ให้วิบากกรรมลงโทษ ถ้าจับได้ก็กฎหมายก็ลงโทษ ถึงวาระเวลาก็คงจะได้รับวิบากกรรมของเขาเอง เราก็มาดูใจของเรา แก้ไขใจของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี อย่าไปทุกข์กับสิ่งพวกนั้น แต่เราก็ต้องดูแลรักษารับผิดชอบในส่วนที่เรามี ในส่วนที่เราเป็นให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
จิตของคนแต่ละบุคคลก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็ฝักใฝ่ในบุญ อยากจะสร้างบุญ อยากจะทำบุญ มีความอิ่มในการให้ ในการเอาออก ในการคลาย บางคนก็ตื่นขึ้นมาก็ อะไรที่จะลักขโมยได้ก็แอบทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นแหละ ถึงจิตของแต่ละบุคคลถึงไม่เหมือนกัน เราพยายามถ้ามีอยู่ที่ใคร ก็พยายามกำจัดออกให้มันหมดหลายสิ่งหลายอย่างมันประกอบกันเข้า สมมติบังคับบ้าง ภาระหน้าที่ เหตุการณ์บังคับสารพัดอย่าง ถ้าไม่เอาจริงๆ ก็ยากกับมันอยู่กิเลส
กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสอยู่ในระดับของสมมติ ความพร้อมของสมมติ บางคนบางท่านก็มีพร้อม ก็ไม่ได้ลำบาก เพราะว่าสร้างสะสมมาดี การกระทำก็มาดี มันก็เลยไม่ได้ลำบากทางสมมติ บางคนบางท่านก็ลำบากทางสมมติ เหตุการณ์บังคับ คนถึงไม่เสมอภาคกัน เหมือนกับที่ประเทศอินเดีย ที่ว่าแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าไปเห็นจริงๆ แล้วมันก็เข้ากันไม่ได้จริงๆ พวกชั้นต่ำนี่ก็อยู่กับกองขยะ กองสกปรก จะเอาไปขึ้นสู่ที่สะอาดเขาก็ไม่เอา พวกชั้นกลาง ชั้นต่ำ ชั้นสูง ถึงได้มีชนชั้นวรรณะกันมากมาย ก็ยากอยู่ บางคนก็ชอบสะอาด บางคนก็ชอบสกปรก บางคนก็มีระเบียบ บางคนก็ไม่มีระเบียบ มันก็เลยเข้ากันไม่ได้
แต่บุคคลที่รักดีแล้วถ้ามาฝึก ถึงเกิดอยู่ในโคลนตม ก็ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ถึงจุดหมายปลายทางได้ มันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมี แล้วการกระทำอยู่ปัจจุบันอีก หลายสิ่งหลายอย่างประกอบกันเข้า ไม่ใช่ว่าจะไปปล่อยปละละเลย บางคนพูดกันปากเปียกปากแฉะ ก็ไม่สนใจ บางคนเพียงแค่ได้ยินได้ฟัง เงี่ยหูฟังอะไรที่จะเป็นประโยชน์ ก็รีบไปทำ ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของตัวเอง หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว นั่นแหล่ะคนเราถึงได้สร้างอานิสงส์มาไม่เหมือนกัน
หลวงพ่อถึงพยายามพาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ตั้งแต่วัตถุทานนี่แหละ ตั้งแต่น้อยๆ ขึ้นไปจนถึงวิมุตติหลุดพ้น การเดินปัญญา การเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส พอโอกาสที่จะชี้แนะแนวทางให้ ก็จะชี้แนะแนวทางให้ แต่พวกท่านถ้าไม่เดิน ไม่ศึกษาก็ยากที่จะเข้าใจ แต่มัวตั้งแต่ให้คนโน้นเขาสอน คนนี้เขาใช้การไม่ได้ เราต้องสอนตัวเรา เจริญสติมาพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา สร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ตัดปัญหาสิ่งต่างๆ ออกไป ถ้าคนเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มันก็ยาก หนักตัวเอง แล้วก็ไปหนักคนอื่น เราต้องพยายามฝึกหัดช่วยเหลือตัวเราเองให้ได้ในระดับหนึ่ง มันก็ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไป จากน้อยๆ ไปหามากๆ จนเต็มเปี่ยม จนล้น ถ้าคนเราขาดตกบกพร่องครั้ง 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ไม่รู้จักแก้ไขก็หมักหมมสะสมไปเรื่อยๆ
ในหลักธรรมท่านให้แก้ไขปัจจุบันไม่ให้สะสม ถ้าจะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องปัญญา ทำหน้าที่ด้วยสติด้วยปัญญา ผิดถูกชั่วดีอย่างไร ปัญญา สติปัญญาไปแก้ไข แต่เวลานี้สติปัญญามันมีน้อยนิด เพียงแค่สร้างก็ยังสร้างยากลำบาก จะเอาไปใช้ได้อย่างไร จะไปวิเคราะห์ ความคิดเก่าปัญญาเก่าได้อย่างไร ปัญญากิเลส มีแต่ปัญญาโลกีย์ ปัญญาธรรม ต้องสร้างทำความเข้าใจ แล้วรู้เห็นทำความเข้าใจ หมั่นพร่ำสอนใจ แล้วก็หมั่นละกิเลส ออกจากใจของเรา หมดจด ไม่ใช่ว่าสิ่งธรรมะ ไม่ใช่ว่าจะมาพูดกันเล่นๆ ไม่ใช่ของเล่น
ความจริงของชีวิต กายก็ไม่รู้จักรักษา วาจาก็ไม่รู้จักรักษา ไอ้เรื่องใจมันยิ่งยากเข้าไปอีก ก็ต้องพยายามเข้า ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ยิ่งความเจริญมามากเท่าไร ปัญหาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณ ถ้าเราไม่รู้จักช่วยกันดูแล ช่วยกันแก้ไข มันก็ยาก เรามาช่วยกันดูแล มาช่วยกันแก้ไขให้เป็นปกติธรรมดา ผิดพลาดก็รีบแก้ไข ผิดพลาดก็รีบแก้ไข จะมากจะน้อย ปัญหามันก็ไม่เป็นปัญหา มันก็เป็นปกติธรรมดาของโลกก็เป็นอยู่อย่างงั้น ถ้าคนเราฝึกมาดี อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข เราก็ต้องพยายามกัน
วันที่ 7 วันนี้วันที่ 1 เมษายน วันที่ 7 ตรงกับวันอาทิตย์ จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโค ก็ประมาณสัก 19 คู่ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมอนุโมทนาสาธุร่วมกัน ได้มีท่านผู้ใจบุญทางกรุงเทพ ท่านได้มีโอกาสได้มาปล่อยชีวิตโคแม่ลูก 19 คู่ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกัน มาร่วมกันสร้างตบะบารมี มาร่วมกันสร้างกองบุญ ฝากเอาไว้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้กับสมมติ เป็นสมบัติของทุกคน มาช่วยกันดูแล พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อ ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เรามาอาศัยโลกอยู่ มาอาศัยสมมติอยู่ พยายามรีบตักตวงกองบุญกองกุศลให้เต็มที่
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง พวกเราก็ขาดความเพียรกันตรงนี้มากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ แต่การเกิดของใจ การเกิดของความคิดเขามีอยู่ตลอดเวลา เรามาสร้างความรู้ตัวเข้าไปควบคุมใจ ควบคุมความคิด ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็น ใจของเราก็จะคลายออกจากความคิด ถึงจะเข้าสู่วิปัสสนาตามทำความเข้าใจได้
เพียงแค่การแยกรูปแยกนาม การที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้านี่ก็ยากอยู่แล้ว การที่จะเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ยากอยู่แล้ว ถ้าเราไม่มีความเพียรจริงๆ นี่ยากจริงๆ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น การเกิดของใจนั้นเขาปิดกั้นตัวเขาเองเอาไว้อีก หลายสิ่งหลายอย่างมาปิดกั้นใจของเราเอาไว้มากเลยทีเดียว กายเนื้อก็มาปิดกั้นใจของเราเอาไว้ ความคิด บางครั้งก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ก็มาปิดกั้นใจของเราเอาไว้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดที่เกิดจากใจของเราก็มาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แม้แต่การเกิดของตัวใจก็ปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ ถ้ากำลังสติไม่แหลมคม ไม่วิเคราะห์หาเหตุหาผลจริงๆ ยาก ยากอยู่
ถ้าบุคคลใดที่มีความเพียร ความยากก็จะกลับเป็นของง่าย ง่ายในการดู ง่ายในการรู้ ง่ายในการละ ง่ายในการเอาออกมา มันจะกลับกัน จะยากสำหรับบุคคลที่ขาดความเพียร จะฝืนสำหรับบุคคลที่ฝึกใหม่ๆ ฝืน เพราะว่าเป็นการทวนกระแส ถ้าใจคลายออก มีแต่เอาออก มีแต่ให้ ใจของเราคลาย ใจของเราก็จะตกกระแสธรรม มีตั้งแต่จะละกิเลสออกให้มันหมดจด มันก็จะง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเพียร ยากเสียก่อนค่อยไปหาง่าย
แต่คนทั่วไปก็มีตั้งแต่ความท้อ มีตั้งแต่ความอยาก อยากจะได้บุญ อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม อันนี้เป็นอานิสงส์เป็นตบะบารมี อยู่ในระดับของโลกีย์ ของสมมติ แต่ถ้าเราเข้าใจสมมติกับวิมุตติเขาก็อยู่ด้วยกัน เพราะว่าต่างฝ่ายต่างอิงอาศัยกันอยู่ เพราะว่าใจมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เขาหลงมาเกิดในภพมนุษย์ ถ้าเราไม่ศึกษาจริงๆ เราก็ว่าเราไม่หลง ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญา มันก็มีกันทุกคน แต่เป็นสติปัญญาของโลกีย์ ของสมมติ เราก็ต้องพยายามนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง นั่งอยู่คนเดียวก็ให้รู้ลมหายใจเข้าหายใจออก ทำใจให้โล่งให้โปร่ง ไม่ต้องไปกังวลอะไร ไม่ต้องไปคิดอะไร ไม่ต้องไปพิจารณาอะไรด้วย ขณะที่เราสร้างความรู้ตัว สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาค้นคว้าต่อนะ