หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 67

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 67
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 67
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 67
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็พยายามเริ่ม ถ้าพลั้งเผลอก็เริ่ม เริ่มอยู่บ่อยๆ ฝึกให้เกิดความเคยชิน จิตใจของทุกคนนั้นก็เป็นบุญอยู่แล้ว มีบุญมีอานิสงส์ถึงได้น้อมกายเข้ามาถึงวัด ความเสียสละก็มีกันเพียงพอ แต่การทำความเข้าใจ การเจริญสติ ลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง พยายามทำให้ต่อเนื่อง

ส่วนใจนั้นบางทีก็เกิดๆ ดับๆ บางทีก็ขันธ์ห้าหรือว่าความคิด ที่เราไม่ตั้งใจคิดก็มาปรุงแต่งใจ อันนี้มีกันทุกคน เพราะว่าตัววิญญาณหลงมาตั้งนานถึงได้เกิด เกิดแล้วก็มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อ มีขันธ์ห้าเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ ตัววิญญาณก็อยู่ข้างในกายของเรา

ทีนี้เราน้อมกายของเราเข้ามาศึกษาเพื่อที่จะรู้ความเป็นจริง สติ ความรู้ตัว ปัญญาตัวใหม่นี่เน้นลงอยู่ที่กายของเรา ถึงจะไปแสวงหาทำที่โน่นที่นี่ หาไม่เจอหรอก เราก็ต้องหาภายในกายของเรา วิธีการหาแล้วก็อุบายลักษณะของการเจริญสติ ลักษณะของการเจริญพรหมวิหาร การสร้างบารมี ใจของเรานั้นแต่เดิมนั้นเขาบริสุทธิ์ เขาสะอาด เพราะความไม่รู้ความหลง เขาถึงเกิด เพียงแค่ความเกิดนั้นเขาก็หลง

ทีนี้ความอยาก ความทะเยอทะยานอยาก เข้ามาเจือปนอีก แล้วก็สมมติเข้ามาบังคับอีก อันโน้นก็ยังไม่พร้อม อันนี้ก็ยังไม่พร้อม อันนี้ก็ยังไม่มี มันก็เลยปิดกั้นเอาไว้ ตั้งแต่ความหลง ตั้งแต่การเกิด เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ แล้วก็มีความหลงเข้ามาครอบงำ แล้วก็ความทะเยอทะยานอยากเข้ามาครอบงำ รูป รส กลิ่น เสียงเข้ามาครอบงำ โลกธรรม เสื่อมลาภเสื่อมยศ สารพัดอย่างเข้ามาครอบงำ ก็เลยวิ่งแก้ตั้งแต่ภายนอก ก็เลยลืมภายใน ก็เหตุการณ์จากภายนอกมาทำให้ต้องแก้ไข

ในหลักธรรมต้องทำความเข้าใจทั้งภายนอกภายใน ทั้งสมมติวิมุตติถ้าสมมติของเราบริบูรณ์ก็ส่งผลถึงวิมุติไม่ได้ดิ้นรนมากมาย การแยก การคลาย การละ การดับ มันก็จะเร็วไวขึ้น ง่ายขึ้น ส่วนสถานะสมมติ อะไรมันขาดตกบกพร่องเราก็รีบทำให้มันดีเสีย ไม่ให้ถึงกับลำบาก ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ยังสมมติให้เกิดบุญ เกิดบุญอยู่ในระดับของสมมติ
แต่ในระดับของหลักจิตหลักวิญญาณแล้ว ก็ยังสร้างอยู่ดีๆ แต่ไม่ให้ยึด

ส่วนการขัดเกลากิเลส เราก็ต้องละเอา ขัดเกลาเอา ไม่ใช่จะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาละให้ คนนี้เขาละให้ใจของเราเกิดกิเลสเมื่อไหร่เราก็ละ ละแล้วก็คลาย คลายออก ทำตรงกันข้าม ใจของเราเกิดความอยาก ความโลภ เราก็พยายามละความอยาก ดับความอยาก ด้วยการเอาออก ด้วยการให้ มีความจริงใจต่อตัวเราเอง มีความจริงใจต่อคนอื่น เรียกว่าสัจจะ มีความจริง ไม่ เอารัดเอาเปรียบคนโน้นคนนี้ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน มีความขยันหมั่นเพียร มีความละอายในสิ่งที่ควรละอาย มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ

มองเห็นความเป็นจริงของชีวิต ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเรามัน ก็ยากที่คนอื่นเขาจะแก้ไขตัวเราให้ คำสอนแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนานแล้วแหละ การเจริญสติ การเดินปัญญา การแยกรูปแยกนาม สัมมาทิฐิ แนวทางการเดินที่ถูกต้อง ท่านชี้ไว้หมด การสร้างบารมี การละกิเลส พวกเราก็ได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ผ่านกาลผ่านเวลา อยู่กับความจริงของชีวิตมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เข้าใจความจริง เพราะว่าจิตยังเกิดยังวิ่ง ยังปิดกั้นตัวเอง ยังหลอกตัวเองอยู่ แม้แต่สติปัญญาก็ยังหลอกตัวเองอยู่

แม้ตั้งแต่ถ้าเราความทำความจริงไม่ปรากฏก็อยากที่จะเข้าใจ คนที่จะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้ คนที่จะรู้ความเป็นจริงได้ต้องเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร หมั่นขัดเกลากิเลส หมั่นแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา อยู่คนเดียวเราก็วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเรา อยู่หลายคนก็วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเรา จนมองเห็นความเป็นจริง หมดความสงสัย หมดความลังเล เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์

คำว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร สมมติเป็นลักษณะอย่างไร วิมุติเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร เรามีความเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความขยันต่อเนื่องหรือไม่ เรามีการละกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา แต่ละวันใจของเราเกิดกิเลสสักกี่เที่ยว เหตุจากภายนอกมาทำให้ใจเกิดหรือเกิดขึ้นจากข้างใน

ทำไมใจของเราถึงหลง เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ แก้ไข ขยันหมั่นเพียร ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติทั้งภาระหน้าที่การงานต่างๆ มันเกื้อหนุนกันหมด สมมติกับวิมุติก็อาศัยกันอยู่ โลกกับธรรมก็อาศัยกันอยู่ หมดลมหายใจนั่นแหละ ถึงจะได้วางสมมติ แต่ใจของเราถ้ายังดับความเกิดไม่ได้ก็ต้องไปเกิดต่อ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ มองเห็นความเป็นจริงเอาไว้ แล้วก็น้อม

อย่าไปทิ้งบุญ อย่าไปทิ้งวัด พยายามทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระเจริญ สติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่เดินถึงช้าก็เดินถึงเร็ว ถ้าเรามีความเพียร มีอานิสงส์เพียงพอ อย่าไปทิ้งบุญ แม้แต่นิดๆ หน่อยๆ ก็อย่าไปทิ้ง พยายามหมั่นสร้างคุณงามความดี หมั่นสร้างบุญ อะไรที่จะเป็นอกุศล อะไรที่จะนำทุกข์นำโทษมาให้ เราก็พยายามขัดเกลาออกจากจิตจากใจของเรา ทีนั้นทีนี้ กิเลสต่างๆ ก็จะเหือดแห้งไป ก็ต้องพยายามกัน

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ขอบใจญาติโยมที่มาช่วยกัน ทั้งพระทั้งชี มีความรักสมานสมานสามัคคีกัน อยู่ไกล อยู่ใกล้ มีโอกาสก็ได้มาอยู่ร่วมกัน เพราะว่าเราเคยสร้างอานิสงส์สร้างบุญมาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกัน สักวันหนึ่งพวกเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกันอีก ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนตายก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น เพราะว่ากฎของไตรลักษณ์มันเป็นอยู่อย่างนั้น เราต้องพยายามมองเห็นกฎของความเป็นจริง เราพยายามเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกันทุกคน

เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง