หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 34

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 34
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 34
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 34
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 มีนาคม 2556

พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณากะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงวันหมดลมหายใจ พิจารณาให้รู้เห็นชีวิตของตัวเราเอง เราจะดำเนินชีวิตอย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายคนหลายท่านก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคีกัน ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย การชนะตัวเรานี่ก็ยาก ชนะกิเลสของเรานี่ก็ยาก หมั่นพร่ำสอนตัวเองให้ได้ตลอดนี่ก็ยาก ถ้าไม่ขยันหมั่นเพียร

ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายๆ​ คนหลายๆ​ ท่านก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ไม่ใช่ว่าจะเอามาตั้งแต่แก่งแย่งดี ชิงดีชิงเด่นกัน เสียดายเวลา มาอยู่ร่วมกันก็ให้มีพรหมวิหาร ความเสียสละ ความเมตตา อยู่ด้วยกันไม่ใช่ว่าจะมาเอาตั้งแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ที่นี่คงไม่มีนะ คงไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้ามีการทะเลาะเบาะแว้ง ว่ากันอคติกัน เพ่งโทษกันก็มีแต่คนโง่ คนฉลาดเขาไม่ทำกัน คนฉลาดเขาจะรู้จักแก้ไขรู้จักปรับปรุง

กว่าจะได้มาเป็นวัด กว่าจะได้มาเป็นที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ก็ต้องอาศัยอานิสงส์บุญบารมีของทุกคนนั่นแหละหล่อหลอมรวมกันให้เข้ามา ถึงได้มาเป็นวัด ได้อาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลา อาศัยความเสียสละ ไม่ใช่น้อยๆ ปี หลายปี 30 ปี จากความไม่มี เริ่มจากศูนย์ หนักทั้งสมมติ หนักทั้งวิมุตติ กว่าก็จะได้สถานที่ร่มรื่นร่มเย็นให้พวกเราได้อยู่ได้อาศัยกัน ได้มาอยู่ได้มาอาศัยกัน เราก็มาสร้างมาสานต่อช่วยกัน ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า

หนักเอาเบาสู้ อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันก็ธรรมดา พยายามให้อภัยกัน ช่วยเหลือกันแก้ไขกันไป เท่าที่โอกาศอำนวยให้ ก็จะได้ตั้งเป็นวัดสมบูรณ์แบบ ตั้งเป็นวัดปีเท่าไร ได้ตั้งเป็นวัดปีเท่าไรนะ ปีห้า 52 ปี 52 53 54 55 56 ได้ท่านผู้ใจบุญ คือคุณหมอนี่แหละท่านซื้อที่ถวายตั้งเป็นวัดให้ การได้ตั้งเป็นวัด แล้วก็ได้แต่งตั้งเจ้าอาวาสหลวงปู่ หลวงปู่ชัยก็ท่านก็ได้รับหน้าที่ภาระเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมอุทยานองค์แรก ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสก็เพราะว่าตามหลักความเป็นจริง ก็หลวงพ่อนี่แหละเป็นผู้รับเจ้าอาวาส แต่หลวงพ่อก็ให้หลวงตาชัยเป็นผู้รับแทน เพราะว่าหลวงพ่อต้องการที่จะกำจัดกิเลสของตัวเอง ละอัตตา ละทิฏฐิ ละมานะของตัวเอง ละความอยากของตัวเองออกไปเสีย ไม่ให้อัตตาตัวตนมันมี ก็พยายามละอัตตาตัวตน ก็ให้หลวงตาเป็นคนรับแทน

แล้วก็แต่งตั้งรองเจ้าอาวาส ก็ท่านอาจารย์ต้าหรือว่าท่านเจ้าคุณองค์น้อยๆ มาช่วยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสท่านก็อายุมาก อายุมากแก่แล้วให้ท่านรับในนาม อย่าไป ไม่ให้ท่านได้ลำบาก สภาพร่างกายก็แก่ ก็ให้ท่านอาจารย์ต้าดูแลแทนทำหน้าที่แทน ทำหน้าที่ได้ถูกต้องหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ หรือไปเที่ยวว่าคนโน้นไปเที่ยวว่าคนนี้ ให้ผู้เฒ่านั่งอยู่เฉยๆ จะได้ไม่ให้ลำบาก ก็ช่วยกันดูแล ทำหน้าที่ปกครองหมู่ปกครองคณะให้อยู่ดีมีความสุข

เป็นเจ้าอาวาสเป็นรองเจ้าอาวาสนึกว่าสบาย ไม่ใช่นะ เป็นข้ารับใช้หมู่เพื่อนหมู่คณะ ใครจะว่าอย่างไรก็ทำตัวให้เหมือนกับแผ่นดิน ทำตัวเหมือนกับแผ่นน้ำ อะไรขาดตกบกพร่องก็มาวิ่งมาหาเจ้าอาวาส วิ่งมาหารองเจ้าอาวาส ก็ช่วยกันแก้ไข ทำอย่างไรถึงจะอยู่ดีมีความสุข ต้อนรับแขก ดูแลบริวาร ทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ใช่คอยที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกับคนโน้นทะเลาะเบาะแว้งกับคนนี้ อย่างนั้นก็เป็นร่มอะไร ร่มโพธิ์ ไม่ใช่ร่มโพธิ์​ เป็นร่มมะพร้าวว่าอย่างนั้น คอยหล่นใส่หัวคนโน้นคอยหล่นใส่หัวคนนี้ อันนี้คงไม่ใช่หรอกนะ เราพยายามแก้ไขปรับปรุง มีอะไรเราก็คอยช่วยเหลือกัน อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ยิ่งอยู่คนละทิศละที่ละทางมาอยู่ร่วมกัน การชำระสะสางกิเลสตัวเองก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก แก้ไขกิเลสภายในตัวเรา ช่วยเหลือภายนอก หลายคนมาอยู่ร่วมกันก็ต้องช่วยกัน ให้ท่านเจ้าอาวาสท่านได้พักผ่อน อายุมากแก่แล้ว เราเป็นผู้น้อย เราก็คอยดูแล หลวงพ่อก็คอยดูอยู่ห่างๆ

เพราะหลวงพ่อก็รู้สภาพตัวเองดีว่าสภาพร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง ต้องฉีดอินซูลินทุกวันมาตั้ง 5-6 ปี บางวันก็ทรุดหนัก บางวันก็พอไปได้ สภาพกล้ามเนื้อร่างกาย กล้ามเนื้อของหัวใจ บางวันก็แทบจะเดินไม่ไหว แต่ก็พยายามประคับประคอง ให้พาได้สร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน ไม่รู้ว่าจะอยู่กับพวกท่านไปได้นานสักเท่าไร หลวงพ่อก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ จะอยู่จะไปก็เตรียมพร้อม 30 ปีที่ผ่านมานี้ทำงานหนักแทบทุกวัน ทุกวันเลยก็ว่าได้ ทำงานเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน งานหนักงานเบา ผ่านอุปสรรคมามากมาย จากอยู่องค์เดียวนะอยู่ในป่าช้า ตะลอนๆ อยู่ตามหลุมศพโน้นบ้าง มุมโน้นบ้าง จุดนี้บ้าง อะไรไม่ดีก็รีบทำ อะไรไม่เป็นประโยชน์ก็รีบทำให้กับทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข

บางทีก็มีบริวาร มีหมู่​ มีคณะมาอยู่ด้วยทีละองค์สององค์ ก็อยู่นานเข้าๆ ก็มี ลูกพระลูกเณรมาอยู่ด้วยเยอะ ทั้งญาติโยม ทั้งชี มันต้องมีกฎมีระเบียบ เพราะว่าทุกคนก็มีกฎมีระเบียบอยู่ในตัว ทุกคนก็ปรารถนาหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนก็ปรารถนาแสวงหาธรรม ก็มีเพิ่มเข้ามาเยอะมากขึ้นๆ ยิ่งคนเยอะเท่าไร ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ ความเพียร คนเยอะมากเท่าไรภาระก็ยิ่งมากตามเงา เป็นเงาตามตัว บางคนก็ขยัน บางคนก็เกียจคร้าน บางคนก็มีความรับผิดชอบสูง บางคนก็ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะว่าคนเราเกิดมาบางคนก็มีกิเลสหนา บางคนก็มีกิเลสบาง จะให้ได้ดั่งใจกันทุกคนก็เป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องพยายามอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่าที่จะทำได้ คนหมู่มากบางทีก็ขัดแย้งกัน บางทีเขาทะเลาะเบาะแว้งกันก็เป็นปกติธรรมดา การกินอยู่ขบฉันก็บางทีก็ลำบาก บางทีก็ไม่ลำบาก ทุกวันนี้ก็คงจะไม่ลำบากเท่าไร เพราะว่าไม่เหมือนสมัยก่อน

สมัยก่อนนี่ลำบากอยู่ ทุกวันนี้จนล้นจนเหลือ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพิจารณาแก้ไขตัวเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง ทุกวันนี้อะไรก็ไม่ได้ลำบากเพราะว่าเทวดาเยอะ มาทำบุญมาให้ทานกัน มีตั้งแต่คนภายในของเรานี่แหละจะแก้ไขตัวของเราได้หรือไม่ บางคนก็ขยัน บางคนก็เกียจคร้าน บางคนก็ทำงานหนัก มันก็เป็นปกติธรรมดา อยู่ร่วมกันก็ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง มันก็เกิดเหตุจนได้แหละนะ ก็มีเหตุ มีเหตุจนได้นั่นแหละ เรื่องทางโรงครัวก็เหมือนกัน ทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงพระ เลี้ยงชี​ เลี้ยงเณร แต่ละวันๆ ต่อไปก็พระเรา​ งาน ภาระหน้าที่การงานก็คงจะเบาบางลงไปแล้วแหละ ไม่ได้ลำบากไม่ได้หนักอะไรแล้วแหละ ค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป ก็อาศัยแรงของหมู่ของคณะทุกคนช่วยกัน ตกช่วงเพลๆ ก็พอที่จะวางงานได้ ก็ประมาณสัก 10 โมง 10 โมงก็อาบน้ำอาบท่า สรงน้ำสรงท่า มารวมฉันเพลกันที่ศาลาหอฉันที่โรงครัว ทางครัวก็จะไม่ได้ลำบากไปจัดไปหลายที่ ให้มีมากมีน้อยก็ให้ฉันร่วมกัน มาฉันร่วมกัน

ภาระหน้าที่การงานก็วางเอาไว้เสียก่อน แต่ก่อนก็อาจจะงานหนักงานเยอะก็จัดไปฉันกันที่โน่น ทีนี้ทางครัวก็อยากจะให้ไม่ให้ลำบาก ให้มาร่วมฉันกันทีเดียวที่โรงฉันหอฉัน จะไม่ได้แบ่ง แบ่งไปจุดโน้นแบ่งไปจุดนี้ ให้มาฉันรวมกันทีเดียว งานก็เบาบางลงไป งานหนักๆ ต่างคนก็ต่างเห็นใจกัน ให้เรามีความอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักหน้าที่ รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกหรอก เพราะว่าความไม่เข้าใจกันก็ว่ากันเป็นปกติธรรมดาเรื่องเล็กๆ​ น้อยๆ กว่าจะได้มาเป็นที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่บริบูรณ์ เราก็รู้จักวิเคราะห์พิจารณา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อไปก็ให้มารวมกันฉันที่ศาลาโรงครัว จะมีมากมีน้อยก็ให้ฉันร่วมกัน ไม่ต้องไปแบ่งไปโน้นแบ่งไปนี่ งานทางภาระหน้าที่การงานเราพอวางได้เราก็วางก่อน จะได้ไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ลำบากทั้งครัว ไม่ได้ลำบากกับภาระหน้าที่การงาน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเบาบาง

หลวงพ่อก็ขอบใจทุกคนนั่นแหละ ต่างคนก็ต่างหวังดี ต่างคนก็ต่างปรารถนาดีด้วยความรัก ความอนุเคราะห์ ความเคารพในองค์หลวงพ่อ หลวงพ่อก็มองเห็นทุกคน บางคนก็มีจิตอยู่ระดับนี้ บางคนก็มีจิตอยู่ระดับนี้ เราก็ช่วยเหลือกันให้ไปตามอานิสงส์แห่งบุญอานิสงส์แห่งกรรม ไปตามวิบากของกรรม มีอะไรเราก็ได้ช่วยกัน ถ้าไม่มีบุญร่วมกันเราก็คงไม่ได้ช่วยกัน มีบุญมาร่วมกันถึงได้ช่วยกัน

วันนี้ก็เห็นว่าจะบวชสามเณร บวชเป็นพระ พ่อแม่มาไหม พ่อแม่เณรมาไหม ก็อนุญาตให้บวชเสีย บวชวันไหนก็บวช ให้พ่อแม่พามาบวช ท่านอาจารย์โต้งก็รับภาระหน้าที่ทางบวชพระบวชเณร บวชพระก็มีหน้าที่ ความเข้าใจผิดกันเล็กๆ​ น้อยๆ ในทางวัด ทางดูแลพระหมู่คณะเพื่อนฝูง ก็มอบภาระหน้าที่ให้ท่านอาจารย์ต้าคอยดูแลคอยปกครอง อะไรผิดพลาดก็แก้ไข หลวงพ่อก็ดูอยู่ ให้รู้จักหน้าที่กัน ไม่ต้องไปแบ่งไปนั่นกัน ญาติโยมที่จะมาบวชพระบวชอะไรก็ให้เป็นภาระหน้าที่ของท่านอาจารย์โต้งให้คอยดูแลคอยพิจารณา ทางด้านภายในวัดก็ให้ท่านอาจารย์ต้าเป็นคนตัดสิน เป็นคนดูแลหมู่คณะเพื่อนฝูง ไปอย่างไรมาอย่างไร ส่วนท่านเจ้าอาวาสก็ให้พักผ่อนแก่แล้ว จะไปใช้คนแก่เดี๋ยวตกนรก ให้พักผ่อน เอาคนแก่ไว้บ้านเฝ้าบ้าน คอยดูแล หลวงพ่อก็ดูอยู่ มีอะไรหลวงพ่อก็ให้ช่วยเหลืออนุเคราะห์ ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข

คนเราเกิดมาก็ได้อนุเคราะห์กัน ช่วยเหลือกัน อะไรไม่ดีเราก็รีบแก้ไขเสีย ความเข้าใจไม่ถูกต้อง ความเข้าใจผิดพลาดก็รีบแก้ไข ไม่เป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ช่วยกัน ให้รู้จักหน้าที่ ไม่ต้องไปแก่งแย่งกัน เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็สักหน่อยก็พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ขณะที่เรายังมีกำลัง ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็พยายามสร้างประโยชน์ สร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มากมาย

รู้จักพิจารณาตัวเรา รู้จักแก้ไขตัวเรา รู้จักควบคุมกาย ควบคุมวาจา จัดระบบระเบียบ ทั้งภายนอกทั้งภายใน กว่าจะได้มาเป็นสถานที่ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ก็อาศัยอานิสงส์ของทุกคนนั่นแหละมาช่วยกัน มาดูแลช่วยกัน ไม่ใช่จะเอาตั้งแต่ทิฏฐิของใครของมัน คอยอคติ​ คอยเพ่งโทษกัน คอยว่ากันอย่างนั้นไม่ใช่ เป็นวิสัยของคนไม่ดี เป็นวิสัยของคนพาล เราจงพยายามละกิเลสภายในของเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ช่วยกันให้เป็นประโยชน์ ถ้าไม่ดีก็รีบแก้ไขตัวเรา อย่าเอาตั้งแต่มานะทิฏฐิ กูดีมึงดี มีแต่คนเก่งๆ อยู่ด้วยกันมันก็พัง

ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ก็พิจารณาตัวเองออกจากหมู่ออกจากคณะ ออกจากสถานที่ มันก็ไม่มีอะไรมากมาย ก็ต้องพยายามกัน ถ้ารู้จักจำแนกแจกแจงหน้าที่ หรือว่าท่านเจ้าคุณดูแลหมู่คณะไม่ได้ มีตั้งแต่คอยหลบคอยหลีก เห็นตัวเล็กๆ นี้ใจใหญ่นะ ทานหมดนะ เอาของพ่อของแม่มาทานหมดนะ จนพ่อแม่ไม่ให้เข้าบ้านนะ อานิสงส์ผลทานท่านเยอะ พรหมวิหารท่านเยอะ มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา มีอะไรผิดพลาดอย่างไรก็รับผิดแต่เพียงผู้เดียว แล้วก็รีบแก้ไข ให้หมู่ให้คณะได้อยู่ดีมีความสุข

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้​สัมผัสทางลมหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน การที่เราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องเข้าไปรู้ใจ รู้จักการเกิดของใจ รู้จักการเกิดการดับของขันธ์ห้า เราถึงเข้าไปแก้ไขปัญหาทุกข์ที่เกิดจากใจของเราไม่ได้ถึงต้นเหตุ ทั้งที่รู้ บางทีก็รู้อยู่ แต่การดับ การควบคุม การอบรม การหมั่นพร่ำสอนเขาก็เลยไม่มี มันก็เป็นการพร่ำสอนอยู่ในระดับของสมมติ อันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่เราก็ยังดับทุกข์ที่ใจไม่ได้ เราต้องพยายาม

รู้ให้ถึงแก่นคือ รู้ถึงฐานของใจ แล้วก็รู้จักแก้ไขตัวเรา ชนะตัวเราให้ได้เสียก่อนแล้วก็ถึงจะชนะไปหมดทุกที่ทุกอย่าง ความขยันหมั่นเพียรของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา มันก็จะล้นออกไปสู่หมู่​สู่คณะ สู่พี่สู่น้อง สู่สังคม สู่โลกภายนอก ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสงบความสุข​ ถ้าเราละทิฏฐิ ละความเห็นผิด ละอัตตาตัวตนออกจากใจของเราได้ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี

ถึงเราจะยังแยกแยะภายในของเราไม่ได้ ก็ขอให้ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล มองโลกในทางที่ดี แล้วก็คิดดี แล้วก็ทำดี ให้อภัยอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ทุกคนก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์ ทุกคนก็ปรารถนาหาทางหลุดพ้น บางทีก็ถึงเร็ว บางทีก็ถึงช้า บางทีก็ เจออุปสรรคสิ่งโน้นบ้างสิ่งนี้บ้าง อุปสรรคต่างๆ​ มีไว้ให้แก้ไข ก็รีบแก้ไขขณะอย่างมีลมหายใจขณะอยู่ปัจจุบันนี้แหละ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว มั่วตั้งแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี กูเก่งมึงไม่เก่ง กูทำมึงไม่ทำ เป็นวิสัยของคนพาล เป็นวิสัยของคนโง่ ต้องตำหนิตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง ปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา

ตายแทนกันไม่ได้นะ ทุกคนตายด้วยตนเองทั้งนั้น แต่ความเป็นอยู่สมมติมีการอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ แต่ทางวิมุตติทางด้านจิตใจ การละกิเลสก็ต้องละเอาทำเอา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาละให้คนนี้เขาละให้ มาอยู่ร่วมกันก็​ ท่านถึงบัญญัติเอาไว้ มีศีล ความปกติ เพื่อได้อยู่รวมกันให้อยู่ในความสวยความงามก็เป็นระเบียบ ศีลสมมติ ศีลสังคม ศีลวิมุตติ ความปกติของใจ ความเสียสละ การละกิเลส มันมีไม่มากหรอก ถ้าคนรู้จักแก้ไขตัวเอง

แต่ละวันตื่นขึ้นมากายของเราเป็นอย่างไร วาจาของเราเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร รีบแก้ไข อะไรที่จะเป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็เจริญเสีย เจริญให้มากๆ ทำให้มากๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน งานสมมติภายนอกเราก็ช่วยกันทำ จากหนักก็เป็นเบา จากเบาก็แทบจะไม่มี พวกเราก็ช่วยกันทำ ก็พวกเรานั่นแหละได้รับความร่มรื่นร่มเย็น จากลำบากเสียก่อนก็ไปสู่ความสบาย ความสุขความสบาย ถ้าคนต่างคนต่างทำไปคนละทิศละที่ละทาง จะหาความเจริญ จะพัฒนาได้ที่ไหน เราต้องพัฒนาเราก่อน พัฒนาตนก่อน แล้วก็ล้นออกไปสู่การพัฒนาภายนอก

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน อยู่ที่บ้านก็เหมือนกัน การดูแลหมู่คณะเพื่อนฝูงก็เหมือนกับพ่อแม่เลี้ยงดูลูกนั่นแหละ ลูกคนโน้นเป็นอย่างนั้น ลูกคนนี้เป็นอย่างนี้ ก็ช่วยแก้ไข ปรับปรุงได้เราก็พอปรับปรุง พอช่วยได้เราก็ช่วย ช่วยไม่ได้ถึงจะอยู่อุเบกขา ปล่อยไปตามยถากรรม ยกให้เป็นเรื่องของกรรม เป็นวิบากของกรรม คนไหนมีบุญมีอานิสงส์ คนไหนมีกรรมดีสร้างกรรมดีก็ได้มาอยู่ร่วมกันได้มาช่วยกัน คนไหนที่สร้างกรรมไม่ดีหรือว่าอกุศลกรรมมันก็ตกไป มีโอกาสมีบุญมีวาสนาถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ก็ให้มีตั้งแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคีกัน ให้อภัยกันอโหสิกรรมกัน อย่าไปถือโทษโกรธกัน สิ่งที่ผ่านๆ มาก็ให้มันผ่านไป สิ่งไหนไม่ดีก็รีบแก้ไข บางครั้งบางคราวแม้แต่แต่องค์หลวงพ่อเอง บางทีก็ทั้งทางกาย ทางวาจา การพูดการจาก็อาจจะกระทบกระทั่งกันบ้าง หลวงพ่อก็ขออภัยทุกคน มีอะไรก็ให้ช่วยกัน ก็จะอยู่ดีมีความสุข

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ ให้ต่อเนื่องกันสักพัก ระยะหนึ่ง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจนกัน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง