หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 33
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 33
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 33
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 มีนาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ เพียงแค่การสร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจ พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตรงนี้ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ ใจอยากจะรู้ธรรม อยากจะเห็นธรรม ความอยากที่เกิดจากใจหรือว่าเกิดจากวิญญาณในกายของเรานี่เขาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติ เข้าไปรู้ เข้าไปสังเกต เข้าไปทำความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ถึงจะทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราได้ คนเรานี้เกิดมาด้วยแรงบุญด้วยแรงกรรม เกิดมาด้วยความหลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่การเกิดเขาก็หลง อาจจะเกิดอยู่ในฝ่ายกุศล ฝ่ายบุญ ทุกคนหลงกันหมด นอกจากบุคคลที่มาสังเกตแยกแยะ แยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจให้ได้ตลอดทุกเรื่อง แล้วก็ละ แล้วก็ดับความเกิด ถึงจะมองเห็นชัดเจนว่า หนทางเดินไปอย่างไรมาอย่างไร คนทั่วไปนี้เดินด้วยความ ทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากด้วยหวังด้วย บางทีก็อยู่ในบุญบ้าง บางทีก็อยู่ในกองกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ทั้งที่รู้ๆ เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง แจงออกให้เห็นชัดเจนทุกอย่าง แล้วก็หมั่นอบรมใจของเราตลอดเวลา
ใจเกิดเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้น เกิดกิเลสเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้น การพร่ำสอนตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง เราต้องทำต้องสร้างขึ้นมา ไม่ใช่จะไปเที่ยวแสวงหาธรรมที่โน่นแสวงหาธรรมที่นี่ แสวงหาเจริญสติเข้าไปดูรู้อยู่ในกายของเรา ว่าอะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ความคิดเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร สติรู้ตัวอยู่ คำว่า ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร ต้องแจงให้ออกให้ชัดเจน เราถึงจะรู้ว่าตัววิญญาณในกายของเรา ซึ่งไม่มีตัวไม่มีตนเป็นของว่าง แต่เขาก็ปิดบังอำพรางตัวเขาเอาไว้ทุกเรื่อง เราละออกให้มันหมด ละกิเลสออกให้มันหมด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราถึงจะมองเห็นตัวใจที่ชัดเจน แต่คนทั่วไปนั้นก็ยาก เพราะว่าการเกิดของใจ แต่ละวันแต่ละนาที เขาเกิดมาหลายภพหลายชาติด้วย จะให้มาลบล้างกันแค่วัน เดือน ปี อันนี้ก็ต้องพยายามสร้างตบะบารมีอย่างสูงเลยทีเดียว
ละความทะเยอทะยานอยาก ละกิเลส ให้อภัยทานอโหสิกรรม ทุกอย่าง จนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา แต่ก็อย่าไปทิ้ง พยายามฝักใฝ่สนใจ แต่เป็นการสนใจด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากเหตุจากผล เหตุภายในซึ่งเป็นส่วนนามธรรมก็มี เหตุภายนอกซึ่งเป็นส่วนรูปธรรมก็มี แต่การสร้างความรู้ตัวหรือว่าผู้รู้ หรือว่าสติตัวใหม่นี้ ต้องสร้างให้ชำนาญให้เกิดความเคยชิน แล้วก็รู้จักเอาไปอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา มองเห็นอะไรผิดอะไรถูก ละได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปงอมืองอเท้า
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม จนล้นออกไป ทำความเข้าใจได้ทุกเรื่อง รอบรู้ในกองสังขารภายใน รอบรู้ในโลกธรรม การได้ยินได้ฟังได้อ่าน บุคคลที่มีปัญญาฟังนิดเดียว ไปหมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา การสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างนี้ การเกิดของวิญญาณเรารู้ไม่ทัน เรารู้จักควบคุมเอาไว้ จนกว่าเราจะเห็น แล้วก็แยกแยะได้ ตามทำความเข้าใจได้ อะไรควรละอะไร ควรเจริญ อะไรควรดำเนินก่อนดำเนินหลัง ก็จะรีบเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้ ลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 มีนาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ เพียงแค่การสร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจ พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตรงนี้ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ ใจอยากจะรู้ธรรม อยากจะเห็นธรรม ความอยากที่เกิดจากใจหรือว่าเกิดจากวิญญาณในกายของเรานี่เขาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติ เข้าไปรู้ เข้าไปสังเกต เข้าไปทำความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ถึงจะทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราได้ คนเรานี้เกิดมาด้วยแรงบุญด้วยแรงกรรม เกิดมาด้วยความหลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่การเกิดเขาก็หลง อาจจะเกิดอยู่ในฝ่ายกุศล ฝ่ายบุญ ทุกคนหลงกันหมด นอกจากบุคคลที่มาสังเกตแยกแยะ แยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจให้ได้ตลอดทุกเรื่อง แล้วก็ละ แล้วก็ดับความเกิด ถึงจะมองเห็นชัดเจนว่า หนทางเดินไปอย่างไรมาอย่างไร คนทั่วไปนี้เดินด้วยความ ทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากด้วยหวังด้วย บางทีก็อยู่ในบุญบ้าง บางทีก็อยู่ในกองกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ทั้งที่รู้ๆ เราต้องทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง แจงออกให้เห็นชัดเจนทุกอย่าง แล้วก็หมั่นอบรมใจของเราตลอดเวลา
ใจเกิดเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้น เกิดกิเลสเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้น การพร่ำสอนตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง เราต้องทำต้องสร้างขึ้นมา ไม่ใช่จะไปเที่ยวแสวงหาธรรมที่โน่นแสวงหาธรรมที่นี่ แสวงหาเจริญสติเข้าไปดูรู้อยู่ในกายของเรา ว่าอะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ความคิดเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร สติรู้ตัวอยู่ คำว่า ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร ต้องแจงให้ออกให้ชัดเจน เราถึงจะรู้ว่าตัววิญญาณในกายของเรา ซึ่งไม่มีตัวไม่มีตนเป็นของว่าง แต่เขาก็ปิดบังอำพรางตัวเขาเอาไว้ทุกเรื่อง เราละออกให้มันหมด ละกิเลสออกให้มันหมด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราถึงจะมองเห็นตัวใจที่ชัดเจน แต่คนทั่วไปนั้นก็ยาก เพราะว่าการเกิดของใจ แต่ละวันแต่ละนาที เขาเกิดมาหลายภพหลายชาติด้วย จะให้มาลบล้างกันแค่วัน เดือน ปี อันนี้ก็ต้องพยายามสร้างตบะบารมีอย่างสูงเลยทีเดียว
ละความทะเยอทะยานอยาก ละกิเลส ให้อภัยทานอโหสิกรรม ทุกอย่าง จนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา แต่ก็อย่าไปทิ้ง พยายามฝักใฝ่สนใจ แต่เป็นการสนใจด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาจากเหตุจากผล เหตุภายในซึ่งเป็นส่วนนามธรรมก็มี เหตุภายนอกซึ่งเป็นส่วนรูปธรรมก็มี แต่การสร้างความรู้ตัวหรือว่าผู้รู้ หรือว่าสติตัวใหม่นี้ ต้องสร้างให้ชำนาญให้เกิดความเคยชิน แล้วก็รู้จักเอาไปอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา มองเห็นอะไรผิดอะไรถูก ละได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปงอมืองอเท้า
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม จนล้นออกไป ทำความเข้าใจได้ทุกเรื่อง รอบรู้ในกองสังขารภายใน รอบรู้ในโลกธรรม การได้ยินได้ฟังได้อ่าน บุคคลที่มีปัญญาฟังนิดเดียว ไปหมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา การสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างนี้ การเกิดของวิญญาณเรารู้ไม่ทัน เรารู้จักควบคุมเอาไว้ จนกว่าเราจะเห็น แล้วก็แยกแยะได้ ตามทำความเข้าใจได้ อะไรควรละอะไร ควรเจริญ อะไรควรดำเนินก่อนดำเนินหลัง ก็จะรีบเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้ ลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ