หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 115
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 115
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกเราก็หัดสังเกต หัดทำความเข้าใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นี่แหละงาน งานรู้เวลาลมหายใจกระทบปลายจมูก หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง สติของเราก็ตั้งมั่นขึ้น ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องท่านเรียกว่าสัมปชัญญะ ถ้ากําลังสติมีความเข้มแข็งพอ พอที่จะไปรู้เท่าทันใจ เอาไปอบรมใจของเราได้
แต่เวลานี้ใจของเรายังเกิด ยังวิ่ง ยังหลงสารพัดอย่าง เวลานี้ใจทั้งใจ ทั้งความคิด ยังไปบงการควบคุมหมดทุกอย่าง เราถึงมาสร้างผู้รู้ให้เข้มแข็ง แล้วก็ไปอบรมใจ ไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะเดินอย่างไร เดินด้วยปัญญาใจต้องว่างบริสุทธิ์ รับรู้อยู่ แต่เวลานี้ใจของเรามันเกิดความทะเยอทะยานอยาก อยาก ทั้งอยาก ทั้งโลภ ทั้งโกรธ ทั้งยินดียินร้าย ทั้งผลักไส ทั้งดึงเข้ามา สารพัดอย่างที่มันจะปิดกั้นตัวของมันเองเอาไว้
นอกจากบุคคลที่มีกําลังสติที่แหลมคมเร็วไว สังเกตวิเคราะห์ตามดู รู้เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรา จนปัญญายอมรับความเป็นจริงได้ หมด ยกธงขาวรับสารภาพได้นั้น เขาถึงจะยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าเขาจะแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน ขันธ์ห้าก็เหมือนกัน เขาก็มาปรุงแต่งใจเป็นเพื่อนของใจมาตั้งนาน ไม่ใช่ว่าเขาจะแพ้ได้ง่ายๆ เผลอเมื่อไรเขาก็เล่นงาน แต่เวลานี้กําลังสติไม่มีเลย ไม่มีการเผลอเลย ปล่อยเลยตามเลย เขาก็เล่นงานเอา
กําลังสติของเราเร็วไว ชี้เหตุชี้ผลตั้งแต่ใจกระดุกกระดิก ก่อนจะเริ่มก่อตัวโน่น ความคิดจะเริ่มก่อตัว มันเกิดอย่างไร ไปอย่างไร ใหม่ๆ นี่มันก็เร็วไว สตินี่ช้าก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา ก่อนที่จะไปรู้เหตุรู้ผล ตามดู แล้วก็ละกิเลสหยาบ กิเลสละเอียด มีเรื่องเดียวนี่แหละที่จะต้องศึกษา ถ้ารู้ด้วยเห็นด้วย แยกด้วย ยิ่งจะสนุก กิเลสตัวไหน เราพลั้งเผลอให้กิเลสได้อย่างไร ใจของเราเกิดกิเลสได้อย่างไร เราแพ้ได้อย่างไร จะมีความสุขมาก เราชนะมันครั้งหนี่ง ครั้งสอง ครั้งสาม ไปจนเรื่อยๆ จนเป็นนาที เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ใจรู้ สติดู ใจเป็นธาตุรู้ สติเป็นผู้รู้ จนรู้พร้อมกัน เอาสติปัญญาไปใช้การใช้งาน นั่นแหละถึงจะอยู่อย่างมีความสุข รอวันธาตุขันธ์แตกดับ ยังไม่ถึงเวลาก็สนุกสร้างบุญสร้างประโยชน์กันไปให้เต็มเปี่ยมเต็มที่
ทุกคนเรา วันนี้ทุกคนเรานี้อยู่ด้วยความหลง อย่าว่าเราไม่หลงนะ ตราบใดที่ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ตราบใดที่ยังเดินปัญญาละขันธ์ห้าไม่ได้ ดับความเกิดไม่ได้ อาจจะหลงอยู่ในการสร้างคุณงามความดี หลงอยู่ในบุญ อันนี้ก็ยังเป็นการสร้างบารมีในฝ่ายกุศล ในหลักธรรมแล้วก็ละอกุศลเจริญกุศลไม่ให้ยึด ยกระดับใจคลายใจของเราออกให้อยู่เหนือทุกอย่าง อยู่เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ เราก็จะอยู่กับบุญ ถึงไม่อยากจะได้บุญ เราก็อยู่กับบุญ
ตัวใจของเราเลยแหละคือตัวบุญ แต่เราก็พยายามฝักใฝ่สนใจอยู่ ได้ทีละเล็กน้อยก็ยังดี ดีกว่าไม่ทำ ระลึกนึกถึงคุณงามความดี ตื่นขึ้นมา มาทำบุญที่วัด ใจก็ฝักใฝ่มาทำบุญที่วัด ต่อไปข้างหน้า การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อานาปานสติเป็นอย่างนี้ กุศล อกุศล อาการของความคิด อารมณ์เป็นอย่างนี้ๆ เขาก็ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ
รู้จักแนวทาง รู้จักวิธีการ แล้วไปทำตั้งแต่ตื่นขึ้นมายังไม่ลุกจากที่ จะลุก จะก้าว จะเดิน ความรู้สึกเปลี่ยนอยู่ที่การเดิน นี่แหล่ะตากระทบรูปรู้ใจ ใจไม่ยินดีไม่ยินร้าย หูกระทบเสียง ถ้าเรามีสติคอยสังเกต คอยวิเคราะห์ เราก็จะได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา สติปัญญาก็จะคอยสอนใจอบรมใจอยู่ตลอดเวลา นี่แหละจะเป็นบุคคลที่ได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา แก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา คนทั่วไปสติก็ไม่ได้สร้าง สร้างอยู่แต่ไม่ต่อเนื่อง ยังแยก รูป รสกลิ่น เสียง ออกจากใจไม่ได้ หูก็มีหน้าที่ฟังสักแต่ว่าฟัง เสียงก็สักแต่ว่าเสียง เขาทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
ช่วงใหม่ๆ หลวงพ่อมาอยู่ป่าช้าตั้งแต่ 30 ปี ก็มาอยู่ป่าช้ามาบําเพ็ญอยู่คนเดียวอยู่ตามหลุมศพ รถยนต์มันก็วิ่งอยู่ที่ถนนมิตรภาพโน่น เวลานั่ง เวลานอน เวลากลางคืนเหมือนว่าจะมาเหยียบหัวเรา ก็ไปโทษเขาว่าเขามารบกวนเรา อยู่ไม่เป็นสุข เสียงรถคันนั้นวิ่งเข้ามา วิ่งเข้ามาปี๊ดป๊าดๆ มันก็จะมาเหยียบเรา เราก็ไปโทษเขาว่าเขามารบกวนเรา อย่างนั้นอย่างนี้ ที่ไหนได้เราส่งใจออกไปรับเขา ใจมัน หูมีหน้าที่ฟัง ใจมีหน้าที่รับรู้ เราดับความเกิดที่ใจเสีย จะมีมากมายถึงขนาดไหน เขาก็อยู่ส่วนเขา เสียงก็เหมือนกัน รูปก็เหมือนกัน รสก็เหมือนกัน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั่นก็เป็นทางผ่านเข้าไปทางทวารทั้งหก เข้าถึงตัวใจ
ถ้าเรามีสติคอยดูใจ ใจของเราเกิดความยินดีไหม ยินร้ายไหม ผลักไสไหม เป็นกลางไหม นิ่งไหม ใจเกิดความกลัวหรือว่าเกิดความอยาก ความอยาก อยากอาหาร อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง มันพิจารณาฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องพยายามนะ หมั่นพร่ำสอนตัวเราตลอดเวลา กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็ยากแสนยาก กว่าจะได้มาอยู่กับสมมติที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้ลําบาก เราก็พยายามตักตวงสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นให้เต็มเปี่ยม เท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวยให้ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา
แต่เวลานี้ใจของเรายังเกิด ยังวิ่ง ยังหลงสารพัดอย่าง เวลานี้ใจทั้งใจ ทั้งความคิด ยังไปบงการควบคุมหมดทุกอย่าง เราถึงมาสร้างผู้รู้ให้เข้มแข็ง แล้วก็ไปอบรมใจ ไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะเดินอย่างไร เดินด้วยปัญญาใจต้องว่างบริสุทธิ์ รับรู้อยู่ แต่เวลานี้ใจของเรามันเกิดความทะเยอทะยานอยาก อยาก ทั้งอยาก ทั้งโลภ ทั้งโกรธ ทั้งยินดียินร้าย ทั้งผลักไส ทั้งดึงเข้ามา สารพัดอย่างที่มันจะปิดกั้นตัวของมันเองเอาไว้
นอกจากบุคคลที่มีกําลังสติที่แหลมคมเร็วไว สังเกตวิเคราะห์ตามดู รู้เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรา จนปัญญายอมรับความเป็นจริงได้ หมด ยกธงขาวรับสารภาพได้นั้น เขาถึงจะยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าเขาจะแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน ขันธ์ห้าก็เหมือนกัน เขาก็มาปรุงแต่งใจเป็นเพื่อนของใจมาตั้งนาน ไม่ใช่ว่าเขาจะแพ้ได้ง่ายๆ เผลอเมื่อไรเขาก็เล่นงาน แต่เวลานี้กําลังสติไม่มีเลย ไม่มีการเผลอเลย ปล่อยเลยตามเลย เขาก็เล่นงานเอา
กําลังสติของเราเร็วไว ชี้เหตุชี้ผลตั้งแต่ใจกระดุกกระดิก ก่อนจะเริ่มก่อตัวโน่น ความคิดจะเริ่มก่อตัว มันเกิดอย่างไร ไปอย่างไร ใหม่ๆ นี่มันก็เร็วไว สตินี่ช้าก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา ก่อนที่จะไปรู้เหตุรู้ผล ตามดู แล้วก็ละกิเลสหยาบ กิเลสละเอียด มีเรื่องเดียวนี่แหละที่จะต้องศึกษา ถ้ารู้ด้วยเห็นด้วย แยกด้วย ยิ่งจะสนุก กิเลสตัวไหน เราพลั้งเผลอให้กิเลสได้อย่างไร ใจของเราเกิดกิเลสได้อย่างไร เราแพ้ได้อย่างไร จะมีความสุขมาก เราชนะมันครั้งหนี่ง ครั้งสอง ครั้งสาม ไปจนเรื่อยๆ จนเป็นนาที เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ใจรู้ สติดู ใจเป็นธาตุรู้ สติเป็นผู้รู้ จนรู้พร้อมกัน เอาสติปัญญาไปใช้การใช้งาน นั่นแหละถึงจะอยู่อย่างมีความสุข รอวันธาตุขันธ์แตกดับ ยังไม่ถึงเวลาก็สนุกสร้างบุญสร้างประโยชน์กันไปให้เต็มเปี่ยมเต็มที่
ทุกคนเรา วันนี้ทุกคนเรานี้อยู่ด้วยความหลง อย่าว่าเราไม่หลงนะ ตราบใดที่ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ตราบใดที่ยังเดินปัญญาละขันธ์ห้าไม่ได้ ดับความเกิดไม่ได้ อาจจะหลงอยู่ในการสร้างคุณงามความดี หลงอยู่ในบุญ อันนี้ก็ยังเป็นการสร้างบารมีในฝ่ายกุศล ในหลักธรรมแล้วก็ละอกุศลเจริญกุศลไม่ให้ยึด ยกระดับใจคลายใจของเราออกให้อยู่เหนือทุกอย่าง อยู่เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ เราก็จะอยู่กับบุญ ถึงไม่อยากจะได้บุญ เราก็อยู่กับบุญ
ตัวใจของเราเลยแหละคือตัวบุญ แต่เราก็พยายามฝักใฝ่สนใจอยู่ ได้ทีละเล็กน้อยก็ยังดี ดีกว่าไม่ทำ ระลึกนึกถึงคุณงามความดี ตื่นขึ้นมา มาทำบุญที่วัด ใจก็ฝักใฝ่มาทำบุญที่วัด ต่อไปข้างหน้า การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อานาปานสติเป็นอย่างนี้ กุศล อกุศล อาการของความคิด อารมณ์เป็นอย่างนี้ๆ เขาก็ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ
รู้จักแนวทาง รู้จักวิธีการ แล้วไปทำตั้งแต่ตื่นขึ้นมายังไม่ลุกจากที่ จะลุก จะก้าว จะเดิน ความรู้สึกเปลี่ยนอยู่ที่การเดิน นี่แหล่ะตากระทบรูปรู้ใจ ใจไม่ยินดีไม่ยินร้าย หูกระทบเสียง ถ้าเรามีสติคอยสังเกต คอยวิเคราะห์ เราก็จะได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา สติปัญญาก็จะคอยสอนใจอบรมใจอยู่ตลอดเวลา นี่แหละจะเป็นบุคคลที่ได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา แก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา คนทั่วไปสติก็ไม่ได้สร้าง สร้างอยู่แต่ไม่ต่อเนื่อง ยังแยก รูป รสกลิ่น เสียง ออกจากใจไม่ได้ หูก็มีหน้าที่ฟังสักแต่ว่าฟัง เสียงก็สักแต่ว่าเสียง เขาทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว
ช่วงใหม่ๆ หลวงพ่อมาอยู่ป่าช้าตั้งแต่ 30 ปี ก็มาอยู่ป่าช้ามาบําเพ็ญอยู่คนเดียวอยู่ตามหลุมศพ รถยนต์มันก็วิ่งอยู่ที่ถนนมิตรภาพโน่น เวลานั่ง เวลานอน เวลากลางคืนเหมือนว่าจะมาเหยียบหัวเรา ก็ไปโทษเขาว่าเขามารบกวนเรา อยู่ไม่เป็นสุข เสียงรถคันนั้นวิ่งเข้ามา วิ่งเข้ามาปี๊ดป๊าดๆ มันก็จะมาเหยียบเรา เราก็ไปโทษเขาว่าเขามารบกวนเรา อย่างนั้นอย่างนี้ ที่ไหนได้เราส่งใจออกไปรับเขา ใจมัน หูมีหน้าที่ฟัง ใจมีหน้าที่รับรู้ เราดับความเกิดที่ใจเสีย จะมีมากมายถึงขนาดไหน เขาก็อยู่ส่วนเขา เสียงก็เหมือนกัน รูปก็เหมือนกัน รสก็เหมือนกัน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั่นก็เป็นทางผ่านเข้าไปทางทวารทั้งหก เข้าถึงตัวใจ
ถ้าเรามีสติคอยดูใจ ใจของเราเกิดความยินดีไหม ยินร้ายไหม ผลักไสไหม เป็นกลางไหม นิ่งไหม ใจเกิดความกลัวหรือว่าเกิดความอยาก ความอยาก อยากอาหาร อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง มันพิจารณาฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องพยายามนะ หมั่นพร่ำสอนตัวเราตลอดเวลา กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็ยากแสนยาก กว่าจะได้มาอยู่กับสมมติที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้ลําบาก เราก็พยายามตักตวงสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นให้เต็มเปี่ยม เท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวยให้ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา