หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 099

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 099
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 099
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาอากาศก็เริ่มเย็นนะ สงสัย ก็ไม่สงสัยแล้วเข้าฤดูหนาวแล้ว เริ่มเข้าฤดูหนาว จะหนาวได้สักกี่วัน ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เริ่มใส่เสื้อกันหนาวสวยๆ งามๆ ระวัง ช่วยกันระวังด้วย วัดของเราเป็นวัดเปิด ขโมยขโจรก็แอบแฝงเข้ามากันแทบทุกวัน มาขโมยอันโน้นบ้างอันนี้บ้าง ยิ่งโทรศัพท์ไปชาร์จทิ้งเอาไว้ เขาก็ยิ่งไปแอบขโมย เพราะว่าขโมยเขาจดๆ จ่อๆ จ้องๆ ก็หาขโมยกัน มีทุกที่ ขโมยนี้มีทุกที่ ไม่ว่าชุมชนใดถ้ามีขโมยชุมชนนั้นก็ลําบาก อยู่กันแบบไม่เป็นสุข คนคอยขโมยก็ขโมยอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวก็กฎหมายก็ลงโทษ ถ้ากฎหมายลงโทษไม่ได้ก็กรรมก็ลงโทษเขา เราก็ยกให้เป็นกรรม

เราก็มาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา หมั่นสร้างคุณงามความดี เราเข้ามาศึกษาตัวเรา มาแก้ไขตัวเรา เราไม่มีโอกาสที่จะไปโกรธให้ใคร ไปเกลียดให้ใคร เราไม่มีโอกาสที่จะว่า อย่ามาลักขโมยของฉันนะ เราก็ดูแลของเรา ถ้ามันอยากจะมาลักขโมยก็ยกให้เป็นกรรม เราก็อย่าไปโกรธเขา ถือว่าเราได้ทำบุญ ได้ทำบุญให้ทานไป แต่เป็นทานที่แบบไม่จำยอมเท่าไร แบบว่าคนหนึ่งหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงกว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอัน ขโมยก็มาขโมยเอาไป

ท่านถึงบอกว่าสิ่งไหนที่เรารักมากที่สุด สิ่งไหนที่เราหวงมากที่สุด ถ้าเราสลัดสละสิ่งนั้นออกจากใจของเราได้ จะเป็นบุญอันประเสริฐ เพราะว่าใจของเราไม่ได้เกาะได้เกี่ยว รักมากก็ทุกข์มาก เกลียดมากก็ทุกข์มาก ไม่รักไม่เกลียด ทำใจให้อยู่ในความเป็นกลาง ทำอย่างไรล่ะใจของเราถึงจะเป็นกลางได้ เราต้องเจริญสติ เข้าไปอบรมใจของเราอยู่บ่อยๆ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้าอีกทีหนึ่ง เห็นตัวใจชัดเจน แยกรูปแยกนาม ตามดู เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าชัดเจน แล้วก็อบรมตัวใจได้ชัดเจน

ตัวใจนี่ก็แปลก ก็หาเรื่องหาเหตุมาปกปิดตัวเองเอาไว้ เขาก็ไม่ยอมเผยตัวออกมาง่ายๆ นอกจากกําลังสติปัญญาของเราจะแหลมคม นอกจากตบะบารมีของเราจะแก่กล้า ด้วยการให้ด้วยการเอาออก ด้วยการให้อภัยทานอโหสิกรรม ด้วยการฝักใฝ่สนใจ ทุกเรื่อง ทุกเรื่องเลยแหละ จนกว่าตัวใจจะเผยตัวออกมา ส่วนมาก มันก็มีตั้งแต่หาเรื่องปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ก็หาสิ่งดีๆ มาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ เพราะหลงมาตั้งนาน หลงเกิดมาตั้งนาน ตั้งแต่เกิดในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งเข้ามาก่อร่างสร้างกายเนื้อ สร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวของตัวใจเอาไว้อีกทีหนึ่ง หลายชั้นนะ ไม่ใช่ว่าเพียงแค่เห็นตัวเป็นตัวเป็นตนนั่งอยู่นี้ อันนี้เพียงแค่ภาพรวมเท่านั้น

นอกจากบุคคลที่มีศรัทธา แล้วก็เจริญสติปัญญา เห็นเหตุเห็นผล ตามดูเหตุดูผล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน บางทีก็ควบคุมใจได้เป็นบางครั้ง บางทีก็ตัวใจนั่นแหละ มันก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอาไว้ ขันธ์ห้า ความคิด ก็มาปิดกั้นตัวใจเอาไว้ เป็นเพื่อนกันไปด้วยกัน แถมกําลังสติปัญญาก็ส่งเสริมไปด้วยกันหมด เราต้องมาแจง อันนี้ส่วนสติที่เราสร้างขึ้นมา เอาไปใช้การใช้งาน อบรมใจตัวเรา เป็นเพื่อนใจ อบรมใจ อยู่คนเดียวก็เอาปัญญาอบรมใจ มีความสุข ขณะนี้ใจปกติ ขณะนี้ใจสงบ ขณะนี้ใจบริสุทธิ์ ใจไม่เกิด ตาทำหน้าที่ดู หูทำหน้าที่ฟัง

เราแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข เดินไปที่ไหนก็มีเพื่อน สติปัญญาก็คุยกับใจตลอดเวลา เพราะเป็นอัตโนมัติ เราก็หมั่นพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา แล้วก็รีบๆ เดิน รีบเดินหมายถึงการวิเคราะห์ การสังเกต การสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย แม้ตั้งแต่เวลารับประทานข้าวปลาอาหารดูดีๆ นะสามเณร แม่ชีเรา ทั้งเณรทั้งพระ อันโน้นก็กายก็หิว ใจก็อยาก อันโน้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อย เอาน้อยๆ ก็กลัวไม่อิ่ม ฟันไม่มีก็เอา เนื้อแห้งเยอะๆ มันอร่อย เอามาไว้ เคี้ยวไม่ได้ก็เอาเข้าปาก แล้วเตะลงโกล เตะเข้าประตูเลย ก็ไม่ไหวนะ เราต้องวิเคราะห์พิจารณาทุกเรื่องนั่นแหละ สิ่งพวกนี้เราจะไปบังคับกันไม่ได้เลย เพราะว่าทุกอย่างมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม

สมัยก่อน สามสิบปีก่อน หลวงพ่อยังเดินปัญญาไม่รอบรู้ในสมมติ ไม่รอบรู้ในโลกธรรม เห็นหน้าไหนใครเข้ามาอยากจะจับยัดให้ อยากจะให้ทุกคนได้มีความสุข ต้องบังคับ ต้องเคี่ยวเข็ญ ต้องฝึกต้องหัดสารพัดอย่าง เพราะว่าอยากจะให้รู้ความจริง กว่าจะทำความเข้าใจได้ แต่ละบุคคล สร้างบุญสร้างอานิสงส์มาไม่เหมือนกัน ถึงจะไปบังคับยังไง ถ้าไม่ถึงเวลามันก็เอาไม่ได้หรอก จะไปเร่งไปเคี่ยวเข็ญอย่างไร ถ้าไม่ถึงเวลามันก็ไม่รู้ความจริง เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลให้สุกวันเดียวก็ไม่ได้ เราต้องหมั่นดูแล หมั่นรักษา หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นให้น้ำให้ปุ๋ย ถึงเวลาเขาก็ออกดอกออกผลให้เรา เราไม่อยากจะได้ก็ได้

การปฏิบัติใจก็เหมือนกัน ศรัทธาเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละเต็มเปี่ยมหรือไม่ การฝักใฝ่ การสนใจ น้อมกายน้อมใจเข้ามา เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม แล้วก็ปฏิบัติขัดเกลา วิเคราะห์สังเกต อาศัยกาลอาศัยเวลา ขอให้ดำเนินให้ถูกต้อง ให้ถูกทาง ถึงเวลาที่ประจวบเหมาะก็จะเข้าใจ ว่าการเกิดการดับของใจ การเดินปัญญา การแยกรูปแยกนาม กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดมันไปอย่างไร มาอย่างไร ถึงเวลานั้นก็จะเข้าใจ

ไม่ใช่ว่าไปวัดก็จะไปโทษตั้งแต่อาจารย์องค์โน้นสอนไม่ดี องค์นี้ไม่ดี องค์นั้นไม่ดี คนโน้นไม่ดี มาที่นี่เจ้าคุณก็ไม่ดี ไม่เห็นพาเดินพานั่งพาฝึก พาตั้งแต่ทำงานอย่างเดียวว่าอย่างนั้น ก็การงานนั่นแหละ เป็นการปฏิบัติ ทำความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความสะอาดเรียบร้อย ความเป็นระเบียบในระดับของสมมติมีหรือเปล่า เพียงแค่ระดับของสมมติ ระดับของโลกธรรมนะ ล้างถ้วยล้างชามเป็นหรือยัง ทำกับข้าวกับปลาเป็นหรือยัง ทานข้าวเป็นแล้วหรือยัง หายใจเป็นแล้วหรือยัง ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน เพียงแค่ที่หลับที่นอนตื่นขึ้นมาเก็บได้แล้วหรือยัง

พระพุทธองค์ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติก็เพื่อที่ให้มีสติสำรวมระวัง เพื่อที่จะคลายกิเลส เพื่อที่จะละความหลง ถึงได้มีข้อวัตรปฏิบัติทั้งหยาบทั้งละเอียด ก็เพื่อที่จะให้มีสติคอยสำรวมคอยระวัง จนกระทั่งถึงส่วนนามธรรม แยกรูปแยกนาม ดับความเกิดโน่น จะไปโทษแต่คนโน้น ไปโทษตั้งแต่คนนี้ ไม่ได้ มีโอกาส กาลเวลา สถานที่ กว่าจะช่วยกันสร้างสรรขึ้นมาได้ ก็จากคนรุ่นก่อนฝากเอามา ที่นี้ก็เหมือนกับเริ่มจากศูนย์ แม้ตั้งแต่ต้นไม้แต่ละต้น ที่พวกท่านได้อาศัยร่มเงา ได้ความร่มรื่นร่มเย็น ก็อุตส่าห์ปลูกกันมา เอาขวากเอาหนามออก ปลูกกันมาเป็น 20 30 ปี น้ำไม่มีก็เข็นน้ำมารด อาหารตา อาหารกาย อาหารใจ ที่พักที่อาศัย แม้ตั้งแต่ถ้วยชาม ก็ยังขุดเอาตามหลุมศพมาใส่กับข้าวกับปลาเพราะว่าไม่มีที่จะใส่ สมัยก่อน น้ำจะดื่ม น้ำสะอาดก็ไม่มี ที่พักที่อาศัยก็ลําบาก อันนี้พวกท่านมาก็เห็นตั้งแต่ผลเท่านั้นเอง ก็มาสร้างสานต่อ ให้คนรุ่นหลังจะได้มาสานต่อในวันข้างหน้า พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้มาสานต่อ ทรัพย์ภายในเราก็ยังให้เต็มเปี่ยม ทรัพย์ภายนอกเขาก็ยังประโยชน์ให้เต็มที่ มันก็จะส่งผลถึงอนาคตได้เอง

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน กําลังความรู้ตัวของเราเข้มแข็งต่อเนื่อง เพื่อที่จะเอาไปรู้เท่าทัน รู้ลักษณะการเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของความคิด รู้เท่าทัน จนกว่าใจกับอาการของใจจะแยกออกจากกัน ปัญญา วิปัสสนาญาณ สัมมาทิฏฐิถึงจะเปิด แต่เวลานี้ก็เป็นสัมมาทิฏฐิที่ยังแค่เพียงสัมมาทิฏฐิของสมมติ แต่ยังไม่เห็น ต้องแยกต้องแยะ ต้องเห็น ต้องตามดู เห็นการเกิดการดับจริงๆ เข้าใจในหลักคําสอนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เกิดขึ้นในกายในใจของเราจริง ๆ ถึงจะมองเห็นความเป็นจริง เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ตามดูรู้เหตุรู้ผล ชี้เหตุชี้ผล

แต่เวลานี้กําลังจะสติของเรามีกําลังไม่เพียงพอจะไปชี้เหตุชี้ผลได้อย่างไร เพียงแค่ตัวสติแท้ๆ มันก็ยังไม่มีกําลัง จะเอาปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า ซึ่งเขาเกิดเขาหลงอยู่ตลอดเวลา ในสมมติอาจจะว่าเราไม่หลง ถ้าแยกได้เมื่อไหร่ถึงจะเห็นความหลง ถึงจะคลายความหลงได้ ถ้ากําลังสติของเราต่อเนื่องได้เมื่อไหร่นั้นแหละ เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นเป็นแค่เพียงสติของโลกีย์ ไม่ใช่สติที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไปใช้การใช้งานอบรมใจ ปรับปรุงใจแก้ไขใจ มองเห็นหนทางเดิน แต่มันก็ไม่เหลือวิสัยหรอก ก็ต้องพยายามกัน ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็คอยสร้างสะสมคุณงามความดีไป

ไม่มีใครที่จะอยากจะทำใจของตัวเองไปให้เกิดทุกข์ ถ้าเขารู้ความทุกข์ เห็นความเป็นจริงในชีวิต เขาไม่เอาหรอกทุกข์ เพียงแค่การเกิดเขาก็ไม่เกิด เพราะว่าการเกิดเป็นทุกข์ แต่เราต้องขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจด ไม่หมดช้าก็ต้องหมดเร็ว ตราบใดที่เรายังสร้างตบะบารมีอยู่

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ ได้สักนิดก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง