หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 11

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 11
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 11
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 11
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 มกราคม 2558

มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ควรพิจารณาตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันขณะนี้ เดี๋ยวนี้ รู้ใจของตัวเรา มีความรู้ตัวแล้วก็รู้กาย รู้ความปกติ พิจารณากะประมาณในการขบฉันของเราหรือว่าปฏิสังขาโย ทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ทางด้านร่างกายส่วนรูปธรรมเป็นอย่างไร ส่วนนามธรรม ส่วนจิตวิญญาณ อาการของความคิด อารมณ์ต่างๆ ไล่เรียงลงไป เราก็จะเห็นฐานการเกิดการดับของวิญญาณในกายของเรา

อะไรขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไขเสีย แก้ไขได้ไม่ได้ก็ต้องพยายามแก้ไขตั้งแต่ความนึกคิด ความคิด แล้วก็อาการของความคิด ก่อตัวข้างใน เราหยุดข้างในหรือว่าส่งออกมาทางกาย ทางวาจา คนทั่วไปวาจาก็ไม่รู้จักควบคุม ใจก็ไม่รู้จักควบคุม สติก็ไม่ค่อยจะเจริญไม่ค่อยสร้างให้มีให้เกิด มีแต่ความอยาก อยากจะรู้ธรรม อยากจะได้บุญอย่างเดียว อยากจะรู้ธรรม

แค่ความอยาก ความเกิดนั้นเขาก็ปิดกันตัวเขาเอาไว้ เฉพาะตัววิญญาณ ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณของเรา ทำไมวิญญาณถึงเกิดหรือว่าใจถึงเกิด ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส ทำไมใจถึงเกิดอัตตาตัวตน คําว่าอัตตาของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร อนัตตาของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าของพระพุทธองค์นั้นเป็นอย่างไร วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การละกิเลสหยาบ กิเลสละเอียด การสร้างบารมี การขัดเกลาเป็นอย่างไร เป็นแค่ระดับของสมมติโลกธรรมนี้ก็ยังไม่พากันทำความเข้าใจได้เลย

สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ความละเอียดอยู่รอบกายของตัวเรา ก็ไม่ค่อยจะสังเกต ไม่ค่อยวิเคราะห์ ก็จะเข้าถึงธรรมได้อย่างไร เพียงแค่การอยู่ การกิน การขบ การฉัน กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความเสียสละมีหรือเปล่า ตามที่สังเกต วิเคราะห์ดู แต่ละวันเดินไปโรงครัวก็เห็นแล้วก็น่าอดสู เพียงแค่การอยู่การกินก็ไม่รู้จักล้าง มีให้กินมีให้ทานนั่นก็ดีแล้ว กินแล้วก็ไปกองสุมรวมกัน แทนที่จะกินด้วย ทำความสะอาดด้วยเก็บให้เข้าที่เข้าทางด้วย ความเสียสละแค่นั้นก็ยังไม่มี มองซ้ายมองขวา มองเพื่อนกัน บ่นก็เยอะ อาหารแต่ละส่วน แต่ละชิ้น บางทีก็เอาไปหมดเลยก็มี คนอยู่ข้างหลังก็เลยไม่ได้ทานก็มี ความอยาก ความอยากความโลภบังคับหรือว่าเป็นความเคยชิน

เราต้องพยายามหัดขัดเกลา ละความอยาก สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ครั้งหนึ่ง ครั้งสอง ครั้งที่สามตามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของเราหมด ความเสียสละก็ไม่มี ความขยันหมั่นเพียรก็ไม่มี มีแต่ความเกียจคร้าน มันจะไปได้อะไร ก็ได้ตั้งแต่หมักหมมสะสมกิเลส กิเลสหยาบๆ ก็ยังไม่เข้าใจ จนกิเลสภายในตัวละเอียดลึกลงไป ใจของเรามันเกิดกี่ครั้ง เกิดกี่เที่ยว มีมลทินสักกี่อย่าง มันจะไปเข้าถึงได้อย่างไร มันก็ยาก

จะว่าง่ายก็ง่าย ง่ายสำหรับบุคคลที่มีบุญมา แล้วก็สร้างสะสมบุญบารมี ขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ขัดเกลาเอาออก จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา บุคคลที่มีบารมีมาก่อนแล้วก็มาสร้างสะสมต่อ ก็ไปได้เร็วไปได้ไว ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น อย่าไปเที่ยวปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่เสียเวลาเปล่าถ้ามีแต่ความเกียจคร้าน ถ้าเรามีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ไล่เรียงลงไป สมมติของเราเป็นอย่างไร อะไรขาดตกบกพร่อง อะไรไม่ดี เราก็ช่วยกันแก้ไข มันมีให้อยู่ให้อาศัย ให้สะดวกสบายนะเพราะว่าดีแล้ว เราก็มาทำต่อ สร้างต่อสานต่อ ไม่ใช่ว่ามาสร้างปัญหา เรามาแก้ไขปัญหา

ทุกคนไม่อยากจะเข้าไปถึงความทุกข์ ทุกคนก็อยากจะแสวงหาความสุข ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ทั้งพระทั้งชีทั้งโยมนั่นแหละ มาอยู่ร่วมกันก็พยายามเพิ่มความขยันหมั่นเพียร เพิ่มความเสียสละ เพิ่มความรับผิดชอบ หมั่นขัดเกลาตัวเรา แก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่โยนความผิดไปให้คนโน้นคนนี้ ไม่ใช่โยนภาระไปให้คนโน้นคนนี้ อะไรพอช่วยกันทำเราก็รีบช่วยกัน อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล เราก็พยายามรีบทำ

กว่าจะได้มา ถึงสถานการณ์อย่างนี้ จะได้มาถึงเวลานี้ ก็ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลา อาศัยความเสียสละ อาศัยพรมวิหารของคนรุ่นก่อนๆ ทำมาให้ พวกเราก็มาสร้างมาสานต่อให้มันดี สิ่งไหนไม่ดีเราก็พยายามละ พยายามแก้ไข พวกเราจากไป คนรุ่นใหม่คนรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ ไม่ใช่มาแล้วก็กูดีมึงดี กูทำมึงทำ กูเกียจคร้าน ไม่ใช่หน้าที่ของกู อย่าให้มีแล้วก็อย่าให้ได้ยิน ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบไม่ว่าที่ครัว ครัวนั่นแหละงานหนักที่สุด คนที่ทำกับข้าวกับปลา แม่ครัวนั่นแหละเป็นบุคคลที่มีความเสียสละให้ทุกคนได้อยู่ได้กิน แล้วก็เห็นใจกัน กินแล้วก็รู้จักล้าง ไม่ใช่ว่ากินแล้วก็ไปทิ้งไปกองเอาไว้ เพียงแค่ความรับผิดชอบเล็กๆน้อยๆ มันไม่มี จะไปได้อานิสงส์อะไรล่ะ จะไปเอาอานิสงส์อะไร ก็อยู่ด้วยความหลง ความหลง ความเกียจคร้าน ความไม่รู้เข้าครอบงำอยู่ตลอดเวลา

ถ้าคนมีบุญมีอานิสงส์มองไปที่ไหนก็มีตั้งแต่สิ่งที่จะทำ อันโน้นไม่ดีก็รีบทำ อันนี้ไม่ดีก็รีบทำ ความสะอาดไม่ดีเราก็รีบทำ คนทั่วไปนั้นรักความสะอาด ชอบความสะอาด ชอบสะอาดแต่รักสกปรกทิ้งมันเกลื่อน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าเราไม่ช่วยเหลือตัวเอง ไม่แก้ไขตัวเองแล้วใครเขาจะแก้ไขให้ เพียงแค่ระดับของสมมติ โลกธรรมแปด สิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็พยายามทำให้ดี ถึงเวลาแล้วเราก็จากไปหมดนั่นแหละ ไม่ได้เอาอะไรสักอย่าง แม้แต่กายของเราก็ต้องได้ทิ้ง ก็ต้องพยายามกัน

คนที่สร้างบุญมาดีก็สร้างสานต่อให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว คนที่ไหนที่ยังลําบากอยู่ก็ต้องพยายามเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ แถมมาเกียจคร้านอีก มันก็ยากเข้าไปอีก ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น หยุด อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่มีประโยชน์ เราต้องเจริญสติไปอบรมใจของเรา ไปคลาย ทำไมใจถึงเกิดทำไมใจถึงหลง ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือว่ามีความแข็งกระด้าง หรือว่ามีทิฏฐิมานะ

ไปที่โน่นก็คนโน้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี ก็ใจของเรามันไม่ดี มันถึงไปอคติคนโน้น อคติคนนี้ ไปเพ่งโทษคนโน้น ไปเพ่งโทษคนนี้ เป็นวิสัยของคนพาล ความอยากแม้แต่นิดเดียว เราก็อย่าให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา เราพยายามดับ พยายามแก้ พยายามละ แม้แต่การเกิดของวิญญาณ ถ้าเราไม่สอนเราแล้วก็ช่วยเหลือไม่ได้ สมมติภายนอกเราก็พอได้ อาศัยกันอยู่ เราพอช่วยเหลือกันได้ในระดับหนึ่ง แต่การขัดเกลากิเลสก็เป็นของแต่ละบุคคล ในเมื่ออยู่รวมกันเยอะๆ ก็ต้องพยายามสร้างความเพียร สร้างความเสียสละ มีความรับผิดชอบ เพียงแค่เรื่องใกล้ตัวของเราก็ปล่อยปละละเลย จะเอาตั้งแต่ธรรมมันไม่ได้หรอก ความเสียสละก็ไม่มี เดินไปทางครัวทีไรก็ เห็นแล้วก็กินแล้วก็ทิ้ง มันกองมันอยู่อย่างนั้น แทนที่จะกินแล้วก็รู้จักล้าง รู้จักเก็บรู้จักรักษา กว่าจะมีให้ได้แต่ละชิ้นแต่ละอันมันยากนะ

สมัยก่อนไม่เป็นอย่างนี้หรอก 30 ปีก่อน แม้แต่ถ้วยชามใบเดียวจะหาใส่กับข้าวกับปลาก็ยังไม่มี ดึงแขนเข้ามาป่าก็ไม่มีใครอยากเข้ามา ไม่น่าอยู่ น่ากลัว มีแต่กองกระดูก ไม่น่าอยู่ ไม่น่าอาศัย กว่าจะมาบูรณะ มาแก้ไข มาปรับปรุง มาดูแลธรรมชาติได้ ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขได้ อาศัยเวลายาวนานของคนรุ่นก่อนๆ สร้างสะสมมา ก็สร้างสานต่ออาศัยอานิสงส์ผลบุญ ของแต่ละบุคคลหล่อหลอมรวมกัน จึงได้ให้พวกท่านได้อยู่ดีมีความสุข ยังจะพากันมามัวเมาเล่น เกียจคร้านใช้การไม่ได้

ความเพียรต้องเป็นเลิศ ความขยันหมั่นเพียรต้องเป็นเลิศ การขัดเกลากิเลส ความเสียสละ กายก็ไม่รู้จักรักษา วาจาก็ไม่รู้รู้จักรักษา ความคิดอีกซึ่งเป็นส่วนนามธรรมอีก ก็ยิ่งห่างไกลอีก แถมความเกียจคร้านเข้าครอบงำอีก ไม่รู้จะทำอย่างไรล่ะทีนี้ มันก็หลงอยู่อย่างนั้นแหละ แถมความโลภ สะสมเข้าไปอีก มาวัดแทนที่จะเป็นคนเสียสละ กลับมีแต่ความโลภเข้าครอบงำ ก็เลยห่างไกลธรรมเลยห่างไกลใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ยิ่งเวลามีงานนี่เห็นชัด ญาติโยมมาตั้งโรงทานยังไม่ได้วางอะไร แย่งกับมือไปเลยก็มี มันก็จะเหยียบคนที่มาให้ทันตายลง ใครจะมากล้าให้ทาน กิเลสของคน เห็นโยมก็โทรมาแจ้งกันเยอะขอให้ฉันตั้งก่อน ให้ฉันวางก่อน ค่อยเอาไปค่อยแจก เสร็จแล้วก็น่าสงสาร ความหลงเข้าครอบงำ ความโลภความอยากเข้าครอบงำ แทนที่จะเป็นคนเสียสละ เพียงแค่กิเลสหยาบๆ ก็ยังไม่รู้จักแก้ไขให้ส่วนละเอียดอย่าเพิ่งพูดถึงเลย

พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน ให้พยายาม เรามีโอกาส โอกาสมากๆ เราก็พยายามมาแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ผิดพลาดก็เริ่มแก้ไขใหม่ ปรับปรุงใหม่ ไปงอมืองอเท้า ทุกอย่างเป็นธรรมหมดนั่นแหละ จะธรรมดำธรรมขาวมันก็เป็นธรรมหมดนั่นแหละ ถ้าเรารู้ เราเข้าใจ เราก็ละหมดนั่นแหละ แต่รับผิดชอบด้วยปัญญา อะไรมันไม่ดีเราก็พยายามห่างไกล อะไรที่มันดีเกิดประโยชน์เราก็พยายามยังประโยชน์ให้มันเกิดขึ้นมา ก็จะได้อานิสงส์กันมากมาย ไม่สิ้นสุด

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาวนี่เป็นแค่เพียงอุบายให้มีสติชัดเจนขึ้น แล้วก็กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น เราพยายามฝึกตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ลมหายใจเข้ายาวเป็นอย่างไร ออกยาวเป็นอย่างไร ลมหายใจละเอียดเป็นอย่างไร

คําว่าปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก เราเจริญได้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ศรัทธาของเราเต็มเปี่ยม การยังปัญญาให้เกิดขึ้น การทำความเข้าใจให้ถูกต้อง มีการแนวทางอุบาย ที่จะเข้าถึงตัวใจ หรือว่าเข้าถึงวิญญาณในกายของเรา เราจะใช้วิธีไหน วิธีแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนานแล้วตั้งแต่สองสามพันกว่าปีแล้ว

การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างนี้ ถ้าเรารู้เท่าทันใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้าซึ่งเป็นส่วนนามธรรมด้วยกันเป็นลักษณะอย่างนี้ ส่วนรูปธรรมก็เป็นลักษณะอย่างนี้ กายทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณทำหน้าที่อย่างนี้ ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างนี้ ใจเกิดกิเลส ใจปรุงแต่งส่งออกไปภายนอก เขาเรียกว่าอาการอย่างนี้ๆ มีหมด ท่านชี้แนะแนวทางเอาไว้หมด

กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ แต่เราขาดการเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปบ่ม เข้าไปละ เข้าไปแก้ไข มีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก จากตัวใจส่งออกไป มีตั้งแต่อาการของขันธ์ห้ากับใจปรุงแต่งรวมกันออกไป บางทีก็สติปัญญาส่งเสริมกันไป ไปทั้งก้อน หลงทั้งก้อน โลกก็หลง ธรรมก็หลง ก็เลยวนเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น

ถ้าเรามาเจริญสติ ลักษณะของสติเป็นอย่างนี้ การเอาไปใช้การใช้งาน วิเคราะห์ ชี้เหตุชี้ผล รู้ไม่ทันก็หยุด รู้จักดับเขาเรียกว่าสมถะ ดับขณะที่ใจมันเกิดนี่แหละ ใจเกิดกิเลสเราก็ดับ เราก็ละ ด้วยการเจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน ใจเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภด้วยการเอาออกด้วยการให้ ให้ระดับวัตถุทาน ให้ระดับอภัยทานอโหสิกรรม ใจเกิดความโกรธเราพยายามดับความโกรธ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ก็จะค่อยเหือดแห้งไปๆ

ความขยันหมั่นเพียรในการเจริญสติ ในการอบรมใจของตัวเรา รู้จักวิธี รู้จักแนวทางให้รีบทำ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อันนี้ก็ยากอยู่ ถ้าไม่ขยันหมั่นเพียร เพียงแค่ระดับโลกธรรมแปดก็ยังแก้ไขไม่ได้ ความรับผิดชอบระดับของสมมติก็ยังแก้ไขไม่ได้ มันก็เลยยากที่จะเข้าไปคลายทางด้านจิตใจวิญญาณ ทางด้านวิญญาณภายใน นี่เพียงแค่เรื่องโลกธรรม รูป รส กลิ่น เสียง ก็ยังไม่รู้จักจำแนกแจกแจง ยังไม่รู้จักแยกแยะ กายมันหิวเป็นอย่างไร ใจมันอยากเป็นอย่างไร

หลายเรื่องในชีวิตของเรา เราต้องศึกษาให้ละเอียดหมด ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย ความรับผิดชอบ ความเสียสละ สัจจะ วิริยะ ความเพียร พรหมวิหาร ความกตัญญู ความเมตตา ความอ่อนน้อมถ่อมตน เราต้องพยายามสร้างให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวหาที่โน้นเที่ยวหาที่นี่ กายของเรานี่แหละสนามรบ เจริญสติเข้าไปรบลงไปสิ กิเลสมันเกิดขึ้นสักกี่เที่ยว เราจะเอาอะไรไปประหัตประหารกิเลส กําลังฝ่ายไหนจะมาก กําลังฝ่ายสติหรือฝ่ายกุศล หรืออกุศลจะมาก แต่ส่วนมากก็ฝ่ายความหลงเก่านั่นแหละ เขามากกว่า ความคิดเก่าปัญญาเก่า ปัญญาใหม่เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา จนเอาไปใช้การใช้งานได้ เอาไปอบรมใจได้ เอาไปประหัตประหารกิเลสได้ จนมันไม่เหลือ จนเหลือแต่สมมติ ต้องดูแลรักษาสมมติ เคารพสมมติ

การพูดง่าย การกระทำจริงๆ เราต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ ก็ต้องพยายาม ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำอย่าไปทิ้ง ถึงมันไม่ถึงจุดหมายปลายทาง มันก็จะไปสร้างสานต่อในวันข้างหน้า ภพนี้มันไม่สำเร็จก็จะไปต่อเอาภพหน้า หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่พูดแค่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปทำก็ช่วยเหลือไม่ได้ ก็ต้องพยายามนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง