
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 80 วันที่ 4 ตุลาคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 80 วันที่ 4 ตุลาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 80
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 ตุลาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกไปยาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหละตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้ลมหายใจเข้าออก รู้กาย แล้วก็รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้ลักษณะอาการเกิดการดับของความคิด อารมณ์ต่างๆ แต่เวลานี้กําลังความรู้ตัวของเรามีไม่เพียงพอ ศรัทธามีกันเต็มเปี่ยม ความเสียสละน้อมใจฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดี ฝักใฝ่ในการแสวงหาธรรมที่เกิดจากใจ เกิดจากความคิดเก่าๆ ก็เป็นบุญอยู่ในระดับของสมมติ เราต้องให้สูงขึ้นไปอีก
การเจริญสติเราต้องรู้ลักษณะของคําว่า ปัจจุบันธรรม มีความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง จนเอาไปใช้การใช้งานได้ เอาไปอบรมใจของเราได้ แก้ไขใจของเราได้ จนเห็นการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเขามีอยู่ในกายของเรา ใจของเราเข้าไปรวมกับความคิดกับอาการของขันธ์ห้าได้อย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจ รู้เหตุรู้ผล เห็นเหตุเห็นผล เหตุผลทางด้านนามธรรม ความเกิดความดับของวิญญาณในกายของเรา ความเกิดความดับของอาการของวิญญาณในกายของเรา
ส่วนรูปก็คือร่างกายของเรานี้ก็มีอยู่แล้ว ส่วนนามธรรมเราต้องเจริญสติลงที่กายของเรา รู้ให้เท่ารู้ให้ทัน ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ และก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลก ก็คือพวกเรานี้แหละได้ปฏิบัติตาม ดำเนินตามไปถึงจุดหมายปลายทาง จนปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา
ท่านถึงบอกให้เชื่อ การเกิดเป็นทุกข์ การยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทุกข์ เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าลงที่กายของเรา แต่ละวันๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้น กายของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างนี้ แต่เวลานี้เขารวมกันไปเป็นก้อน เราจงมาเจริญสติที่เรา สร้างขึ้นมาใหม่ลงที่กายของเราจนเข้มแข็ง แข็งแรง ต่อเนื่อง เอาไปแก้ไขจนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง ใจถึงจะปล่อยจะวางได้ ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ขณะที่เรายังมีกําลังอยู่
ทุกคนก็มีบุญ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนาอีกด้วย แล้วเราก็ประพฤติปฏิบัติตามคําสอนของท่าน พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิต ชีวิตของเรานี้ประกอบขึ้นมาด้วยอะไรบ้าง ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง วิญญาณหรือบางคนบางท่านก็เรียกว่า ตัวใจ ใจของคนเรานี้เกิดมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็วนเวียนว่ายตายเกิด อันนั้นเป็นเรื่องนอกกายที่ผ่านมา เราอย่าไปนั่นถึงเขา เรามาดูวิญญาณในกายของเรา ความเกิดความดับวิญญาณในกายของเรา ปรับสภาพใจของเรา อบรมใจของเราให้อยู่ในความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้อยู่ในพรหมวิหาร ให้อยู่ในความเมตตา ให้อยู่ในความเสียสละ หมั่นขัดเกลากิเลส จัดระบบระเบียบ ซึ่งมีอยู่ในกายในใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
อันนี้ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของการแยกการคลายเป็นอย่างนี้ ตามดู ตามรู้ ตามเห็น ถ้าเราเข้าใจ รู้จักวิธีการแนวทาง เราก็พยายามดำเนินเจริญสติให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกจากการเกิด วิเวกจากกิเลส วิเวกจากขันธ์ห้า ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี แต่ละวันๆ ก็อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล เราพยายามแก้ไขใจของเราให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส เรามีโอกาสอยู่ทุกเวลา
กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็รู้จักแก้ไขรู้จักจัดการ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี ความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมเขาเกิดอย่างไร เกิดฝ่ายกุศลหรือว่าอกุศล กิเลสก็มีหลายชนิด ทั้งกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด เราเจริญสติจนรู้เท่ารู้ทัน เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเราแยกรูปแยกนาม คลายจากความคิด คลายจากขันธ์ห้า นั่นแหละที่ท่านบอกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นถูก ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง ถ้าเราเห็นถูกตั้งแต่แรกก็จะถูกไปเรื่อยๆ ถ้าเราเห็นผิด ก็จะผิดปิดกั้นตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็จงพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ จนเอาสติปัญญาไปใช้การใช้งาน ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล หมดความสงสัย หมดความลังเลในสิ่งต่างๆ ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกัน
พรรษานี้ก็วันพรุ่งนี้ก็จะได้ภาวนาออกพรรษากัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเข้าพรรษาในปีนี้ ก็พระเราชีเราตกเย็นเข้าไปทำวัตรสวดมนต์เวียนเทียนกันที่องค์หลวงปู่ใหญ่ปางลีลา ญาติโยมท่านใดปรารถนาที่อยากจะมาตั้งโรงทานก็มาได้ ทุกปีก็ญาติโยมก็มาตั้งโรงทานกันเยอะอยู่ ตั้งโรงทานที่ลานหลวงปู่ใหญ่ ส่วนโรงทานของวัดมีทุกวันๆ ตั้งแต่เช้ายันมืดยันค่ำ ใครไปใครมาก็ได้อยู่ได้กินทำให้อุดมสมบูรณ์ การให้ทานก็คือความเสียสละ เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่ออนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มีความสุข ไม่ให้ลําบาก หิวๆ มาก็ได้ดื่มได้ทาน ก็มีความสุข เราก็ดูแลใจของเรา แก้ไขใจของเรา ส่วนวันที่ 22 ถึงจะเป็นวันงานกฐินที่วัดของเรา ก็ให้ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับกิเลสภายใน ทั้งภายนอก ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ยังความสะอาด ความเป็นระเบียบ จากภายในสู่ภายนอก
เรามุ่งหวังเข้ามาก็เพื่อที่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ก็ต้องพยายาม มีอะไรเราก็ช่วยกันทำ ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน แล้วก็ลึกลงไป เราก็ดูใจของเราให้อยู่ในความบริสุทธิ์ ก็ต้องพยายามกัน ส่วนการขัดเกลากิเลสก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา ท่านถึงบอกว่าบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มองบน มองล่าง มองกลางใจของเรา ให้มีความสุขทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออก สนุกสร้างบุญ บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติเราก็ทำ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 ตุลาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกไปยาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุด ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหละตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้ลมหายใจเข้าออก รู้กาย แล้วก็รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้ลักษณะอาการเกิดการดับของความคิด อารมณ์ต่างๆ แต่เวลานี้กําลังความรู้ตัวของเรามีไม่เพียงพอ ศรัทธามีกันเต็มเปี่ยม ความเสียสละน้อมใจฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดี ฝักใฝ่ในการแสวงหาธรรมที่เกิดจากใจ เกิดจากความคิดเก่าๆ ก็เป็นบุญอยู่ในระดับของสมมติ เราต้องให้สูงขึ้นไปอีก
การเจริญสติเราต้องรู้ลักษณะของคําว่า ปัจจุบันธรรม มีความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง จนเอาไปใช้การใช้งานได้ เอาไปอบรมใจของเราได้ แก้ไขใจของเราได้ จนเห็นการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเขามีอยู่ในกายของเรา ใจของเราเข้าไปรวมกับความคิดกับอาการของขันธ์ห้าได้อย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจ รู้เหตุรู้ผล เห็นเหตุเห็นผล เหตุผลทางด้านนามธรรม ความเกิดความดับของวิญญาณในกายของเรา ความเกิดความดับของอาการของวิญญาณในกายของเรา
ส่วนรูปก็คือร่างกายของเรานี้ก็มีอยู่แล้ว ส่วนนามธรรมเราต้องเจริญสติลงที่กายของเรา รู้ให้เท่ารู้ให้ทัน ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ และก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลก ก็คือพวกเรานี้แหละได้ปฏิบัติตาม ดำเนินตามไปถึงจุดหมายปลายทาง จนปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา
ท่านถึงบอกให้เชื่อ การเกิดเป็นทุกข์ การยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทุกข์ เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าลงที่กายของเรา แต่ละวันๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้น กายของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างนี้ แต่เวลานี้เขารวมกันไปเป็นก้อน เราจงมาเจริญสติที่เรา สร้างขึ้นมาใหม่ลงที่กายของเราจนเข้มแข็ง แข็งแรง ต่อเนื่อง เอาไปแก้ไขจนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง ใจถึงจะปล่อยจะวางได้ ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ขณะที่เรายังมีกําลังอยู่
ทุกคนก็มีบุญ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนาอีกด้วย แล้วเราก็ประพฤติปฏิบัติตามคําสอนของท่าน พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิต ชีวิตของเรานี้ประกอบขึ้นมาด้วยอะไรบ้าง ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง วิญญาณหรือบางคนบางท่านก็เรียกว่า ตัวใจ ใจของคนเรานี้เกิดมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็วนเวียนว่ายตายเกิด อันนั้นเป็นเรื่องนอกกายที่ผ่านมา เราอย่าไปนั่นถึงเขา เรามาดูวิญญาณในกายของเรา ความเกิดความดับวิญญาณในกายของเรา ปรับสภาพใจของเรา อบรมใจของเราให้อยู่ในความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้อยู่ในพรหมวิหาร ให้อยู่ในความเมตตา ให้อยู่ในความเสียสละ หมั่นขัดเกลากิเลส จัดระบบระเบียบ ซึ่งมีอยู่ในกายในใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
อันนี้ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของการแยกการคลายเป็นอย่างนี้ ตามดู ตามรู้ ตามเห็น ถ้าเราเข้าใจ รู้จักวิธีการแนวทาง เราก็พยายามดำเนินเจริญสติให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกจากการเกิด วิเวกจากกิเลส วิเวกจากขันธ์ห้า ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี แต่ละวันๆ ก็อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล เราพยายามแก้ไขใจของเราให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส เรามีโอกาสอยู่ทุกเวลา
กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็รู้จักแก้ไขรู้จักจัดการ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี ความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมเขาเกิดอย่างไร เกิดฝ่ายกุศลหรือว่าอกุศล กิเลสก็มีหลายชนิด ทั้งกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด เราเจริญสติจนรู้เท่ารู้ทัน เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเราแยกรูปแยกนาม คลายจากความคิด คลายจากขันธ์ห้า นั่นแหละที่ท่านบอกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นถูก ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง ถ้าเราเห็นถูกตั้งแต่แรกก็จะถูกไปเรื่อยๆ ถ้าเราเห็นผิด ก็จะผิดปิดกั้นตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็จงพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ จนเอาสติปัญญาไปใช้การใช้งาน ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล หมดความสงสัย หมดความลังเลในสิ่งต่างๆ ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกัน
พรรษานี้ก็วันพรุ่งนี้ก็จะได้ภาวนาออกพรรษากัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเข้าพรรษาในปีนี้ ก็พระเราชีเราตกเย็นเข้าไปทำวัตรสวดมนต์เวียนเทียนกันที่องค์หลวงปู่ใหญ่ปางลีลา ญาติโยมท่านใดปรารถนาที่อยากจะมาตั้งโรงทานก็มาได้ ทุกปีก็ญาติโยมก็มาตั้งโรงทานกันเยอะอยู่ ตั้งโรงทานที่ลานหลวงปู่ใหญ่ ส่วนโรงทานของวัดมีทุกวันๆ ตั้งแต่เช้ายันมืดยันค่ำ ใครไปใครมาก็ได้อยู่ได้กินทำให้อุดมสมบูรณ์ การให้ทานก็คือความเสียสละ เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่ออนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มีความสุข ไม่ให้ลําบาก หิวๆ มาก็ได้ดื่มได้ทาน ก็มีความสุข เราก็ดูแลใจของเรา แก้ไขใจของเรา ส่วนวันที่ 22 ถึงจะเป็นวันงานกฐินที่วัดของเรา ก็ให้ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับกิเลสภายใน ทั้งภายนอก ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ยังความสะอาด ความเป็นระเบียบ จากภายในสู่ภายนอก
เรามุ่งหวังเข้ามาก็เพื่อที่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ก็ต้องพยายาม มีอะไรเราก็ช่วยกันทำ ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน แล้วก็ลึกลงไป เราก็ดูใจของเราให้อยู่ในความบริสุทธิ์ ก็ต้องพยายามกัน ส่วนการขัดเกลากิเลสก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา ท่านถึงบอกว่าบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มองบน มองล่าง มองกลางใจของเรา ให้มีความสุขทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออก สนุกสร้างบุญ บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติเราก็ทำ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ