หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 48 วันที่ 14 พฤษภาคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 48 วันที่ 14 พฤษภาคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 48 วันที่ 14 พฤษภาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 48
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร(หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ท่านได้พยายามสังเกตวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงเพื่อที่จะเอาไปใช้การใช้งานให้ได้ ให้รู้จักจิตใจที่แท้จริงของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว

เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้า หายใจออก พวกเราก็หัดสังเกตให้เกิดความเคยชิน ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ไม่ดูก็หายใจอยู่ อันนั้นก็เป็นการหายใจที่ไม่มีสติรู้กาย หายใจแบบธรรมชาติตั้งแต่เกิดแต่เราเข้าไม่ถึง เวลาจะรู้ทีเวลาจะสังเกตที กายก็อึดอัด ใจก็อึดอัด สมองก็ตึง เราพยายามหัดผ่อนคลาย ให้รู้การหายใจเข้าหายใจออกให้เป็นธรรมชาติที่สุด ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเข้มแข็ง เราก็จะรู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้เท่าทันการเกิดของขันธ์ห้าว่าเขาเกิดอย่างไร เขาไปรวมกันเป็นสิ่งเดียวกันไปได้อย่างไร อะไรคือขันธ์ห้า อะไรคือวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา

ท่านถึงบอกให้เจริญสติเข้าไปรอบรู้ เข้าไปอบรม เข้าไปชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผล จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันอยู่ตลอดเวลา จงเป็น จงเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจอยู่ตลอดเวลาทุกเรื่องๆ

การเกิดมาแล้ว เราจะไปไหน ไปอย่างไรมาอย่างไร อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นกุศลในโลกปัจจุบันในโลกนี้และก็โลกหน้า ไอ้โลกหน้านั่นเอาไว้ทีหลัง เอาปัจจุบันให้ดี ทำใจของเราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักละกิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ใจของเรามีความอ่อนน้อม มีความถ่อมตน มีพรหมวิหาร ใจของเราเป็นทาสของกิเลส ทาสของการเกิดได้อย่างไร

เพียงแค่การเกิดการปรุงแต่งนั่นแหละเขาเรียกว่า ความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด แต่เขาหลงมาเกิด มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเองแล้ว แล้วก็มายึดในขันธ์ห้ารวมกันเป็นก้อน แต่เราขาดการเจริญสติเข้าไปจําแนกแจกแจง อันนี้วิญญาณในกาย อันนี้อาการของวิญญาณ อันนี้อาการของความคิดเป็นกุศลหรือว่าอกุศล มีอยู่ในกายของเราหมด ก็ต้องพยายาม

พยายาม ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ แก้ไขตัวเราใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา ที่ท่านบอกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’ ถ้าเราพึ่งตัวเราไม่ได้นี่มันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา

ส่วนแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน เอามาเปิดเผยมานานแล้วตั้งแต่หลายร้อยหลายพันปี ที่ท่านบอกว่าแม้แต่พระพุทธเจ้ายังไม่เกิดธรรมะก็มีอยู่ มีอยู่ทั่วไป ธรรมชาติของใจที่ปราศจากกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ธรรมชาติของใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง ธรรมชาติของใจถ้าไม่ฝึกหัดปฏิบัติอบรมขัดเกลา เขาก็หาเรื่องมาทับถมตัวเองมากขึ้นๆๆ จาก หนึ่งครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ก็เยอะขึ้นๆๆ ท่านถึงได้ให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจ แก้ไขใจหมั่นละกิเลส หมั่นขัดเกลาอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องเข้าถึง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ถ้าเราจําแนกแจกแจงได้เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ทันที ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็เอาการเอางานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย ประโยชน์สมมติก็ได้ ทางด้านจิตใจก็ได้ กายทำหน้าที่อย่างนี้นะ วิญญาณทำหน้าที่อย่างนี้นะ

เรารู้จักวิธีการแนวทางแล้วก็ไปทำความเข้าใจ อยู่คนเดียวเราก็วิเคราะห์ใจวิเคราะห์กายของเรา อยู่หลายคนเราก็วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล จนใจมองเห็นความเป็นจริง เขาก็ค่อยลด ค่อยละไปทีละเล็กละน้อย จนใจของเราอยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความหลุดพ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ก็ต้องพยายามกัน

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน มีกันเต็มเปี่ยมทุกคน ต้องอาศัยความเพียร ความเพียรที่ถูกต้องด้วย ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางกันหลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบใจทุกคน เมื่อวานนี้ก็รวมพลังทั้งลูกพระลูกเณรพากันช่วยกันปลูกต้นไม้ นี่ก็ยังเหลือเยอะอยู่ วันนี้ก็พากันช่วยกันไปปลูกต้นไม้ เอาเฉพาะต้นที่มันโตนะ ต้นเล็กๆ เก็บไว้ก่อนเลี้ยงไว้ก่อน ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นกัลปพฤกษ์ ปลูกแซมเข้าไปในป่านี่แหละ ทางหลังกุฏิชี ทางกุฏิ 4 ห้อง กลางป่า ปลูกแซมเข้าไปเลย ต้นไหนโตก็ให้มันรอดไป ต้นไหนไม่โตก็หามาใหม่ ปลูกทุกปี ปลูกทุกปีตั้งแต่ยังไม่มี นี้ปลูกทุกปีจนเป็นป่าเป็นร่มเป็นเงา ใครไปใครมาก็มีความสุขร่มรื่นร่มเย็น

การปลูกต้นไม้เขาก็ให้ออกซิเจนกับเราให้ความร่มรื่นกับเรา ใครเข้ามาแล้วก็มีความสุข อากาศก็ดี นี่แหละคนเราส่วนมากก็มีตั้งแต่พากันทำลาย เพียงแค่สมมติก็พากันทำลาย ไม่พากันทำให้มีให้เกิดขึ้น การแสวงหา การดิ้นรนอยากจะอยู่ตั้งแต่ที่มีป่าเยอะๆ อยากจะอยู่ที่ๆๆ ที่มันสงบ ร่มรื่นร่มเย็น ทุกวันนี้มันไม่มีแล้ว นอกจากเราจะสร้างขึ้นมา ทำขึ้นมา ไปอยู่ในป่าในเขา ก็มีแต่จะภูเขาหัวโล้นกันเกือบหมดแล้ว

นี่แหละคนเราทำลายธรรมชาติ ภายนอกก็พากันทำลาย ภายในก็ไม่รู้จักวิเคราะห์สังเกตหาต้นเหตุ ก็เลยหาตั้งแต่เหตุมาทับถมดวงใจของเราอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสฝากเอาไว้ เราทำเอาไว้เดี๋ยวรุ่นหลังก็มาสานต่อจะไม่ได้ลําบาก

การฝึกหัดปฏิบัติจิตใจก็ฝึกไปด้วยทำไปด้วย แก้ไขตัวเราไปด้วย สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง