หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 18 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 18 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 18 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 18
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ได้สำรวจกายสำรวจใจของเราแล้วหรือยัง ทำความเข้าใจกับลักษณะของสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ ให้มีให้เกิดขึ้น ให้ต่อเนื่องในกายของเราแล้วหรือยัง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว อย่าไปบังคับ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน

ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ช่วงใหม่ๆ จะพลั้งเผลอเสียเยอะ เราก็พยายาม พลั้งเผลอเมื่อไรเราก็เริ่ม พยายามสร้างความรู้ตัวจนความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เข้มแข็ง เอาไปใช้การใช้งานได้ เขาเรียกว่า มีสติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมว่าใจกับความคิดหรือว่าขันธ์ห้า เขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร

รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ รู้จักควบคุม เขาเรียกว่า สมถะ การควบคุมใจของเราให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเขาเรียกว่า สมถะ พยายามหมั่นอบรมใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนกว่าใจจะคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า แยกรูป แยกนาม สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกเปิดทางให้

การตามดู การรู้ การเห็น เราก็จะเข้าใจในเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ การเกิดการดับของจิตวิญญาณในกายของเรา การเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ของขันธ์ห้า ทำไมใจถึงเข้าไปรวมจนเกิดอัตตาตัวตน จนเกิดทิฏฐิ เกิดมานะ ใจเกิดเป็นทาสของกิเลส เป็นทาสของความเกิด เราต้องมาเจริญสติลงที่กายของเราให้ได้เสียก่อน ค่อยคลายออกไปเรื่อยๆ เป็นทีละจุดทีละเปลาะ

เราไม่เห็นใจเกิด เราก็พยายามควบคุมเสียก่อน ควบคุมแล้วก็หมั่นอบรม สักวันหนึ่งเราก็คงจะเห็น การแยกการคลาย การตามดู การรู้การเห็น มองเห็นเหตุเห็นผล ด้วยเหตุด้วยผลของการเจริญสติของการเจริญปัญญา อย่าปิดกั้นตัวเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พยายามดูรู้กายรู้ใจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แต่ละวันใจของเราเกิดกิเลสสักกี่ครั้ง กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ

ใจของเราเป็นบุญ ใจของเรามีความสงบ ใจของเรามีความสุข หรือว่าใจของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรายังเป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยากอยู่ เราก็รู้จักดับ รู้จักหยุด เปลี่ยนเป็นกำลังสติปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง จงพยายามพากันทำทุกอิริยาบถ จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการเห็น ในการทำความเข้าใจ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ รู้จักคลาย รู้จักเอาออก ทีนั้นทีนี้ ความอยากก็จะเหือดแห้งไป ความคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้า ถ้าเราขาดการตามดูเขาก็จะเยอะมากขึ้นๆ

จงพยายามสร้างความเพียร มีความเพียร มีความรับผิดชอบ มีความขยัน อดทนอดกลั้น จนกว่าเราจะบรรลุธรรมหรือว่าเข้าใจในเรื่องจิตวิญญาณของเรา จนกว่าเราจะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งเรานอนหลับ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ให้เป็นแค่อิริยาบถ อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ อะไรคืออัตตา อะไรคืออนัตตา วิญญาณในขันธ์ห้า วิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร

การได้ยิน การได้ฟัง การได้อ่าน ทุกคนก็ผ่านกันมาหมด แต่การลงมือการอบรมใจของเรานี่ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา ท่านถึงบอกว่าบอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น อยู่ที่ไหนเราก็แก้ไขตัวเรา หมั่นอบรมใจของเรา เจริญสติเข้าไปเพื่อนใจ พูดกับใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล ผิดพลาดแก้ไขใหม่ๆ เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องทำความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ

บุญทางสมมติ เราก็พยายามทำให้เต็มเปี่ยม ทั้งสมมติทั้งวิมุตติเราก็พยายามทำ ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ได้เลือกว่าหญิงว่าชาย ว่าพระว่าชีว่าโยม มีร่างกายธาตุขันธ์ อาการ 32 เหมือนกันหมด ถ้าเราบอกตัวเราไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น ก็อย่าไปหวังให้คนอื่นเขาสอนให้ได้เลย นอกจากตัวของเรา ผิดถูกชั่วดีอย่างไร เราก็ค่อยแก้ไข จากทั้งภายในทั้งภายนอก จากคนคนเดียวก็ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่เพื่อนสู่ฝูง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน

เรามีโอกาสได้มาอยู่ร่วมกัน เราเคยสร้างบุญมาร่วมกันเราถึงมาอยู่ร่วมกัน ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันหลายคน หลายท่าน ก็พยายามรู้จักรักษาวาจา รู้จักรักษาใจ เพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเสียสละ ผิดพลาดก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ภาระหน้าที่การงานอะไรเราก็ช่วยกัน อย่าพากันไปงอมืองอเท้า เราพยายามจงเอาการเอางานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยดูใจไปด้วย อะไรผิดพลาดก็แก้ไข ความเป็นอยู่ของเราก็จะดีขึ้น ทั้งภายนอกภายใน

ถ้าเราสร้างสะสมตั้งแต่ความเกียจคร้าน ครั้งหนึ่งก็เพิ่มไปเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 จนกระทั่งหมักอยู่ในสันดานของตัวเรา การขัดเกลาเอาออกก็ยาก เราจงเป็นผู้ให้ ขยันหมั่นเพียรในการให้ในการเอาออก รับผิดชอบด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา อยู่หลายคนก็ระวังความคิด อยู่กับมิตรก็ระวังวาจา ก็พยายามค่อยแก้ไขกันไปนะ

เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมกันเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง