หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 39 วันที่ 16 เมษายน 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 39 วันที่ 16 เมษายน 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 39
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 เมษายน 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ตามหลักของความเป็นจริง ต้องดูต้องรู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้ตัวต่อเนื่องเขาเรียกว่า สติสัมปชัญญะ เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา อันนี้คือใจ ลักษณะของใจ การเกิดของใจ ความปกติของใจ และก็อาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด ใจปกติคือใจไม่มีกิเลส ใจไม่เกิด
ถ้าพูดตามหลักธรรมก็คือสมาธิธรรมชาติ แต่เราขาดการเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปดูแล เข้าไปแก้ไข ใจของเราก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้ายังเป็นปัญญาที่หลงอยู่ ซึ่งเรียกว่า ปัญญาของโลกียะ ปัญญาของโลก ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กายของเรา แล้วก็ปรับสภาพใจของเรา ใจของเรามีความรับผิดชอบ มีความขยันหมั่นเพียร มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีความกตัญญูกตเวที นี่ก็ให้รีบแก้ไข ถ้าใจของเรามีกิเลสเราก็พยายามละ พยายามขัดเกลา การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็นับว่าเป็นบุญ เป็นสัตว์ที่ประเสริฐ ที่ให้ศึกษาธรรมะเข้าถึงแก่นแท้ของใจของเราได้
พวกเราอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นสํารวจ หมั่นขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ความหลงในชั้นแรกก็คือความหลง หลงอยู่ในขันธ์ห้า หลงอยู่ในกายของเรา คือใจของเรานี่มาหลงมายึด มายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนของเรา
ในทางสมมติก็เป็นตัวตนของเราจริงๆ นั่นแหละ แต่ในหลักธรรมแล้วท่านให้เจริญสติเข้าไปแยกแยะว่ามีอะไรบ้างในกายของเรา ซึ่งประกอบขึ้นมาด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็มีวิญญาณเข้ามาครอง ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตัวของวิญญาณ เราก็ต้องหมั่นเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้ได้ ให้เชื่อมโยงให้ได้ แล้วก็ไปอบรมใจของเรา ใจของทุกคนนี่อบรมได้ ส่วนมากก็ปล่อยเลยตามเลย ปล่อยตามความคิด ตามอารมณ์ ตามกิเลสต่างๆ ใจก็เลยหลง ใจก็เลยเป็นทาสกิเลส แม้แต่ตัวใจเองเขาก็ ความเกิดนั่นแหละปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วเขาก็มาสร้างขันธ์ห้า คืออัตภาพร่างกายของเรา ส่วนรูปส่วนนาม แล้วก็มีกิเลสเข้ามาปกคลุมอีก ความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่ยาก กิเลสทั้งดีทั้งไม่ดี
ทุกอย่างถ้าเราเจริญสติเข้าไปค้นคว้าเราจะเห็นเยอะ เราต้องรู้จัก อันนี้คือลักษณะของสติรู้ตัว อันนี้คือลักษณะของใจ อันนี้คือลักษณะของขันธ์ห้า ทุกเรื่องในชีวิตของเรา กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ใจหรือว่าวิญญาณทำหน้าที่อย่างไร พยายามดูรู้ให้ชัดเจน แล้วก็สร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ใจเกิดความอยาก เราก็ละความอยาก ใจให้เกิดความโลภ เราก็ละความโลภ ใจมีความแข็งกระด้าง เราพยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เป็นอานิสงส์ตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น
อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราจงพยายามดูใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ให้ขยันหมั่นเพียรด้วยสติด้วยปัญญา ขยันหมั่นเพียรด้วยเหตุด้วยผล ทางวิมุตติ ทางด้านจิตวิญญาณ เขาก็มีเหตุมีผล ทางสมมติก็มีเหตุมีผล ถูกทางสมมติ ถูกทางวิมุตติ ถ้าบุคคลใดมาเจริญสติตามที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม ขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้นะ การสร้างบารมีเป็นอย่างนี้ การขัดเกลากิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีกันหมดทุกคน
ยิ่งฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ยืน เดิน นั่ง นอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา ในการได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม เปรียบเสมือนกับแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ มีการเจริญภาวนา การทำความเข้าใจ
เข้าใจคําว่าศีลเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาสมมติภาษาวิมุตติ ศีลสมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา หลักของอริยสัจ ใจส่งไปภายนอกได้อย่างไร จะไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่วิปัสสนาหรือว่าความรู้แจ้งเห็นจริง การแยกรูปแยกนาม เรารู้ทันใจก็คลายออกจากขันธ์ห้าเหมือนกับหงายของที่คว่ำ ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา อันนี้เพียงแค่เริ่มต้นของสัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้
นี่ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ใจก็ยังหลงอยู่ ถึงหลงก็ขอให้หลงเกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ เพราะว่าจิตใจจะได้เบาบาง ละจากกิเลสได้เบาบางลงไปเรื่อยๆ เพราะว่าสภาพจิตเดิมแท้นั้นไม่มีกิเลส เขามีความสะอาดบริสุทธิ์ แต่ความหลงทำให้เขาเกิด ทำให้เขาเป็นทาสของกิเลส เราก็มาค่อยขัดค่อยเกลาค่อยเอาออก ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นทบทวน หมั่นวิเคราะห์ ทบทวนอยู่ขณะนี้ว่าใจปกติ ใจไม่มีกิเลส ทบทวนอยู่ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งถึงเวลาค่ำมืดเข้านอน ก็ย้อนดูตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง ใจของเราเกิดสักกี่เรื่อง เกิดสักกี่เที่ยว กิเลสตัวไหนมาหลอกเรา เราจะได้รู้ความเป็นจริง แล้วก็จะได้มาขัดเกลาตัวเรา ก็ต้องพยายามกัน
พยายามหมั่นสร้างบารมีสร้างคุณงามความดี ใจของเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่ สมมติภายนอกของเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือเปล่า เราก็ต้องดูอะไรเราขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ท่านถึงว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน ถ้าเรารู้จักวิถีทาง วิธีการแนวทางแล้วก็ไปรีบทำ ไปรีบทำแล้วก็ตื่นขึ้นโน้นเลย ใจปกติตื่นขึ้นก็รู้ใจปุ๊บ รู้สัมผัสของลมหายใจปุ๊บ จะก้าวลุกจะก้าวเดิน เข้าห้องส้วมห้องน้ำใจยังปกติ จะเอาโน่นเอานี่ ทำโน่นทำนี่ ก็เป็นเรื่องของปัญญา
การพูดง่ายแต่การลงมือทำจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ถึงจะเข้าถึงได้ ใจของเราเกิดอย่างไร ใจของเรากลัวอะไร คําว่าความอยากความหิวเป็นอย่างไร ถ้าไปศึกษาไว้ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำอย่างที่หลวงพ่อบอกนี่แหละ จะได้หมดความสงสัยหมดความลังเล ก็จะเดินได้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไวขึ้น ก็ต้องพยายามก่อนนะ
เอาล่ะวันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 เมษายน 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ตามหลักของความเป็นจริง ต้องดูต้องรู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้ตัวต่อเนื่องเขาเรียกว่า สติสัมปชัญญะ เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา อันนี้คือใจ ลักษณะของใจ การเกิดของใจ ความปกติของใจ และก็อาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด ใจปกติคือใจไม่มีกิเลส ใจไม่เกิด
ถ้าพูดตามหลักธรรมก็คือสมาธิธรรมชาติ แต่เราขาดการเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปดูแล เข้าไปแก้ไข ใจของเราก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้ายังเป็นปัญญาที่หลงอยู่ ซึ่งเรียกว่า ปัญญาของโลกียะ ปัญญาของโลก ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กายของเรา แล้วก็ปรับสภาพใจของเรา ใจของเรามีความรับผิดชอบ มีความขยันหมั่นเพียร มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีความกตัญญูกตเวที นี่ก็ให้รีบแก้ไข ถ้าใจของเรามีกิเลสเราก็พยายามละ พยายามขัดเกลา การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็นับว่าเป็นบุญ เป็นสัตว์ที่ประเสริฐ ที่ให้ศึกษาธรรมะเข้าถึงแก่นแท้ของใจของเราได้
พวกเราอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นสํารวจ หมั่นขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ความหลงในชั้นแรกก็คือความหลง หลงอยู่ในขันธ์ห้า หลงอยู่ในกายของเรา คือใจของเรานี่มาหลงมายึด มายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนของเรา
ในทางสมมติก็เป็นตัวตนของเราจริงๆ นั่นแหละ แต่ในหลักธรรมแล้วท่านให้เจริญสติเข้าไปแยกแยะว่ามีอะไรบ้างในกายของเรา ซึ่งประกอบขึ้นมาด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็มีวิญญาณเข้ามาครอง ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตัวของวิญญาณ เราก็ต้องหมั่นเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้ได้ ให้เชื่อมโยงให้ได้ แล้วก็ไปอบรมใจของเรา ใจของทุกคนนี่อบรมได้ ส่วนมากก็ปล่อยเลยตามเลย ปล่อยตามความคิด ตามอารมณ์ ตามกิเลสต่างๆ ใจก็เลยหลง ใจก็เลยเป็นทาสกิเลส แม้แต่ตัวใจเองเขาก็ ความเกิดนั่นแหละปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วเขาก็มาสร้างขันธ์ห้า คืออัตภาพร่างกายของเรา ส่วนรูปส่วนนาม แล้วก็มีกิเลสเข้ามาปกคลุมอีก ความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่ยาก กิเลสทั้งดีทั้งไม่ดี
ทุกอย่างถ้าเราเจริญสติเข้าไปค้นคว้าเราจะเห็นเยอะ เราต้องรู้จัก อันนี้คือลักษณะของสติรู้ตัว อันนี้คือลักษณะของใจ อันนี้คือลักษณะของขันธ์ห้า ทุกเรื่องในชีวิตของเรา กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ใจหรือว่าวิญญาณทำหน้าที่อย่างไร พยายามดูรู้ให้ชัดเจน แล้วก็สร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ใจเกิดความอยาก เราก็ละความอยาก ใจให้เกิดความโลภ เราก็ละความโลภ ใจมีความแข็งกระด้าง เราพยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เป็นอานิสงส์ตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น
อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราจงพยายามดูใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ให้ขยันหมั่นเพียรด้วยสติด้วยปัญญา ขยันหมั่นเพียรด้วยเหตุด้วยผล ทางวิมุตติ ทางด้านจิตวิญญาณ เขาก็มีเหตุมีผล ทางสมมติก็มีเหตุมีผล ถูกทางสมมติ ถูกทางวิมุตติ ถ้าบุคคลใดมาเจริญสติตามที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม ขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้นะ การสร้างบารมีเป็นอย่างนี้ การขัดเกลากิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีกันหมดทุกคน
ยิ่งฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ ยืน เดิน นั่ง นอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา ในการได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม เปรียบเสมือนกับแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ มีการเจริญภาวนา การทำความเข้าใจ
เข้าใจคําว่าศีลเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาสมมติภาษาวิมุตติ ศีลสมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา หลักของอริยสัจ ใจส่งไปภายนอกได้อย่างไร จะไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่วิปัสสนาหรือว่าความรู้แจ้งเห็นจริง การแยกรูปแยกนาม เรารู้ทันใจก็คลายออกจากขันธ์ห้าเหมือนกับหงายของที่คว่ำ ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา อันนี้เพียงแค่เริ่มต้นของสัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้
นี่ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ใจก็ยังหลงอยู่ ถึงหลงก็ขอให้หลงเกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ เพราะว่าจิตใจจะได้เบาบาง ละจากกิเลสได้เบาบางลงไปเรื่อยๆ เพราะว่าสภาพจิตเดิมแท้นั้นไม่มีกิเลส เขามีความสะอาดบริสุทธิ์ แต่ความหลงทำให้เขาเกิด ทำให้เขาเป็นทาสของกิเลส เราก็มาค่อยขัดค่อยเกลาค่อยเอาออก ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นทบทวน หมั่นวิเคราะห์ ทบทวนอยู่ขณะนี้ว่าใจปกติ ใจไม่มีกิเลส ทบทวนอยู่ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งถึงเวลาค่ำมืดเข้านอน ก็ย้อนดูตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง ใจของเราเกิดสักกี่เรื่อง เกิดสักกี่เที่ยว กิเลสตัวไหนมาหลอกเรา เราจะได้รู้ความเป็นจริง แล้วก็จะได้มาขัดเกลาตัวเรา ก็ต้องพยายามกัน
พยายามหมั่นสร้างบารมีสร้างคุณงามความดี ใจของเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่ สมมติภายนอกของเรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือเปล่า เราก็ต้องดูอะไรเราขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ท่านถึงว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน ถ้าเรารู้จักวิถีทาง วิธีการแนวทางแล้วก็ไปรีบทำ ไปรีบทำแล้วก็ตื่นขึ้นโน้นเลย ใจปกติตื่นขึ้นก็รู้ใจปุ๊บ รู้สัมผัสของลมหายใจปุ๊บ จะก้าวลุกจะก้าวเดิน เข้าห้องส้วมห้องน้ำใจยังปกติ จะเอาโน่นเอานี่ ทำโน่นทำนี่ ก็เป็นเรื่องของปัญญา
การพูดง่ายแต่การลงมือทำจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ถึงจะเข้าถึงได้ ใจของเราเกิดอย่างไร ใจของเรากลัวอะไร คําว่าความอยากความหิวเป็นอย่างไร ถ้าไปศึกษาไว้ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำอย่างที่หลวงพ่อบอกนี่แหละ จะได้หมดความสงสัยหมดความลังเล ก็จะเดินได้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไวขึ้น ก็ต้องพยายามก่อนนะ
เอาล่ะวันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ