หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 6 วันที่ 8 มกราคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 6 วันที่ 8 มกราคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 6
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 มกราคม 2560
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาเราพยายามสำรวจใจของเราให้ทัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พอรู้ตัวปุ๊บ รู้ใจปั๊บ รู้การหายใจเข้าออกปุ๊บ เขาเรียกว่า รู้ตัวอยู่ปัจจุบัน จนกระทั่งถึงเวลานี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ อะไรควรทำก่อนอะไรควรทำหลัง อะไรเป็นประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สูงสุด ทำอย่างไรใจของเราถึงจะสะอาดบริสุทธิ์ เราก็พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดสำรวจ ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น ใจของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราก็พยายามขัดพยายามเกลา
ดูดีๆ นะ ทั้งพระทั้งชี ทุกเรื่อง เวลาจะขบจะฉันก็เหมือนกัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง กายหิว ใจจะเกิดความอยาก ความอยากกับความหิวนี้ต้องพยายามจำแนกแจกแจงให้ชัดเจน เพราะว่ามีอยู่ประจำตัวของเราตั้งแต่ตั้งแต่เกิด กายของคนเรานี่ก็ต้องการอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกาย ใจก็เกิดปรุงแต่ง เราพยายามดับการเกิด หยุดการเกิดของใจ ให้เอาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ที่ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ปฏิสังขาโย พิจารณา พิจารณาใจก่อน ใจมีความอยากมีความยินดี ผลักไสหรือว่าดึงเข้ามา นี่แหละเขาเรียกว่า ปฏิสังขาโย ไม่ใช่พูดตั้งแต่ปาก
ตื่นขึ้นมาใจเกิดสักกี่เที่ยว เพียงแค่การเกิดนั้นก็หลง ความเกิดของใจนั่นก็หลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เรามาดับความเกิดของใจ หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน เวลานี้ใจของเราทั้งหลงทั้งเกิด เราก็ว่าเราไม่หลง ในภาพรวมนี่คือหลงสมมติ หลงอัตตาตัวตน ถ้าบุคคลใดมาเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงก็จะเห็นกันเป็นคนละส่วน ส่วนใจนั้นก็ส่วนหนึ่งกองหนึ่ง อาการของใจหรือว่าอาการของขันธ์ห้านั้นก็กองหนึ่ง ร่างกายของเรานี่ก็กองหนึ่ง ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ บางทีก็เป็นกลางๆ บางทีก็เป็นเรื่องอดีต
เราพยายามฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ดีกว่าจะปล่อยปละละเลย ตื่นขึ้นมาใจฝักใฝ่ในบุญ อยากทำบุญ อยากได้บุญ ความอยาก ความอยากนั้นก็ปิดการเรื่องความสะอาดความบริสุทธิ์เอาไว้ แต่ความอยากก็นำมาพาให้ถึงความบริสุทธิ์ อยากสร้างบุญสร้างบารมี ในหลักธรรมท่านก็ให้สร้างด้วยสติสร้างด้วยปัญญา ยิ่งสนุกสร้างให้ใจรับรู้ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำ
ทั้งพระทั้งชีก็ดูดีๆ นะ วันนี้เห็นว่ามากันบวชนาค มากันกี่คนนะ แปดคน ที่พักที่อาศัยของพระเราก็ไม่เพียงพอกัน ก็อยู่ตามอัตภาพของเรา สมัยก่อนยิ่งลำบาก ลำบากทุกอย่าง ตั้งแต่สามสิบปีก่อน ลำบากทุกอย่าง เพียงแค่เดินเข้ามาป่าช้าก็ขาถลอกปอกเปิก เพราะว่ามีแต่ป่าเพ็ก ป่าหนาม ป่าหญ้าคา ทั้งเผาทั้งฟันกันเกลื่อนเต็มไปหมด แม้แต่ที่ศาลาที่เรานั่งนี่ขุดลงไปตรงไหนก็เจอตั้งแต่ไหกระดูก เยอะ ที่พักที่อาศัยนี่ก็อยู่ตามร่มไม้อยู่ตามชายคา ลำบากกว่านี้เป็นหลายๆ เท่า ทุกวันนี้ไม่ถึงกับลำบากเท่าไร เราอยู่อย่างไรเราก็พยายามอยู่ให้ใจมีความสุข คับที่คับอกคับใจก็แก้ไข ยิ่งอยู่ตามร่มไม้ตามโคนไม้ยิ่งมีความสุข ที่สวนมะลิวัลย์ก็พากันกำลังให้ร่มให้เงา เอากลดเอาเต็นท์ไปกางตามร่มไม้ชายคา ฝนฟ้าไม่ตก มีความสุข ไปสำรวจกายสำรวจใจของเรา
มีอะไรก็ช่วยกันทำให้เกิดประโยชน์ เรามาสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ เพื่อขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ที่นั้นที่นี้เขาก็ค่อยจะสะอาดบริสุทธิ์ การมาวัดก็เพื่อที่จะมาศึกษาเรื่องใจของเรา ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ตรงไหนเป็นแหล่งบุญเหล่ามนุษย์ทั้งหลายเหล่าเทวดาทั้งหลายย่อมจะหลั่งไหลมา มีศรัทธาเข้ามาในวัด แต่ให้เป็นศรัทธาที่เกิดจากการเจริญภาวนารู้แจ้งเห็นจริงด้วย ถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่ว่าศรัทธาแบบใครว่าอย่างไรก็ไหลไปตามกิเลสคนโน้นคนนี้ กิเลสตัวเองก็ไม่รู้จักละ กิเลสคนโน้นคนนี้ก็วิ่งตามกิเลส ไม่จบไม่สิ้น ต้องเป็นศรัทธาที่มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ และปฏิบัติตามให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบหลงงมงาย
การเจริญสติ คำว่าปัจจุบันธรรมให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดปรุงแต่งเป็นกุศล หรือว่าอกุศล ความคิดหรือว่าขันธ์ห้าผุดขึ้นมาใจหลงเข้าไปรวมได้อย่างไร สังเกตไม่ทันเราก็รู้จักหยุดรู้จักดับเอาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ทำ ความคิดนั้นมีมาตั้งนาน ความเกิดนั้นมีมาตั้งนาน จนเกิดมาสร้างกายเนื้อปิดกั้นตัวเราเอาไว้ แล้วก็เกิดต่อหลงต่อไม่จบไม่สิ้น เราก็พยายามมาควบคุมหัดสังเกตวิเคราะห์จนใจของเราคลายความหลงในขันธ์ห้า นั่นแหละสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกถึงจะเปิดทางให้ ถ้าเรายังแยกแยะขันธ์ห้าไม่ได้ ก็อยู่ในกองบุญกองกุศล แต่ขาดปัญญาที่จะเดินขึ้นสู่ที่สูง คือทำใจให้บริสุทธิ์จากขันธ์ห้าจากการละกิเลส
กิเลสก็มีกันทุกคนนั่นแหละ เราต้องละกิเลสตัวเรา ดับความเกิด แยกแยะอะไรที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ในกายของเราเป็นอย่างไร ความอยากเป็นอย่างไร กิเลสละเอียด ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ เหตุจากภายนอกทำให้เกิดหรือเกิดจากภายใน เราก็ต้องดู อย่าปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ถ้าคนใดเห็นแล้ว แยกแยะได้แล้วจะมีความสุข กิเลสตัวไหนมาหลอกเรา เราพลั้งเผลอให้กิเลสได้อย่างไร เริ่มใหม่ทำหน้าที่ของเราให้จบ นอกนั้นก็เป็นสมมติเข้ามาหาเรา เราก็พยายามยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข
ยิ่งบวชเป็นพระเป็นชี อยู่กันคนละทิศละที่ มาอยู่รวมกัน ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน เราพยายามละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่มัวเล่นคุยกันสนุกสนาน เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย สติคอยอบรมใจไปด้วย มีความสุขออก ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กายวิเวกอย่างนี้ ใจวิเวกจากขันธ์ห้า ใจวิเวกจากกิเลส ใจไม่มีกิเลส แต่ส่วนมากแม้แต่ตัวใจก็ยังปิดกั้นตัวเองเอาไว้ เข้ามาวัดแทนที่จะได้ประโยชน์ มีตั้งแต่เพ่งโทษคนโน้นเพ่งโทษคนนี้ เข้ามาวัดก็เพ่งโทษท่านเจ้าคุณเป็นอย่างนั้นท่านเจ้าคุณเป็นอย่างนี้ ไม่เห็นพาเดินไม่เห็นพานั่ง
เป็นเรื่องของเราที่จะต้องทำความเข้าใจทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไร แยกรูป รส กลิ่น เสียงออกจากใจของเราได้แล้วหรือยัง เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามยังสมมติของเราไม่ให้ลำบาก ไม่ว่าอยู่ที่บ้าน ที่ไร่ที่นา ที่ทำการทำงาน สมมติเราขาดตกบกพร่องอะไร เพราะว่ากายของเรายังอาศัยสมมติอยู่ ใจมาอาศัยกาย ใจมาสร้างกายแล้วก็มาอาศัยกาย กายก็ยังอาศัยสมมติ อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม เราต้องจำแนกแจกแจงให้ชัดเจนทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ทำ กิเลสไม่รู้จักละ มันจะได้ของบริสุทธิ์ได้อย่างไร สติก็ไม่รู้จักเจริญ ไม่รู้จักเอาไปใช้ จับชายจีวรของพระพุทธองค์อยู่ มันก็ไม่รู้จักอะไร
ถ้าเราเข้าใจแล้วอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ทำความเข้าใจกับภาษาโลก คนที่จะบรรลุถึงเป้าหมายต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร มีศรัทธา มีความเพียร มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ดำเนินชีวิตของเราให้จบ ไม่ต้องผัดวันประกันพรุ่ง จบทางด้านจิตใจ คือใจไม่เกิด ใจไม่มีกิเลส ทางสมมติเราก็ดูแลกันไป ตายเมื่อไรนั่นแหละใจถึงจะได้พลัดพรากจากกาย
แต่ตอนนี้เราวางด้วยปัญญา รู้ด้วยปัญญา สนุกสร้างคุณงามความดี ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เห็นคนอื่นทำ ทำมากทำน้อย ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็จะได้อานิสงส์แห่งบุญ น้อมใจให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ตราบใดที่ใจยังไม่หลุดพ้น ถึงใจหลุดพ้นก็สร้างคุณงามความดี ยังประโยชน์ให้กับสมมติ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งชี
ชีเราก็ช่วยกัน มีอะไรก็ช่วยกัน ดูแลทำความสะอาด คนทั่วไปนี่รักสะอาดแต่ชอบสกปรก ทิ้งมันเกลื่อน เห็นแก่ตัว ก็ต้องพยายาม ความสะอาดจากภายนอกก็ส่งถึงภายใน รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ใช้ให้เกิดประโยชน์ อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของธรรมชาติ ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา
ญาติโยมก็เริ่มเข้ามาเยอะ พระเราก็เยอะ ชีเราก็เยอะ ให้เยอะด้วยคุณภาพอย่าเยอะด้วยปริมาณ ให้มีคุณภาพขัดเกลากิเลสของตัวเรา ไม่ใช่เข้ามาแล้วมีตั้งแต่ความโลภ ความโลภความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เราจงมาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง สร้างความขยันหมั่นเพียรสร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น มายังภาษาธรรมภาษาโลกให้กระจ่าง กายของเรานี้เป็นก้อนโลก ถ้าใจของเราคลายจากขันธ์ห้ากายของเราก็จะเป็นก้อนธรรม ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ก็เป็นโลก ใจก็เป็นโลก กายก็เป็นโลก เป็นรังแห่งทุกข์ เราก็พยายามมาศึกษาให้เข้าใจให้ละเอียด
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 มกราคม 2560
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาเราพยายามสำรวจใจของเราให้ทัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พอรู้ตัวปุ๊บ รู้ใจปั๊บ รู้การหายใจเข้าออกปุ๊บ เขาเรียกว่า รู้ตัวอยู่ปัจจุบัน จนกระทั่งถึงเวลานี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ อะไรควรทำก่อนอะไรควรทำหลัง อะไรเป็นประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สูงสุด ทำอย่างไรใจของเราถึงจะสะอาดบริสุทธิ์ เราก็พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดสำรวจ ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น ใจของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราก็พยายามขัดพยายามเกลา
ดูดีๆ นะ ทั้งพระทั้งชี ทุกเรื่อง เวลาจะขบจะฉันก็เหมือนกัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง กายหิว ใจจะเกิดความอยาก ความอยากกับความหิวนี้ต้องพยายามจำแนกแจกแจงให้ชัดเจน เพราะว่ามีอยู่ประจำตัวของเราตั้งแต่ตั้งแต่เกิด กายของคนเรานี่ก็ต้องการอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกาย ใจก็เกิดปรุงแต่ง เราพยายามดับการเกิด หยุดการเกิดของใจ ให้เอาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ที่ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ปฏิสังขาโย พิจารณา พิจารณาใจก่อน ใจมีความอยากมีความยินดี ผลักไสหรือว่าดึงเข้ามา นี่แหละเขาเรียกว่า ปฏิสังขาโย ไม่ใช่พูดตั้งแต่ปาก
ตื่นขึ้นมาใจเกิดสักกี่เที่ยว เพียงแค่การเกิดนั้นก็หลง ความเกิดของใจนั่นก็หลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เรามาดับความเกิดของใจ หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน เวลานี้ใจของเราทั้งหลงทั้งเกิด เราก็ว่าเราไม่หลง ในภาพรวมนี่คือหลงสมมติ หลงอัตตาตัวตน ถ้าบุคคลใดมาเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงก็จะเห็นกันเป็นคนละส่วน ส่วนใจนั้นก็ส่วนหนึ่งกองหนึ่ง อาการของใจหรือว่าอาการของขันธ์ห้านั้นก็กองหนึ่ง ร่างกายของเรานี่ก็กองหนึ่ง ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ บางทีก็เป็นกลางๆ บางทีก็เป็นเรื่องอดีต
เราพยายามฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น ดีกว่าจะปล่อยปละละเลย ตื่นขึ้นมาใจฝักใฝ่ในบุญ อยากทำบุญ อยากได้บุญ ความอยาก ความอยากนั้นก็ปิดการเรื่องความสะอาดความบริสุทธิ์เอาไว้ แต่ความอยากก็นำมาพาให้ถึงความบริสุทธิ์ อยากสร้างบุญสร้างบารมี ในหลักธรรมท่านก็ให้สร้างด้วยสติสร้างด้วยปัญญา ยิ่งสนุกสร้างให้ใจรับรู้ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำ
ทั้งพระทั้งชีก็ดูดีๆ นะ วันนี้เห็นว่ามากันบวชนาค มากันกี่คนนะ แปดคน ที่พักที่อาศัยของพระเราก็ไม่เพียงพอกัน ก็อยู่ตามอัตภาพของเรา สมัยก่อนยิ่งลำบาก ลำบากทุกอย่าง ตั้งแต่สามสิบปีก่อน ลำบากทุกอย่าง เพียงแค่เดินเข้ามาป่าช้าก็ขาถลอกปอกเปิก เพราะว่ามีแต่ป่าเพ็ก ป่าหนาม ป่าหญ้าคา ทั้งเผาทั้งฟันกันเกลื่อนเต็มไปหมด แม้แต่ที่ศาลาที่เรานั่งนี่ขุดลงไปตรงไหนก็เจอตั้งแต่ไหกระดูก เยอะ ที่พักที่อาศัยนี่ก็อยู่ตามร่มไม้อยู่ตามชายคา ลำบากกว่านี้เป็นหลายๆ เท่า ทุกวันนี้ไม่ถึงกับลำบากเท่าไร เราอยู่อย่างไรเราก็พยายามอยู่ให้ใจมีความสุข คับที่คับอกคับใจก็แก้ไข ยิ่งอยู่ตามร่มไม้ตามโคนไม้ยิ่งมีความสุข ที่สวนมะลิวัลย์ก็พากันกำลังให้ร่มให้เงา เอากลดเอาเต็นท์ไปกางตามร่มไม้ชายคา ฝนฟ้าไม่ตก มีความสุข ไปสำรวจกายสำรวจใจของเรา
มีอะไรก็ช่วยกันทำให้เกิดประโยชน์ เรามาสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ เพื่อขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ที่นั้นที่นี้เขาก็ค่อยจะสะอาดบริสุทธิ์ การมาวัดก็เพื่อที่จะมาศึกษาเรื่องใจของเรา ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ตรงไหนเป็นแหล่งบุญเหล่ามนุษย์ทั้งหลายเหล่าเทวดาทั้งหลายย่อมจะหลั่งไหลมา มีศรัทธาเข้ามาในวัด แต่ให้เป็นศรัทธาที่เกิดจากการเจริญภาวนารู้แจ้งเห็นจริงด้วย ถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่ว่าศรัทธาแบบใครว่าอย่างไรก็ไหลไปตามกิเลสคนโน้นคนนี้ กิเลสตัวเองก็ไม่รู้จักละ กิเลสคนโน้นคนนี้ก็วิ่งตามกิเลส ไม่จบไม่สิ้น ต้องเป็นศรัทธาที่มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ และปฏิบัติตามให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบหลงงมงาย
การเจริญสติ คำว่าปัจจุบันธรรมให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดปรุงแต่งเป็นกุศล หรือว่าอกุศล ความคิดหรือว่าขันธ์ห้าผุดขึ้นมาใจหลงเข้าไปรวมได้อย่างไร สังเกตไม่ทันเราก็รู้จักหยุดรู้จักดับเอาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ทำ ความคิดนั้นมีมาตั้งนาน ความเกิดนั้นมีมาตั้งนาน จนเกิดมาสร้างกายเนื้อปิดกั้นตัวเราเอาไว้ แล้วก็เกิดต่อหลงต่อไม่จบไม่สิ้น เราก็พยายามมาควบคุมหัดสังเกตวิเคราะห์จนใจของเราคลายความหลงในขันธ์ห้า นั่นแหละสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกถึงจะเปิดทางให้ ถ้าเรายังแยกแยะขันธ์ห้าไม่ได้ ก็อยู่ในกองบุญกองกุศล แต่ขาดปัญญาที่จะเดินขึ้นสู่ที่สูง คือทำใจให้บริสุทธิ์จากขันธ์ห้าจากการละกิเลส
กิเลสก็มีกันทุกคนนั่นแหละ เราต้องละกิเลสตัวเรา ดับความเกิด แยกแยะอะไรที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ในกายของเราเป็นอย่างไร ความอยากเป็นอย่างไร กิเลสละเอียด ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ เหตุจากภายนอกทำให้เกิดหรือเกิดจากภายใน เราก็ต้องดู อย่าปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ถ้าคนใดเห็นแล้ว แยกแยะได้แล้วจะมีความสุข กิเลสตัวไหนมาหลอกเรา เราพลั้งเผลอให้กิเลสได้อย่างไร เริ่มใหม่ทำหน้าที่ของเราให้จบ นอกนั้นก็เป็นสมมติเข้ามาหาเรา เราก็พยายามยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข
ยิ่งบวชเป็นพระเป็นชี อยู่กันคนละทิศละที่ มาอยู่รวมกัน ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน เราพยายามละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่มัวเล่นคุยกันสนุกสนาน เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย สติคอยอบรมใจไปด้วย มีความสุขออก ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กายวิเวกอย่างนี้ ใจวิเวกจากขันธ์ห้า ใจวิเวกจากกิเลส ใจไม่มีกิเลส แต่ส่วนมากแม้แต่ตัวใจก็ยังปิดกั้นตัวเองเอาไว้ เข้ามาวัดแทนที่จะได้ประโยชน์ มีตั้งแต่เพ่งโทษคนโน้นเพ่งโทษคนนี้ เข้ามาวัดก็เพ่งโทษท่านเจ้าคุณเป็นอย่างนั้นท่านเจ้าคุณเป็นอย่างนี้ ไม่เห็นพาเดินไม่เห็นพานั่ง
เป็นเรื่องของเราที่จะต้องทำความเข้าใจทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไร แยกรูป รส กลิ่น เสียงออกจากใจของเราได้แล้วหรือยัง เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามยังสมมติของเราไม่ให้ลำบาก ไม่ว่าอยู่ที่บ้าน ที่ไร่ที่นา ที่ทำการทำงาน สมมติเราขาดตกบกพร่องอะไร เพราะว่ากายของเรายังอาศัยสมมติอยู่ ใจมาอาศัยกาย ใจมาสร้างกายแล้วก็มาอาศัยกาย กายก็ยังอาศัยสมมติ อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม เราต้องจำแนกแจกแจงให้ชัดเจนทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ทำ กิเลสไม่รู้จักละ มันจะได้ของบริสุทธิ์ได้อย่างไร สติก็ไม่รู้จักเจริญ ไม่รู้จักเอาไปใช้ จับชายจีวรของพระพุทธองค์อยู่ มันก็ไม่รู้จักอะไร
ถ้าเราเข้าใจแล้วอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ทำความเข้าใจกับภาษาโลก คนที่จะบรรลุถึงเป้าหมายต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร มีศรัทธา มีความเพียร มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ดำเนินชีวิตของเราให้จบ ไม่ต้องผัดวันประกันพรุ่ง จบทางด้านจิตใจ คือใจไม่เกิด ใจไม่มีกิเลส ทางสมมติเราก็ดูแลกันไป ตายเมื่อไรนั่นแหละใจถึงจะได้พลัดพรากจากกาย
แต่ตอนนี้เราวางด้วยปัญญา รู้ด้วยปัญญา สนุกสร้างคุณงามความดี ไม่ว่าใกล้ว่าไกล เห็นคนอื่นทำ ทำมากทำน้อย ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็จะได้อานิสงส์แห่งบุญ น้อมใจให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ตราบใดที่ใจยังไม่หลุดพ้น ถึงใจหลุดพ้นก็สร้างคุณงามความดี ยังประโยชน์ให้กับสมมติ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งชี
ชีเราก็ช่วยกัน มีอะไรก็ช่วยกัน ดูแลทำความสะอาด คนทั่วไปนี่รักสะอาดแต่ชอบสกปรก ทิ้งมันเกลื่อน เห็นแก่ตัว ก็ต้องพยายาม ความสะอาดจากภายนอกก็ส่งถึงภายใน รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ใช้ให้เกิดประโยชน์ อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของธรรมชาติ ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา
ญาติโยมก็เริ่มเข้ามาเยอะ พระเราก็เยอะ ชีเราก็เยอะ ให้เยอะด้วยคุณภาพอย่าเยอะด้วยปริมาณ ให้มีคุณภาพขัดเกลากิเลสของตัวเรา ไม่ใช่เข้ามาแล้วมีตั้งแต่ความโลภ ความโลภความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เราจงมาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง สร้างความขยันหมั่นเพียรสร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น มายังภาษาธรรมภาษาโลกให้กระจ่าง กายของเรานี้เป็นก้อนโลก ถ้าใจของเราคลายจากขันธ์ห้ากายของเราก็จะเป็นก้อนธรรม ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ก็เป็นโลก ใจก็เป็นโลก กายก็เป็นโลก เป็นรังแห่งทุกข์ เราก็พยายามมาศึกษาให้เข้าใจให้ละเอียด
ตั้งใจรับพรกัน