หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 93 วันที่ 31 ธันวาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 93 วันที่ 31 ธันวาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 93 วันที่ 31 ธันวาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 93
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 31 ธันวาคม 2561

มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันสิ้นปี วันที่ 31 ธันวา ใช่หรือเปล่าท่านเจ้าคุณ วันสิ้นปี วันนี้ช่วงเย็นก็จะได้มีการสวดมนต์ข้ามปี นี่ก็ขอเชิญพี่น้องเราบอกกล่าวญาติโยมท่านใดอยากจะมาสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลนี่ก็มา มาได้ที่ลานหลวงปู่ปางลีลา ญาติโยมท่านใดปรารถนาที่อยากจะตั้งโรงทานก็มา มาตั้งโรงทานข้าวต้มร้อนๆ ของหวานของคาว เพื่อที่จะดูแลพี่น้องที่จะมาสวดมนต์ข้ามปีนี่ก็มาได้เลยตลอดเวลา

วันนี้พระเราชีเราไปช่วยกันทำความสะอาดรอบวิหารคดปางลีลาหน่อยนะ ปัดกวาดทำความสะอาดดีๆ แล้วก็พระเราก็ช่วยกันไปยกเอาโต๊ะ โต๊ะพับที่โรงประปาไปตั้งเอาไว้ที่หลวงปู่ปางลีลาเพื่อที่จะได้วางกับข้าวกับปลา เดินไฟให้เรียบร้อยจะได้ไม่ได้ลําบากตอนเย็น ให้เราเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ เป็นผู้ยังประโยชน์ให้กับส่วนรวม เราก็พลอยได้อานิสงส์ตรงนั้นด้วย คนอื่นมาเราก็ได้อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำด้วย อย่าไปมองข้าม

ท่านถึงบอกว่าให้เก็บสะสมบุญตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ อย่าไปมองข้ามว่าเป็นเรื่องเล็ก ก็กิเลสตัวเล็กๆ น้อยๆ นั่นแหละ เราก็พยายามดับพยายามละ เราละตัวเล็กตัวน้อยได้ตัวใหญ่มันไม่เกิดหรอก เราเอาตั้งแต่เริ่มเกิดเริ่มก่อตัวโน่น จัดการกับกิเลสตัวใหญ่มันก็เกิดไม่ได้

เราก็มาเจริญสติเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเดินปัญญาการแยกรูปแยกนาม สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นถูกในหลักธรรมเป็นอย่างนี้ เห็นถูกในทางโลกเป็นอย่างนี้ เห็นถูกในหลักธรรมคือเราต้องคลายใจออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามนั่นแหละท่านถึงเรียกว่า เห็นถูก สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกในข้อแรก แล้วก็ทำความเข้าใจว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน จนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

แนวทางนั้นมีมานาน พวกเราก็พยายาม ศรัทธานั้นมีกันเต็มเปี่ยมทุกคน แต่ขอให้เป็นศรัทธาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ให้รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทางกันได้ จะเอาตั้งแต่ศรัทธาแบบเอาแค่เปลือกแค่กระพี้ ให้เราทำความเข้าใจให้ถึงแก่น แก่นแท้ของมนุษย์นั้นมีอะไรบ้าง ในกายของเรานี้มีอะไรบ้าง ที่ท่านว่าธาตุสี่ขันธ์ห้ามีวิญญาณ คําว่า วิญญาณ หรือว่าตัวใจของเรานั่นแหละ อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ถ้าเรามาวิเคราะห์ให้ต่อเนื่องกันจริงๆ แล้ว สักวันหนึ่งเราก็คงจะรู้ความจริง สักวันหนึ่งเราคงจะเห็น อย่าพากันปล่อยปละละเลย

ส่วนการทำบุญให้ทานตรงนี้มีการเป็นพื้นฐาน ความเสียสละ การฝักใฝ่ การสนใจ แต่ต้องให้ถึงจุดหมายถึงจะรู้ความจริง ใจของเราคลายออกเมื่อไร หงายขึ้นมาเมื่อไร แยกรูปแยกนามได้เมื่อไร เราก็จะเข้าใจคําว่า อัตตา อนัตตา ในหลักธรรม เข้าใจคําว่า สมมติ วิมุตติ เข้าถึงความจริงอันประเสริฐสี่ เห็นความเกิดความดับ เห็นความเกิดความดับ รู้เรื่องหลักของอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐซึ่งมีประจําโลก ซึ่งพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบและเอามาเปิดเผยจําแนกแจกแจง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนาม การชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล

เหตุผลในหลักธรรม เป็นเหตุผลที่ต้องเกิดจากรู้ด้วยการเจริญภาวนา เห็นลักษณะหน้าตาอาการที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มีอยู่ในกายของเราหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้ถึงที่ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ การทำบุญให้ทาน พวกเรามีโอกาสได้ทำไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของพวกเรา อย่าว่าไม่ทำ ยิ่งห่างไกลเท่าไร ยิ่งไม่ทำเท่าไร ยิ่งห่างไกล ยิ่งไม่มีเท่าไรเรายิ่งพยายามขวนขวาย พยายามสร้าง พยายามทำให้มี เราพยายามเข้าให้ถึงให้ได้ขณะที่ยังมีกําลังกายอยู่

คนเรานี่หลงมานะถึงเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์แล้วก็มายึดมาติดตรงนี้ ถ้ากายเนื้อแตกดับ ใจของเราก็ไปตามวิบากของกรรม แต่เราต้องมาทำความเข้าใจเสียก่อน กรรมเก่ากรรมใหม่ ให้ใจของเราอยู่เหนือกรรม อยู่เหนือบุญเหนือบาป บริหารกายบริหารใจด้วยสติด้วยปัญญาของเรา เตรียมพร้อมที่จะอยู่เตรียมพร้อมที่จะไป เป็นผู้ตื่นตลอดเวลา ไม่ได้ไปเสียดายอาลัยอาวรณ์กับอะไร ทุกคนเกิดมาเท่าไรก็ไปหมด ไม่ไปช้าก็ไปเร็ว เพราะว่าความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา มารับเอาโลงศพที่หลวงพ่ออนุเคราะห์ให้อยู่นี้ ก็วันละ 3 โลง 4 โลง บางวันเช้าเดียวก็ 5 โลง เดือนหนึ่งก็ตกประมาณ 24 25 28 อยู่ในราวนี้

นี่แหละความตาย แม้แต่หลวงพ่อเองก็หลีกหนีไม่พ้นความตายตรงนี้ เพราะว่าสภาพร่างกายก็ลําบากมานานเหมือนกัน เป็นก้อนทุกข์ เดี๋ยวก็เป็นนู่นเดี๋ยวก็เป็นนี่ สารพัดอย่าง ความตายก็มาเยี่ยมเยือนอยู่ตลอดเวลา แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปเสียดายอาลัยอาวรณ์ไปกังวลกับสิ่งพวกนี้ ก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เตรียมพร้อมที่จะอยู่เตรียมพร้อมที่จะไป ไม่ได้ไปยึดติด มีเวลาถ้าไม่ได้ไปก็สร้างประโยชน์ให้กับสมมติให้กับทุกคนเท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวยให้

วัน สองวันก่อนที่ผ่านมานั้นก็เกือบไปเหมือนกัน เบาหวานเล่นงานเอาหนักเหมือนกัน ไม่ใช่เล่นงานนะ เบาหวานลด ลดเยอะ ลดเยอะลงเหลืออยู่ 70 60 กว่า 70 กว่า ร่างสภาพร่างกายนี้ก็อ่อนแรงทันทีเลย ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง เหงื่อออกเต็มตัว เหงื่อออกเต็มตัวแล้วก็ร่างกายนี่เย็นลงทันทีเลย เย็นลงทันที ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง แม้แต่จะเดินจะยกแขนยกขา ก็ได้ดูตั้งแต่ใจเอาตั้งแต่ใจนี่ ไม่ให้ไปเกาะเกี่ยวเอาอะไร เตรียมพร้อมที่จะไป ถึงเวลาไปก็ได้ไป ไม่ถึงเวลาไปก็ไม่ได้ไป มันเล่นงานเอา ก็พักผ่อนให้ พักผ่อนให้กายสักพักสักระยะหนึ่งเขาก็ฟื้นขึ้นมา นี่แหละร่างกายของคนเรานี่เป็นก้อนทุกข์

ไม่ว่าใครเกิดมาเท่าไรก็ตายหมดถ้าถึงเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาเรารีบตักตวง รีบสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็เดินปัญญาทำความเข้าใจไม่ให้ใจไปเกาะเกี่ยว ไม่ให้ใจเป็นทาสของกิเลส ให้ใจของเราเป็นเอกเป็นหนึ่ง ให้อยู่ในความบริสุทธิ์ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน

มีโอกาสก็ขอชักชวนเชิญชวนพี่น้องเราไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ใกล้อยู่ไกล โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด ก็ให้ช่วยกันทำ ให้สร้างคุณงามความดีฝากเอาไว้ในใจของพวกเรานั่นแหละ ไม่ใช่ของใครหรอก ก็เราทำเราก็ได้ คนอื่นทำก็เป็นส่วนของคนอื่น ถ้าเห็นคนอื่นทำ ถ้าเรามีใจพลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็มีส่วนแห่งบุญ อย่าไปอิจฉาริษยา อย่าไปอคติ อย่าไปเพ่งโทษ มันเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมใส่ตัวเรา คนทั่วไปส่วนมากมีตั้งแต่เรื่องภายนอก ไม่เคยสนใจเรื่องภายในให้ถึงจุดหมายกันสักที เรื่องภายในคือจิตใจของเรานั่นแหละ ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้หลุดพ้น

ความเกิดของใจเป็นอย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส ทำไมใจถึงเข้าไปหลงเข้าไปยึด เราไม่อยากจะหลงเราไม่อยากจะยึด แต่จิตใจของเราเข้าไปหลงเข้าไปยึดโดยไม่รู้ตัว นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ ก็จะเข้าถึงการเจริญสติ คําว่ารู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร ปัจจุบันธรรมคือทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออก ทุกขณะจิต ท่านถึงเรียกว่า ปัจจุบันธรรม ทำอย่างไรเราถึงจะยังปัจจุบันธรรมให้ตลอด เราก็ต้องเจริญสติให้ต่อเนื่องจนกําลังสติของเรารู้ทัน ทันการเกิดของใจการเกิดของขันธ์ห้า จนใจแยกคลายออกจากขันธ์ห้า กําลังสติของเราจะพุ่งแรง ตามดูตามรู้ตามเห็นจนเป็นมหาสติ จนเป็นมหาสติ จนเป็นมหาปัญญา

ทำความเข้าใจว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน จนกําลังสติของเราค้นคว้าในสิ่งที่สงสัย จนอะไรมาหยุดยับยั้งไว้ไม่ได้นั่นแหละเขาจะค้นคว้าจนหมดทุกอย่าง จนไม่มีอะไรที่จะให้เหลือค้นคว้าเขาถึงหยุด เหลือตั้งแต่ปัญญา เขาเรียกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน คือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละเขาเรียกว่า ตน ตนตัวที่สองก็คือ ตัวใจ เข้าไปอบรมใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ทุกคนก็มีจิตใจที่บริสุทธิ์อยู่เดิม ความไม่เข้าใจ ความทะเยอทะยานอยาก ความหลง ความยึด ความติด สารพัดอย่าง เขาสร้างมานาน เราก็ต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาสร้างตบะบารมี

ใจเกิดความอยาก เราก็ละความอยากด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ด้วยการคลาย ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม ดูใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในพรหมวิหาร ให้อยู่ในความเมตตา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ชนะตัวเราแล้วก็ชนะหมด ไม่ต้องไปคิดว่าคนอื่นจะมาชนะเรา เราชนะเราแล้วเราก็ชนะหมดทุกอย่าง มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามกัน

วันนี้ไม่ถึง วันพรุ่งนี้ก็ต้องถึง ไม่ถึงวันนี้ เดือนนี้เดือนหน้ามันก็ต้องถึง ก็ต้องถึง ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ยังดำเนินอยู่ วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี อย่าพากันประมาท อย่างน้อยๆ ก็ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ก็ยังดี ดีกว่าไปสู่สถานที่ลําบาก ให้รีบทำขณะที่เรายังมีลมหายใจ ขณะหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป เราพยายามเตรียมตัวของเราให้พร้อมขณะที่เรายังมีกําลังอยู่ ละอกุศล เจริญกุศล

ในหลักธรรมแล้วก็ให้เจริญกุศล ไม่ให้หลงไม่ให้ยึด ให้อยู่เหนือ เหนือบุญ เหนือบาป เหนือกรรม บริหารใจของเราด้วยปัญญาล้วนๆ เราก็สนุกสร้างบุญสร้างประโยชน์ได้มากมาย ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า เราจงเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมตลอดเวลา จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสได้ศึกษาได้ทำความเข้าใจ เปลี่ยนปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม อยู่กับธรรมอยู่กับบุญ ทำกายให้เป็นบุญ ทำวาจาให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ

คนทั่วไปแล้วแต่ละวัน แต่ละเวลา แต่ละนาที มีความคิดก็ควบคุมไม่ได้ วาจาก็ควบคุมไม่ได้ มันก็เลยดูแลใจยิ่งยากเข้าไปอีก อาจจะได้เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว แต่ในหลักธรรมแล้วเราต้องชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ว่าอะไรควรพูด อะไรควรคิด อะไรควรทำ อะไรควรดำเนิน เราพูดจาเวลานี้เกิดประโยชน์หรือไม่ เราทำให้คนอื่นเสียหาย หรือเราเสียหายหรือไม่ เวลาไหนควรพูด หรือไม่ควรพูด ต่อไปข้างหน้าเวลาไหนควรคิด หรือไม่ควรคิด

ในหลักธรรมไล่ลงไปอีก จิตใจนั้นไม่ให้คิดเลยไม่ให้เกิดเลย ให้เกิดตั้งแต่ส่วนปัญญา แม้แต่ส่วนปัญญานั้นถ้าเป็นอกุศลก็ไม่ให้เกิดอีก ให้เกิดเฉพาะส่วนของกุศลแต่ไม่ให้ยึดอีก ไม่ให้ใจเข้าไปยึดอีก การฝึกหัดปฏิบัติใจนี้เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากทีเดียว ถ้าพวกเราไม่สนใจกันจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ ยังดียังฝักใฝ่สนใจในการทำบุญในการให้ทาน ยังพากันสร้างบุญสร้างบารมีตรงนี้ ถึงเวลาเดี๋ยวก็เต็ม

พากันตั้งใจรับพรกัน ขอให้ทุกคนจงไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง