หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 91 วันที่ 27 ธันวาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 91 วันที่ 27 ธันวาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 91
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 ธันวาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอด ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากําลังเจริญสติอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย
เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสความรู้สึกรับรู้ที่ลมกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละท่านเรียกว่า สติ ความรู้ตัว เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ กายของเราก็รู้สึกว่าจะผ่อนคลายขึ้นได้เยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน
ถ้าเราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราถึงจะรู้ว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน แต่ก่อนเราไม่ค่อยจะมีเลย เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละจนต่อเนื่องจนเข้มแข็ง จนรู้เท่ารู้ทันรู้การเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะของความคิด จนใจคลายออก ถ้าเรารู้ทันการเกิดการดับของขันธ์ห้า ใจเคลื่อนเข้าไปรวมใจ เขาก็จะแยกออก ดีดออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ใจก็จะว่างกายก็จะเบา เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ คําว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้
ตามดูรู้การเกิดการดับ เราก็จะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา เราอย่ารู้ตั้งแต่ชื่อ เราจงพยายามรู้ลักษณะหน้าตาอาการ การเกิดการดับ รู้ลักษณะหน้าตาอาการของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ทุกเรื่องเลยในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงหมดลมหายใจโน่นแหละเราถึงจะได้หยุดเรื่องการเจริญภาวนา
การเจริญภาวนาก็เพื่อที่จะเอาสติไปใช้ เมื่อสติของเราเข้มแข็ง เรารู้เท่ารู้ทัน รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุดรู้จักดับรู้จักควบคุม จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนาม กําลังสติของเราก็จะตามดูเห็นความเกิดความดับทุกเรื่อง กําลังสติก็จะพุ่งแรง ก็จะกลายเป็นมหาสติ ตามค้นคว้าให้จนหมด ในสิ่งที่ค้นคว้ากําลังสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในใจ รอบรู้ในดวงวิญญาณของเรา รู้จักบริหารกายบริหารใจ มองโลกให้ถูกต้อง โลกภายใน โลกภายนอก โลกความเป็นจริง ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
พยายามทำความเข้าใจให้ได้จนเป็นอัตโนมัติ ในการดูในการรู้ ใจของทุก ใจของคนเรานี่หลงมาตั้งแต่ยังไม่เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อเขามาเกิดอยู่ในภพมนุษย์เขาก็มาหลงอยู่ในกายก้อนนี้อีก แล้วก็หลงเกิดต่ออีก ทั้งที่มีกายนี้อีก หลายสลับซับซ้อน ถ้าเราไม่มีความเพียรที่ต่อเนื่อง เดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ก็ยากที่จะเข้าใจ ที่ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติอย่างนี้ทำอย่างนี้ ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วแยกแยะได้แล้วท่านถึงบอกให้เชื่อ เพราะว่าสัจธรรมมีอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่ทำการทำงาน ที่ไร่ที่นา หรือว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่กลางโรงหนัง กลางตลาด เราก็ดู รู้ใจของเราได้ เรารีบตักตวงสร้างใจของเราให้เป็นบุญ ทำกายของเราให้เป็นบุญ ทำวาจาของเราให้เป็นบุญ คอยสร้างสะสมไปเรื่อยๆ อย่าไปมองข้ามแม้แต่บุญเพียงเล็กๆ น้อยๆ ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็มีส่วนแห่งบุญ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
ไหว้พร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 ธันวาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอด ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากําลังเจริญสติอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย
เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสความรู้สึกรับรู้ที่ลมกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละท่านเรียกว่า สติ ความรู้ตัว เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ กายของเราก็รู้สึกว่าจะผ่อนคลายขึ้นได้เยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน
ถ้าเราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราถึงจะรู้ว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน แต่ก่อนเราไม่ค่อยจะมีเลย เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละจนต่อเนื่องจนเข้มแข็ง จนรู้เท่ารู้ทันรู้การเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะของความคิด จนใจคลายออก ถ้าเรารู้ทันการเกิดการดับของขันธ์ห้า ใจเคลื่อนเข้าไปรวมใจ เขาก็จะแยกออก ดีดออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ใจก็จะว่างกายก็จะเบา เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ คําว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้ อนัตตาเป็นลักษณะอย่างนี้
ตามดูรู้การเกิดการดับ เราก็จะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา เราอย่ารู้ตั้งแต่ชื่อ เราจงพยายามรู้ลักษณะหน้าตาอาการ การเกิดการดับ รู้ลักษณะหน้าตาอาการของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ทุกเรื่องเลยในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงหมดลมหายใจโน่นแหละเราถึงจะได้หยุดเรื่องการเจริญภาวนา
การเจริญภาวนาก็เพื่อที่จะเอาสติไปใช้ เมื่อสติของเราเข้มแข็ง เรารู้เท่ารู้ทัน รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุดรู้จักดับรู้จักควบคุม จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนาม กําลังสติของเราก็จะตามดูเห็นความเกิดความดับทุกเรื่อง กําลังสติก็จะพุ่งแรง ก็จะกลายเป็นมหาสติ ตามค้นคว้าให้จนหมด ในสิ่งที่ค้นคว้ากําลังสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในใจ รอบรู้ในดวงวิญญาณของเรา รู้จักบริหารกายบริหารใจ มองโลกให้ถูกต้อง โลกภายใน โลกภายนอก โลกความเป็นจริง ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
พยายามทำความเข้าใจให้ได้จนเป็นอัตโนมัติ ในการดูในการรู้ ใจของทุก ใจของคนเรานี่หลงมาตั้งแต่ยังไม่เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อเขามาเกิดอยู่ในภพมนุษย์เขาก็มาหลงอยู่ในกายก้อนนี้อีก แล้วก็หลงเกิดต่ออีก ทั้งที่มีกายนี้อีก หลายสลับซับซ้อน ถ้าเราไม่มีความเพียรที่ต่อเนื่อง เดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ก็ยากที่จะเข้าใจ ที่ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติอย่างนี้ทำอย่างนี้ ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วแยกแยะได้แล้วท่านถึงบอกให้เชื่อ เพราะว่าสัจธรรมมีอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่ทำการทำงาน ที่ไร่ที่นา หรือว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่กลางโรงหนัง กลางตลาด เราก็ดู รู้ใจของเราได้ เรารีบตักตวงสร้างใจของเราให้เป็นบุญ ทำกายของเราให้เป็นบุญ ทำวาจาของเราให้เป็นบุญ คอยสร้างสะสมไปเรื่อยๆ อย่าไปมองข้ามแม้แต่บุญเพียงเล็กๆ น้อยๆ ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วยเราก็มีส่วนแห่งบุญ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
ไหว้พร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ