หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 84 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 84 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 84
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่องตามความเป็นจริง เราต้องพยายามรู้กายรู้ใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ การเจริญสติเอาสติปัญญาไปใช้ ไปอบรมใจของเรา อบรมใจอบรมกายของเราให้ถูกต้อง
การเกิดของใจ ลักษณะของใจ ใจที่ว่างจากการเกิด หรือว่าความคิดของเรานั่นแหละ ใจที่ว่างจากขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด เขามีอยู่แล้ว บางคนบางท่านก็อาจจะควบคุมได้เป็นบางครั้งบางคราว แต่การเดินปัญญาสังเกตวิเคราะห์ใจต้องคลายออกจากขันธ์ห้าให้ได้ หรือว่าแยกรูปแยกนามทำความเข้าใจ เห็น เข้าถึงความเกิดความดับ ใจว่างรับรู้อยู่ ถึงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง การขัดเกลากิเลส เราก็ต้องพยายาม
กิเลสสมมติ กิเลสวิมุตติ กิเลสสมมติก็คือโลกธรรมต่างๆ หรือว่าทั้งกายของเรานั่นแหละ การเกิดของใจของเรานั่นแหละ เพียงแค่สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ว่าอะไรเป็นกุศลหรืออกุศล อะไรเป็นโลกวัชชะ หรือไม่โลกวัชชะ โลกเขาติเตียน อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เราก็ต้องพยายามแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขตัวเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้นอกจากตัวของเรา อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราแล้วไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม หนักตัวเองแล้วก็หนักคนอื่น ผิดพลาดก็แก้ไขใหม่
ลึกลงไปก็ควบคุมทั้งใจ รู้จักแก้ไขจุดเกิด เหตุเกิดตรงไหนแก้ไขตรงนั้น ให้เราหาสาเหตุ สาเหตุก็ไม่มาจากใครหรอกก็จากตัวของเราเอง จากกายจากใจของเราเอง เราก็รู้จักแก้ไข อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้การควบคุมใจอยู่ในระดับหนึ่ง การอดทนอดกลั้น สร้างตบะสร้างบารมี ความเสียสละความอดทน ความเป็นระเบียบ ความมีจิตใจที่มุ่งมั่น มีสัจจะกับตัวเอง แก้ไขตัวเรา
พระพุทธองค์ท่านก็ได้ค้นพบ เอามาจําแนกแจกแจงแล้วก็ชี้แนะแนวทางให้ ท่านก็บอกเอาไว้ว่า ถ้าเราไม่ประพฤติ ไม่ปฏิบัติ ไม่ดำเนินด้วยตัวเองก็ย่อมเข้าไม่ถึง ท่านเป็นเพียงแค่ผู้ชี้ผู้แนะผู้บอก ธรรมะมีอยู่ประจำโลก ถึงพระพุทธเจ้าไม่เกิดธรรมะก็มีอยู่ประจำโลก แต่ท่านเป็นองค์ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยมาจําแนกแจกแจง ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามแนวทางของท่าน ด้วยการเจริญสติ ด้วยการทำความเข้าใจ รู้จักการสร้างสติ ลักษณะของสติ คําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา
แล้วก็บารมีส่วนอื่นต้องเพียบพร้อม ตั้งแต่ทาน ความเสียสละ จาคะกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีอยู่ในใจของเราหมด ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ไปอยู่ที่ไหนเราก็แบกตั้งแต่กองทุกข์ ไม่รู้จักแก้ไข แล้วก็มีตั้งแต่กองทุกข์ทับถมตัวใจของเรา เราก็ต้องพยายาม ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มลุกแก้ไขใหม่ แก้ไขตัวเราไม่ได้ มันก็เรานั่นแหละเป็นผู้รับทุกข์ ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน อะไรที่จะนําความทุกข์ นําความเสื่อมเสียมาให้ เราก็พยายามห่างไกล พยายามแก้ไข
ทุกอย่างเหตุเกิดที่ตัวของเราหมด เกิดที่ใจของเราหมด ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปแก้ไขที่ใจ แล้วก็พัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ นี่จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หรือว่าสร้างตบะบารมี ความขยันหมั่นเพียร ความอดทนอดกลั้น สัจจะกับตัวเรา ความรับผิดชอบความเสียสละ เสียสละให้ตัวเรา เสียสละต่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องวิเคราะห์พิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปปิดกั้นตัวเราว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีวาสนากันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินอยู่ในระดับไหนเท่านั้นเอง เพียงแค่โลกธรรมแปดเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี แก้ไขตัวเราให้ดี ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่องตามความเป็นจริง เราต้องพยายามรู้กายรู้ใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ การเจริญสติเอาสติปัญญาไปใช้ ไปอบรมใจของเรา อบรมใจอบรมกายของเราให้ถูกต้อง
การเกิดของใจ ลักษณะของใจ ใจที่ว่างจากการเกิด หรือว่าความคิดของเรานั่นแหละ ใจที่ว่างจากขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด เขามีอยู่แล้ว บางคนบางท่านก็อาจจะควบคุมได้เป็นบางครั้งบางคราว แต่การเดินปัญญาสังเกตวิเคราะห์ใจต้องคลายออกจากขันธ์ห้าให้ได้ หรือว่าแยกรูปแยกนามทำความเข้าใจ เห็น เข้าถึงความเกิดความดับ ใจว่างรับรู้อยู่ ถึงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง การขัดเกลากิเลส เราก็ต้องพยายาม
กิเลสสมมติ กิเลสวิมุตติ กิเลสสมมติก็คือโลกธรรมต่างๆ หรือว่าทั้งกายของเรานั่นแหละ การเกิดของใจของเรานั่นแหละ เพียงแค่สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ว่าอะไรเป็นกุศลหรืออกุศล อะไรเป็นโลกวัชชะ หรือไม่โลกวัชชะ โลกเขาติเตียน อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เราก็ต้องพยายามแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขตัวเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้นอกจากตัวของเรา อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราแล้วไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม หนักตัวเองแล้วก็หนักคนอื่น ผิดพลาดก็แก้ไขใหม่
ลึกลงไปก็ควบคุมทั้งใจ รู้จักแก้ไขจุดเกิด เหตุเกิดตรงไหนแก้ไขตรงนั้น ให้เราหาสาเหตุ สาเหตุก็ไม่มาจากใครหรอกก็จากตัวของเราเอง จากกายจากใจของเราเอง เราก็รู้จักแก้ไข อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้การควบคุมใจอยู่ในระดับหนึ่ง การอดทนอดกลั้น สร้างตบะสร้างบารมี ความเสียสละความอดทน ความเป็นระเบียบ ความมีจิตใจที่มุ่งมั่น มีสัจจะกับตัวเอง แก้ไขตัวเรา
พระพุทธองค์ท่านก็ได้ค้นพบ เอามาจําแนกแจกแจงแล้วก็ชี้แนะแนวทางให้ ท่านก็บอกเอาไว้ว่า ถ้าเราไม่ประพฤติ ไม่ปฏิบัติ ไม่ดำเนินด้วยตัวเองก็ย่อมเข้าไม่ถึง ท่านเป็นเพียงแค่ผู้ชี้ผู้แนะผู้บอก ธรรมะมีอยู่ประจำโลก ถึงพระพุทธเจ้าไม่เกิดธรรมะก็มีอยู่ประจำโลก แต่ท่านเป็นองค์ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยมาจําแนกแจกแจง ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามแนวทางของท่าน ด้วยการเจริญสติ ด้วยการทำความเข้าใจ รู้จักการสร้างสติ ลักษณะของสติ คําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา
แล้วก็บารมีส่วนอื่นต้องเพียบพร้อม ตั้งแต่ทาน ความเสียสละ จาคะกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีอยู่ในใจของเราหมด ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ไปอยู่ที่ไหนเราก็แบกตั้งแต่กองทุกข์ ไม่รู้จักแก้ไข แล้วก็มีตั้งแต่กองทุกข์ทับถมตัวใจของเรา เราก็ต้องพยายาม ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มลุกแก้ไขใหม่ แก้ไขตัวเราไม่ได้ มันก็เรานั่นแหละเป็นผู้รับทุกข์ ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน อะไรที่จะนําความทุกข์ นําความเสื่อมเสียมาให้ เราก็พยายามห่างไกล พยายามแก้ไข
ทุกอย่างเหตุเกิดที่ตัวของเราหมด เกิดที่ใจของเราหมด ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปแก้ไขที่ใจ แล้วก็พัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ นี่จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หรือว่าสร้างตบะบารมี ความขยันหมั่นเพียร ความอดทนอดกลั้น สัจจะกับตัวเรา ความรับผิดชอบความเสียสละ เสียสละให้ตัวเรา เสียสละต่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องวิเคราะห์พิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปปิดกั้นตัวเราว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีวาสนากันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินอยู่ในระดับไหนเท่านั้นเอง เพียงแค่โลกธรรมแปดเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี แก้ไขตัวเราให้ดี ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ