หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 71 วันที่ 2 ตุลาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 71 วันที่ 2 ตุลาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 71 วันที่ 2 ตุลาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 71
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 ตุลาคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเอาไว้ วางเอาไว้ หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เราก็พยายามหยุด วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติเราก็วางมาได้ระดับหนึ่ง ทีนี้เราก็มาสร้างความรู้ตัว ฝึกความรู้สึกรับรู้ ขณะลมหายใจเข้าหายใจออกให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าไปบังคับลมหายใจ พยายามฝึกตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ทำให้มีให้เกิด เขาเรียกว่า เจริญสติให้รู้กาย รู้กายของเราให้ได้ ลึกลงไปเราก็จะรู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่เกิดส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่มีกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ อาการของความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด อาการของขันธ์ห้า ถ้าใจคลายได้แยกรูปแยกนามได้ ตามเห็นเราก็จะรู้ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ลักษณะอัตตา อนัตตา สมมติ วิมุตติ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกายของเรา

พระพุทธองค์ท่านก็สอนเรื่องชีวิต สอนเรื่องชีวิตของเรานั่นแหละ ไม่ได้สอนเรื่องไหนเลย สอนเรื่องชีวิตของเราว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร อยู่อย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ท่านให้เจริญสติสร้างผู้รู้ตัวใหม่หรือว่าสร้างสติตัวใหม่ เข้าไปอบรมใจของตัวเรา เข้าไปแก้ไขใจของเรา ธรรมชาติของใจนั้นเขาหลงมานาน เขาเกิดมานาน มีการวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า ขันธ์ห้า มีวิญญาณหรือว่าตัวใจนี่แหละเข้ามาครอบครอง แล้วก็มายึด มายึดติด แล้วก็ยึดสิ่งโน้นบ้างสิ่งนี้บ้างจนมิด มองไม่เห็นใจของตัวเรา เห็นได้แต่อาการ

ท่านจึงให้เจริญสติ แล้วก็สร้างพรหมวิหาร เจริญตบะบารมี ใจเกิดกิเลสก็พยายามขัดเกลากิเลส ใจเกิดความโลภก็พยายามละความโลภ ละความโกรธ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจเกิดความโกรธก็พยายามให้อภัยอโหสิกรรม หลายเรื่อง หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเรานี้มีหมด ทั้งกิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายเกิดขึ้นที่ใจ ใจส่งเสริม หรือว่าเกิดขึ้นที่กาย เหตุจากภายนอกทำให้เกิด หรือเกิดจากภายใน กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ถ้าเราเจริญสติ รู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ท่านถึงบอกให้เชื่อ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธองค์ ท่านก็เน้นลงที่กาย เน้นลงที่ใจ เน้นลงที่เหตุ เหตุเกิดขึ้นที่ตรงไหน ท่านให้ลงที่ตรงนั้น พยายามดูรู้ สภาพสภาวะใจของแต่ละคนนี่ก็ยังลำบากอยู่ เพราะว่าเกิดมานาน เขาหลงเกิด เกิดมานานแล้วก็มายึดมาติด แล้วก็มายังยึดสมมติในสิ่งต่างๆ

เราก็ต้องพยายามทำสมมติของเราให้สมบูรณ์ กายของเราก็จะได้สบายขึ้น ใจของเราก็จะได้ตัดความกังวลขึ้นได้มากมาย อะไรที่จะเป็นผลประโยชน์ อะไรที่จะอยู่ในกองบุญกองกุศล อะไรที่จะเป็นอกุศลเราก็ละ เจริญกุศล เราก็ต้องพยายาม พยายามทำ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีนั่นแหละ ฝึกหัดปฏิบัติเหมือนกันหมด มีกิเลสเหมือนกันหมด จะมีกิเลสมากกิเลสน้อย กิเลสเบาบาง เพราะว่าอาจจะสร้างสะสมมาไม่เหมือนกัน บางคนก็สร้างมามาก บางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็ฝักใฝ่สนใจ บางคนก็ไม่ฝักใฝ่สนใจ เราก็ต้องพยายาม อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง

เรามีโอกาสเข้าถึงจุดหมายปลายทาง คือทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิด การเกิดนั่นแหละคือความทุกข์ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อหลงมาแล้วเราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจคลายความหลง ขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเรา มีไม่มาก ถ้าเรารู้จักวิธีการแนวทาง รู้จักสร้างตบะสร้างบารมี สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง