หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 64 วันที่ 13 กันยายน 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 64 วันที่ 13 กันยายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 64
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 กันยายน 2561
มีความสุขกันทุกคน พระเราชีเรา พิจารณาดูดีๆ นะ พากันพิจารณาปฏิสังขาโย ขณะที่เรากำลังรับอาหาร เราต้องดูต้องรู้ว่ากายของเราหิว ใจของเราเกิดความอยากหรือไม่ ถ้าใจเกิดความอยากก็รู้จักหยุด รู้จักดับ แล้วก็พิจารณา กะประมาณในการขบฉันของตัวเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทุกเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราพยายามพิจารณาใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มีความขยันหมั่นเพียร ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน ละนิวรณ์ ละกิเลสออกจากใจของตัวเราทุกเรื่อง
แล้วก็ยังประโยชน์ทางสมมติให้เต็มเปี่ยม อะไรที่เป็นประโยชน์เราก็ช่วยกันทำ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เราก็พยายามห่างไกล ประโยชน์ในระดับของสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์วิมุตติทางด้านจิตใจ เราก็พยายามทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ด้วยการขจัดกิเลสออกจากใจของเรา
อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ การดำเนินชีวิต การทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนาม การเดินปัญญาละกิเลส การทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร เราต้องหัดพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกว่าจะหมดลมหายใจ
หมดลมหายใจแล้วถ้ายังดับความเกิดไม่ได้ ตัววิญญาณก็ต้องเกิดต่อ ถึงเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในภพภูมิที่ดี ให้ยังประโยชน์ ให้อยู่ในบุญเอาไว้ ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญ
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เราพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ถ้าเรามีแต่ความเกียจคร้านครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ก็หมักหมมสะสมไปเรื่อยๆ เพียงแค่ความขยันก็ทำให้มีให้เกิดขึ้น ขยันพิจารณา ขยันละกิเลส ขยันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะได้ไม่ได้เก้อเขิน ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นคนกล้าหาญอาจหาญ กล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ ให้ละอายในสิ่งที่ควรละอาย ก็จงพยายามทำกัน จะได้เกิดประโยชน์มากมาย
พระเราชีเราก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกัน มาคนละทิศละที่ละทาง ก็ให้รู้จักความเสียสละ ความรักสมัครสมานสามัคคี อย่าไปแตกแยกอคติเพ่งโทษกันว่ากัน กิเลสของเราทั้งนั้นถ้ามี ไม่ใช่กิเลสของคนอื่น ท่านให้ละกิเลส มาอยู่ด้วยกันก็สมมติก็ไม่ได้ลำบาก ก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไร ไม่เหมือนสมัยก่อน มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็ช่วยกัน ยังความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้มีให้เกิดขึ้น ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอนให้ดี
พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้ไม่ได้ลำบาก ยังประโยชน์เอาไว้ให้เป็นกองบุญ จากน้อยๆ จนกว่าจะเต็มรอบหมด พวกเราจากไปรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างสานต่อ ไม่ได้ลำบาก ก็จะกลายเป็นบุญกองใหญ่ ฝากเอาไว้ในโลก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ช่วยกันทำ
ตั้งใจรับพรกัน
--------
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ
วิธีการแนวทางการเจริญสติ หลวงพ่อก็จะพูดทุกวัน ถ้าหลวงพ่อได้ลงมาที่ศาลาหอฉัน ตั้งหลายปี ร่วม 30 ปี หลวงพ่อก็พูดเรื่องเดียว เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องรู้กายรู้ใจ รู้จักแก้ไขตัวเราตามแนวทางของพระพุทธองค์ ถ้าเรารู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้ว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับการละเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อยู่คนเดียวเราก็พยายามแก้ไขเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามแก้ไขเรา อะไรคืออัตตา อะไรคืออนัตตา อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็รีบจัดการ เป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
หลวงพ่อก็พูดของเก่านี่แหละ พูดเรื่องเก่า คำเก่าๆ ถ้าพวกท่านไปทำให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ก็จะไม่มีความสงสัยความลังเล ก็มีตั้งแต่จะละกิเลสออกจากใจของเรา เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ในหลักธรมแล้วมีกันทุกคน จะมีกิเลสมากกิเลสน้อย ตรงนี้มีกันทุกคนเพราะว่าความหลง ใจของคนเรานี่หลงมา ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เพียงแค่ความเกิด ความเกิดเขาได้มาเกิดมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างภพมนุษย์คือร่างกายของเรา
พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติลงไปอีก ลงที่กายของเราให้ต่อเนื่อง แล้วก็เอาไปใช้การใช้งาน วิเคราะห์ วิเคราะห์ใจกับอาการของใจซึ่งเป็นส่วนนามธรรม วิเคราะห์ให้ทันต้นเหตุขณะเขาเกิด ขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้ทันเขาจะแยกจะคลายออกจากกัน ใจก็จะว่างหงายขึ้นมา ปัญญาของเราก็จะตามเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าเป็นเรื่องอะไร ที่ท่านบอกว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกเรื่องจบลงได้อย่างไร เราก็จะเข้าใจในชีวิตของเรา
กิเลสตัวไหนเราละได้เราก็รู้ ตัวไหนมันยังละไม่ได้ยังเกิดอยู่เราก็พยายามละ สร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็ละกิเลสให้หมดจด จนใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ ถ้าเราละกิเลสขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หมด เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ เราไม่อยากจะให้ใจสะอาดมันก็ต้องสะอาด เพราะการละกิเลสของเรามี
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือทำต้องให้ปรากฏขึ้นที่ตัวของเราจริงๆ ทั้งกลางคืนทั้งกลางวัน จนไม่มีอะไรเหลือที่จะเข้าไปละ จนเหลือตั้งแต่สมมติคือ ร่างกายจิตใจ ซึ่งมาอาศัยอยู่ เราก็บริหารด้วยปัญญา อยู่ด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกปัจจุบันประโยชน์ในโลกหน้า เราทำปัจจุบันให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้ตัวในต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 กันยายน 2561
มีความสุขกันทุกคน พระเราชีเรา พิจารณาดูดีๆ นะ พากันพิจารณาปฏิสังขาโย ขณะที่เรากำลังรับอาหาร เราต้องดูต้องรู้ว่ากายของเราหิว ใจของเราเกิดความอยากหรือไม่ ถ้าใจเกิดความอยากก็รู้จักหยุด รู้จักดับ แล้วก็พิจารณา กะประมาณในการขบฉันของตัวเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทุกเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราพยายามพิจารณาใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มีความขยันหมั่นเพียร ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน ละนิวรณ์ ละกิเลสออกจากใจของตัวเราทุกเรื่อง
แล้วก็ยังประโยชน์ทางสมมติให้เต็มเปี่ยม อะไรที่เป็นประโยชน์เราก็ช่วยกันทำ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เราก็พยายามห่างไกล ประโยชน์ในระดับของสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์วิมุตติทางด้านจิตใจ เราก็พยายามทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ด้วยการขจัดกิเลสออกจากใจของเรา
อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ การดำเนินชีวิต การทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนาม การเดินปัญญาละกิเลส การทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร เราต้องหัดพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกว่าจะหมดลมหายใจ
หมดลมหายใจแล้วถ้ายังดับความเกิดไม่ได้ ตัววิญญาณก็ต้องเกิดต่อ ถึงเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในภพภูมิที่ดี ให้ยังประโยชน์ ให้อยู่ในบุญเอาไว้ ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญ
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เราพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ถ้าเรามีแต่ความเกียจคร้านครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ก็หมักหมมสะสมไปเรื่อยๆ เพียงแค่ความขยันก็ทำให้มีให้เกิดขึ้น ขยันพิจารณา ขยันละกิเลส ขยันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะได้ไม่ได้เก้อเขิน ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นคนกล้าหาญอาจหาญ กล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ ให้ละอายในสิ่งที่ควรละอาย ก็จงพยายามทำกัน จะได้เกิดประโยชน์มากมาย
พระเราชีเราก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกัน มาคนละทิศละที่ละทาง ก็ให้รู้จักความเสียสละ ความรักสมัครสมานสามัคคี อย่าไปแตกแยกอคติเพ่งโทษกันว่ากัน กิเลสของเราทั้งนั้นถ้ามี ไม่ใช่กิเลสของคนอื่น ท่านให้ละกิเลส มาอยู่ด้วยกันก็สมมติก็ไม่ได้ลำบาก ก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไร ไม่เหมือนสมัยก่อน มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็ช่วยกัน ยังความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้มีให้เกิดขึ้น ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอนให้ดี
พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้ไม่ได้ลำบาก ยังประโยชน์เอาไว้ให้เป็นกองบุญ จากน้อยๆ จนกว่าจะเต็มรอบหมด พวกเราจากไปรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างสานต่อ ไม่ได้ลำบาก ก็จะกลายเป็นบุญกองใหญ่ ฝากเอาไว้ในโลก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ช่วยกันทำ
ตั้งใจรับพรกัน
--------
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ
วิธีการแนวทางการเจริญสติ หลวงพ่อก็จะพูดทุกวัน ถ้าหลวงพ่อได้ลงมาที่ศาลาหอฉัน ตั้งหลายปี ร่วม 30 ปี หลวงพ่อก็พูดเรื่องเดียว เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องรู้กายรู้ใจ รู้จักแก้ไขตัวเราตามแนวทางของพระพุทธองค์ ถ้าเรารู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้ว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับการละเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อยู่คนเดียวเราก็พยายามแก้ไขเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามแก้ไขเรา อะไรคืออัตตา อะไรคืออนัตตา อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็รีบจัดการ เป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
หลวงพ่อก็พูดของเก่านี่แหละ พูดเรื่องเก่า คำเก่าๆ ถ้าพวกท่านไปทำให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ก็จะไม่มีความสงสัยความลังเล ก็มีตั้งแต่จะละกิเลสออกจากใจของเรา เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ในหลักธรมแล้วมีกันทุกคน จะมีกิเลสมากกิเลสน้อย ตรงนี้มีกันทุกคนเพราะว่าความหลง ใจของคนเรานี่หลงมา ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เพียงแค่ความเกิด ความเกิดเขาได้มาเกิดมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างภพมนุษย์คือร่างกายของเรา
พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติลงไปอีก ลงที่กายของเราให้ต่อเนื่อง แล้วก็เอาไปใช้การใช้งาน วิเคราะห์ วิเคราะห์ใจกับอาการของใจซึ่งเป็นส่วนนามธรรม วิเคราะห์ให้ทันต้นเหตุขณะเขาเกิด ขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้ทันเขาจะแยกจะคลายออกจากกัน ใจก็จะว่างหงายขึ้นมา ปัญญาของเราก็จะตามเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าเป็นเรื่องอะไร ที่ท่านบอกว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกเรื่องจบลงได้อย่างไร เราก็จะเข้าใจในชีวิตของเรา
กิเลสตัวไหนเราละได้เราก็รู้ ตัวไหนมันยังละไม่ได้ยังเกิดอยู่เราก็พยายามละ สร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็ละกิเลสให้หมดจด จนใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ ถ้าเราละกิเลสขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หมด เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ เราไม่อยากจะให้ใจสะอาดมันก็ต้องสะอาด เพราะการละกิเลสของเรามี
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือทำต้องให้ปรากฏขึ้นที่ตัวของเราจริงๆ ทั้งกลางคืนทั้งกลางวัน จนไม่มีอะไรเหลือที่จะเข้าไปละ จนเหลือตั้งแต่สมมติคือ ร่างกายจิตใจ ซึ่งมาอาศัยอยู่ เราก็บริหารด้วยปัญญา อยู่ด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกปัจจุบันประโยชน์ในโลกหน้า เราทำปัจจุบันให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้ตัวในต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ