หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 2 วันที่ 3 มกราคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 2 วันที่ 3 มกราคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 2 วันที่ 3 มกราคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 2
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 3 มกราคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบายหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราจะหยุดไม่ได้ ละไม่ได้เด็ดขาดก็ขอให้หยุดขณะที่กำลังนั่งฟังอยู่ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกดูกลับไป น้อมเข้าไปดูภายในของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เราพยายามฝึก

เพียงแค่สร้างความรู้ตัวกับการหายใจเข้าออกให้ทัน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ นี่แหละที่เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมหลวงพ่อก็ย้ำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราขาดการเจริญสติที่ต่อเนื่องก็ยากที่จะรู้ทันใจของเรา อาจจะรู้อยู่ว่าเราคิด เราอาจจะรู้อยู่ว่าเราทำ

ความหลง อยู่ในความรู้ตรงนั้นคือการเกิดของใจ ความเกิดนั่นแหละคือความหลงอันลุ่มลึก ใจของคนเรานี้เกิดมา เกิดตั้งแต่หลง หลงตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าหรือว่ามาสร้างภพมนุษย์นี้ขึ้นมา แล้วก็มาอาศัยภพมนุษย์เจริญเติบโตขึ้นมาก็ยังหลงต่ออีก หลงส่วนในรูปธรรมในส่วนนามธรรมว่าเป็นตัวตนของเราจริงๆ ในหลักธรรมแล้วท่านว่า ‘ไม่มี มีแต่ความว่างเปล่า’ ทำไมถึงพูดอย่างนั้น เพราะว่าใจของเราไปหลงไปยึด

ถ้าเรามาคลายหรือว่ามาแยกรูปแยกนามตามคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วก็มาละกิเลสขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา มาดับความเกิดขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่นี้แหละ แล้วก็ปล่อยวาง ทำใจให้ว่างให้บริสุทธิ์ เข้าสู่สภาพเดิมคือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น เราต้องมาแก้ไข เพียงแค่ระดับสมมติพวกเราก็แก้ไขกันยาก สมมติ ไปยึดติดสมมติภายนอก ยึดติดสมมติโลกธรรมต่างๆ แล้วก็มายึดติดตัวตน มีทิฏฐิ มีมานะ มีความเห็นแก่ตัว

พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติไปขัดเกลากิเลสหยาบกิเลสละเอียด สร้างอานิสงส์ สร้างตบะสร้างบารมีเพื่อที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ อะไรคือการแยกรูปแยกนาม อะไรคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกายในขันธ์ห้าของเรา

ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณ ให้รอบรู้ในปัจจัยสี่ รอบรู้ในโลกธรรม ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว

แต่เวลานี้กำลังสติปัญญาของเราที่สร้างขึ้นมา อาจจะมีบ้างแต่ไม่ต่อเนื่องกระท่อนกระแท่นนานๆ ที บางทีก็ชั่วโมงหนึ่ง อาจจะระลึกได้ครั้งสองครั้ง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี คำว่าปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้จนกำลังสติของเราเป็นมหาสติ มหาปัญญารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ยังความรู้ของท่านให้ปรากฏขึ้นที่ใจท่าน ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแบบหลงงมงาย

การเจริญสติ ความหมายของการเจริญสติอยู่ที่ไหน การเดินปัญญาละกิเลสความหมายของการละกิเลสเพื่อที่จะเข้าถึงความบริสุทธิ์อยู่ที่ตรงไหน เราต้องรู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่ว่าฉันจะไปปฏิบัติธรรมที่โน้นปฏิบัติธรรมที่นี่ฉันถึงจะเข้าใจ อันนั้นเป็นไปเพียงเพื่อแสวงหาวิธีการ แสวงหาแนวทาง เราต้องดูรู้กิเลสของเราเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กิเลสหยาบหรือกิเลสละเอียด เพียงแค่ความเกิดของจิตของวิญญาณนั้นก็เป็นกิเลสละเอียด เป็นความหลงที่ละเอียด

นอกจากบุคคลที่มีบุญ นอกจากบุคคลที่มีบุญ มีสติ มีปัญญา สร้างบุญมาดี และมีความขยันหมั่นเพียรที่ถูกทาง ก็ย่อมจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง บางคนอาจจะเข้าถึงช้า บางคนอาจจะเข้าถึงเร็ว แล้วแต่บุคคลที่สร้างบุญกุศลมาดี ก็ต้องพยายามกัน ไม่เหลือวิสัย

ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกัน มาอยู่ร่วมกันหลายคนหลายท่านก็เพิ่มความสมัครสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว มีอะไรก็ช่วยกัน ช่วยกันทำช่วยกันยังประโยชน์ ไม่ใช่ว่ามาขัดแย้งกัน กูดีมึงไม่ดีมึงดีกูไม่ดี มาทะเลาะเบาะแว้งกันไม่เกิดประโยชน์ อะไรที่จะเกิดประโยชน์เราก็ช่วยกันทำ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี พระเราก็เยอะ พยายามสร้างความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว พยายามสร้างความขยัน

เรายังมายังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ แล้วก็มาขัดเกลากิเลสภายในของเราให้สะอาดกิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็พยายามรีบละ ไม่ใช่ว่าจะไปให้คนโน้นเขาละ คนนี้เขาละ อันนั้นเป็นเรื่องของคนอื่น หน้าที่ของเราคือขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา แล้วก็ยังสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปอยู่เข้าไปอาศัยให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนมองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน

บุคคลมีบุญมีสติมีปัญญาไม่จำเป็นต้องไปฟังมากอะไร รู้ว่าอันนี้การเจริญสติที่ต่อเนื่องเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ เราละกิเลสได้มากได้น้อยกิเลสตัวไหนยังเหลืออยู่เราก็พยายามขัดเกลาเอาออก รู้ไม่ทันเราก็รู้จักหยุดรู้จักดับเอาไว้ เริ่มใหม่ นิวรณธรรมเป็นอย่างไร สติเราพลั้งเผลอเป็นอย่างไร ใจของเราเกิดความกังวลเป็นอย่างไร เกิดความฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร มลทินเป็นอย่างไร มองโลกในทางที่ดี หรือว่ามองโลกด้วยอคติคนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ ตัวเราต่ำตัวเราสูง คนอื่นต่ำคนอื่นสูง มีอยู่ในใจของเราหมด ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจ แล้วค่อยละมันถึงจะเกิดประโยชน์

เพียงแค่ระดับสมมติก็ยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรม สมมติไม่ค่อยจะดูแลสนใจมันก็ยากเพราะว่าเรายังอาศัยสมมติอยู่ ถ้าปากท้องยังหิวอยู่ล่ะการปฏิบัติธรรมก็ไปไม่ได้ ความเป็นอยู่ของเรา สถานที่ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่ถ่ายที่เยี่ยว ยังไม่ค่อยจะพิจารณากันได้เลย ยังไม่ใช้สติปัญญาพิจารณา เราได้มาอาศัยปัจจัยสี่ตรงนี้อยู่ ทำอย่างไรถึงจะยังให้ปัจจัยสี่ให้สวยให้งาม ให้อยู่ดีมีความสุข เราก็ต้องพยายาม ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรมอะไรก็ทำไม่เป็น สมมติก็ทำไม่เป็น ความเป็นระเบียบภายในก็ไม่มี ความเสียสละก็ไม่มี มีแต่ความเห็นแก่ตัว มันจะได้ประโยชน์อะไร ก็ต้องพยายามกันนะ

นานๆ ที หลวงพ่ออาจจะพูด บางครั้งบางคราวแม้แต่การพูดการจามันก็เหนื่อย นี่ไม่อยากจะพูดไม่อยากจะอ้าปาก เพราะว่าเหนื่อย เหนื่อยหัวใจ หลวงพ่อก็อาศัยทานยามาตั้งสิบยี่สิบปี ยาเบาหวาน ยาปัจจุบันทางนั้นเขา ทั้งสมุนไพรทุกวัน เช้า สาย บ่าย เย็น กลางคืน ต้องอาศัยยาตัวนี้อยู่ สภาพร่างกายก็เสื่อมเพราะว่ามันถึงขาลง ขาลงเสื่อมลง เสื่อมขึ้นกับเสื่อมลง เจริญขึ้น ทุกคนก็ว่า ‘เจริญขึ้น’ แต่ในหลักธรรมบอกว่า ’เสื่อม’ เสื่อมขึ้นเสื่อมลง ถ้าถึงวาระเวลาก็ไป ไม่รู้จะอยู่กับพวกท่านไปได้นานสักเท่าไหร่ ก็พยายามประคับประคอง อะไรที่จะเป็นบุญอะไรที่จะเป็นประโยชน์ก็พยายามยังสมมติให้กับทุกคน

ทั้งพระ ทั้งชี ทั้งฆราวาสญาติโยม ทั้งใกล้ทั้งไกล ก็พยายามค่อยดำเนินไปให้ทุกคนได้อยู่ในกองบุญกองกุศลกัน ก็ต้องพยายามกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง