หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 66 วันที่ 16 กันยายน 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 66 วันที่ 16 กันยายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 66
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 กันยายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาดหรือละไม่ได้เด็ดขาด เราก็ต้องพยายามรู้จักวิธีการแนวทางการสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติลงที่กายของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นี่แหละที่ท่านเรียกว่า สติ เราพยายามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ตื่นขึ้นยังไม่ลุกจากที่ จนความรู้ตัวของเรารู้เวลาลมสัมผัสเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ จนต่อเนื่อง จากหนึ่งครั้งสองครั้ง จากนาทีเป็น 2 นาที เป็น 3 นาที จนเป็น 5 นาที 10 นาที 20 นาที
ขณะที่เราสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติอยู่นี้ บางครั้งบางคราวตัวใจของเราก็จะเกิดส่งออกไปภายนอก เรามีสติรู้ตัวอยู่เราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ รู้ลักษณะอาการการเกิดของใจว่าเขาส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร บางทีบางครั้งบางคราวก็มีความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดซึ่งเรียกว่า อาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมา ใจของเราก็จะเคลื่อนเข้าไปรวมเป็นตัวเดียวเป็นสิ่งเดียวแล้วก็ส่งออกไปด้วยกัน เนี่ยแหละที่ว่าใจหลง หลงความคิด หลงอารมณ์ แล้วก็เกิดอัตตา เกิดตัวตน
บางทีบางครั้งใจก็เกิดทิฏฐิ เกิดมานะ เกิดกิเลส ท่านถึงให้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะเอาไปอบรมใจของเรา ไปแก้ไขใจของเรา ถ้ากำลังสติของเรารู้เท่ารู้ทันการเคลื่อนการเข้าไปรวม ใจก็จะดีดออกซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม เนี่ยแหละที่ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ใจก็จะคลายจากขันธ์ห้าเขาเรียกว่า คลายความหลง เพียงแค่แยก เพียงแค่เริ่มต้น เพียงแค่เห็นถูกเริ่มต้น ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องไม่ทำความเข้าใจ ใจกับความคิดเขาก็จะรวมกันส่งออกไปภายนอกอีกเหมือนเดิม นี่แหละที่เรียกว่า ความหลง
เราพยายามคลายความหลงตรงนี้ สังเกต วิเคราะห์ ให้รู้เท่ารู้ทัน จนเห็นการแยกการคลาย ตามทำความเข้าใจขณะที่สติความรู้ตัวของเราตามทำความเข้าใจอยู่นั้น ใจของเราก็ว่างรับรู้อยู่ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ว่าเรื่องในอดีตอนาคต ทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น ใจของเราคลายออก ใจของเราไม่หลง ใจของเรารู้ความเป็นจริง สติปัญญา ตามดูรู้เห็นทุกเรื่องก็จะลงไตรลักษณ์ ลงความว่าง เวลาเขาจบลงแล้วเขาก็ลงความว่าง เรื่องใหม่ก็เข้ามา ตามดูตามรู้ตามเห็นตามทำความเข้าใจ จนมองเห็นทะลุปรุโปร่ง มองเห็นความเป็นจริงว่าไม่มีสาระประโยชน์อะไร ใจของเราก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในความคิด ตรงนี้ใจของเราก็จะอยู่อุเบกขา ถ้าขันธ์ห้าผุดขึ้นมาเขาก็จะดับ เขาก็จะละ เราละทีนั้นละทีนี้ ขันธ์ห้าตรงนี้ก็จะเหือดแห้งไปเรื่อยๆ ก็ยังเหลือตั้งแต่สติกับใจ ใจเกิดส่งไปภายนอก สติปัญญาของเราก็ดับก็หยุดไม่ให้ใจเกิด หนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ไปทำหน้าที่แทน แต่ความรู้ตัวหรือว่าสติของเราเพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ยังลำบากอยู่ ยังไม่เห็นการแยกการคลาย มันก็ส่วนมากก็จะพลั้งเผลอหรือว่าหลุด
ส่วนบารมีส่วนอื่นนั้นทุกคนสร้างกันมาดี ความเสียสละ การให้ทาน การทำบุญ การให้ทาน ศรัทธาความเชื่อ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาป ตรงนี้มีกันอยู่แต่ยังเจาะลึกไม่เห็น ยังแยกแยะไม่ได้ว่าใจกับขันธ์ห้าเขาแยกกันได้อย่างไร ถ้ากำลังสติของเราพุ่งแรง เห็นตามดูตามรู้ตามเห็นกำลังสติของเราก็จะเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในดวงจิต รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม ทำความเข้าใจว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
เราอย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง เราจงพยายามหัดวิเคราะห์หัดทำความเข้าใจ อบรมใจของตัวเรา ซึ่งท่านเรียกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน ตนตัวแรกคือสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ ตนตัวที่สองคือใจ เราต้องอบรมใจของเราให้ได้ คลายใจออกจากขันธ์ห้าให้ได้ ละกิเลสให้ได้ เราต้อง ต้องเลยแหละ ต้องทำความเข้าใจ เป็นหน้าที่ของเราทุกคน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง
การไปศึกษาการไปทำความเข้าใจจากครูบาอาจารย์องค์โน้นองค์นี้ ไปศึกษากันมามาก การอ่านการวิเคราะห์ก็ทำกันมามาก เราพยายามเจริญสติให้ต่อเนื่อง หมดความสงสัยหมดความลังเล มีตั้งแต่กำลังสติจะพุ่งแรงจนไม่มีอะไรเหลือที่จะทำความเข้าใจได้ สติก็จะหยุดนิ่ง ใจก็จะหยุดนิ่ง เหลือตั้งแต่ปัญญาเอาไปใช้ นี่แหละไม่เสียเที่ยวเสียทีเสียเวลาในการเกิดมาเป็นมนุษย์
เราก็พยายามสร้างตบะสร้างบารมีของเรา ทุกคนก็สร้างกันมาดีอยู่แล้ว พยายามดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี วันเดือนปีผ่านไปเร็วไวเราอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง ก็ต้องพยายามกัน สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 กันยายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาดหรือละไม่ได้เด็ดขาด เราก็ต้องพยายามรู้จักวิธีการแนวทางการสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติลงที่กายของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นี่แหละที่ท่านเรียกว่า สติ เราพยายามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ตื่นขึ้นยังไม่ลุกจากที่ จนความรู้ตัวของเรารู้เวลาลมสัมผัสเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ จนต่อเนื่อง จากหนึ่งครั้งสองครั้ง จากนาทีเป็น 2 นาที เป็น 3 นาที จนเป็น 5 นาที 10 นาที 20 นาที
ขณะที่เราสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติอยู่นี้ บางครั้งบางคราวตัวใจของเราก็จะเกิดส่งออกไปภายนอก เรามีสติรู้ตัวอยู่เราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ รู้ลักษณะอาการการเกิดของใจว่าเขาส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร บางทีบางครั้งบางคราวก็มีความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดซึ่งเรียกว่า อาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมา ใจของเราก็จะเคลื่อนเข้าไปรวมเป็นตัวเดียวเป็นสิ่งเดียวแล้วก็ส่งออกไปด้วยกัน เนี่ยแหละที่ว่าใจหลง หลงความคิด หลงอารมณ์ แล้วก็เกิดอัตตา เกิดตัวตน
บางทีบางครั้งใจก็เกิดทิฏฐิ เกิดมานะ เกิดกิเลส ท่านถึงให้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะเอาไปอบรมใจของเรา ไปแก้ไขใจของเรา ถ้ากำลังสติของเรารู้เท่ารู้ทันการเคลื่อนการเข้าไปรวม ใจก็จะดีดออกซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม เนี่ยแหละที่ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ใจก็จะคลายจากขันธ์ห้าเขาเรียกว่า คลายความหลง เพียงแค่แยก เพียงแค่เริ่มต้น เพียงแค่เห็นถูกเริ่มต้น ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องไม่ทำความเข้าใจ ใจกับความคิดเขาก็จะรวมกันส่งออกไปภายนอกอีกเหมือนเดิม นี่แหละที่เรียกว่า ความหลง
เราพยายามคลายความหลงตรงนี้ สังเกต วิเคราะห์ ให้รู้เท่ารู้ทัน จนเห็นการแยกการคลาย ตามทำความเข้าใจขณะที่สติความรู้ตัวของเราตามทำความเข้าใจอยู่นั้น ใจของเราก็ว่างรับรู้อยู่ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ว่าเรื่องในอดีตอนาคต ทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น ใจของเราคลายออก ใจของเราไม่หลง ใจของเรารู้ความเป็นจริง สติปัญญา ตามดูรู้เห็นทุกเรื่องก็จะลงไตรลักษณ์ ลงความว่าง เวลาเขาจบลงแล้วเขาก็ลงความว่าง เรื่องใหม่ก็เข้ามา ตามดูตามรู้ตามเห็นตามทำความเข้าใจ จนมองเห็นทะลุปรุโปร่ง มองเห็นความเป็นจริงว่าไม่มีสาระประโยชน์อะไร ใจของเราก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในความคิด ตรงนี้ใจของเราก็จะอยู่อุเบกขา ถ้าขันธ์ห้าผุดขึ้นมาเขาก็จะดับ เขาก็จะละ เราละทีนั้นละทีนี้ ขันธ์ห้าตรงนี้ก็จะเหือดแห้งไปเรื่อยๆ ก็ยังเหลือตั้งแต่สติกับใจ ใจเกิดส่งไปภายนอก สติปัญญาของเราก็ดับก็หยุดไม่ให้ใจเกิด หนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ไปทำหน้าที่แทน แต่ความรู้ตัวหรือว่าสติของเราเพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ยังลำบากอยู่ ยังไม่เห็นการแยกการคลาย มันก็ส่วนมากก็จะพลั้งเผลอหรือว่าหลุด
ส่วนบารมีส่วนอื่นนั้นทุกคนสร้างกันมาดี ความเสียสละ การให้ทาน การทำบุญ การให้ทาน ศรัทธาความเชื่อ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาป ตรงนี้มีกันอยู่แต่ยังเจาะลึกไม่เห็น ยังแยกแยะไม่ได้ว่าใจกับขันธ์ห้าเขาแยกกันได้อย่างไร ถ้ากำลังสติของเราพุ่งแรง เห็นตามดูตามรู้ตามเห็นกำลังสติของเราก็จะเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในดวงจิต รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม ทำความเข้าใจว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
เราอย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง เราจงพยายามหัดวิเคราะห์หัดทำความเข้าใจ อบรมใจของตัวเรา ซึ่งท่านเรียกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน ตนตัวแรกคือสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ ตนตัวที่สองคือใจ เราต้องอบรมใจของเราให้ได้ คลายใจออกจากขันธ์ห้าให้ได้ ละกิเลสให้ได้ เราต้อง ต้องเลยแหละ ต้องทำความเข้าใจ เป็นหน้าที่ของเราทุกคน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง
การไปศึกษาการไปทำความเข้าใจจากครูบาอาจารย์องค์โน้นองค์นี้ ไปศึกษากันมามาก การอ่านการวิเคราะห์ก็ทำกันมามาก เราพยายามเจริญสติให้ต่อเนื่อง หมดความสงสัยหมดความลังเล มีตั้งแต่กำลังสติจะพุ่งแรงจนไม่มีอะไรเหลือที่จะทำความเข้าใจได้ สติก็จะหยุดนิ่ง ใจก็จะหยุดนิ่ง เหลือตั้งแต่ปัญญาเอาไปใช้ นี่แหละไม่เสียเที่ยวเสียทีเสียเวลาในการเกิดมาเป็นมนุษย์
เราก็พยายามสร้างตบะสร้างบารมีของเรา ทุกคนก็สร้างกันมาดีอยู่แล้ว พยายามดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี วันเดือนปีผ่านไปเร็วไวเราอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง ก็ต้องพยายามกัน สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ