หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 57 วันที่ 9 สิงหาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 57 วันที่ 9 สิงหาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 57
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 สิงหาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ตามความเป็นจริงเราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง
รู้กาย กายปกติเป็นอย่างนี้ รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจเกิดใจส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ การดับการควบคุม การแก้ไขใจของตัวเรา ใจของเราเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราก็รู้จักดับรู้จักละ หมั่นอบรมใจของเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน รู้จักการเจริญสติ กำลังของสติปัญญาเอาไปใช้ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ใจหงายจากของที่คว่ำหรือว่าสมมติวิมุตติ เข้าใจในเรื่องสมมติวิมุตติ เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ตามดูรู้เห็นเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกายของเรา รู้เรื่องวิญญาณในกายของเรา รู้ลักษณะวิญญาณ รู้ว่าตัวใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างนี้
แต่เวลานี้กำลังสติมีไม่เพียงพอ อาจจะมีบ้างกระท่อนกระแท่น ศรัทธาความเชื่อมั่น ในการฝักใฝ่ในการสนใจในการทำบุญ ในการให้ทานตรงนี้มีอยู่ แต่กำลังสติที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ เดินปัญญาแยกรูปแยกนาม เข้าสู่วิปัสสนาความรู้แจ้งเห็นจริง เข้าใจในเรื่องรูปธรรม เข้าใจในเรื่องนามธรรม เข้าใจในเรื่องการจำแนกแจกแจงที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์เป็นลักษณะอย่างไร ที่ท่านเปรียบเทียบเหมือนกับพยับแดด หรือว่าเปรียบเทียบเหมือนกับเกลียวคลื่น เปรียบเทียบเหมือนกันกับต้นกล้วยเป็นลักษณะอย่างไร ที่ว่าไม่ถาวรคงทน เป็นแค่เพียงอาการ เป็นแค่เพียงมายา ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด
เราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดพิจารณาด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา เราจะไปคิดเอา ไปนึกเอาไม่ได้เด็ดขาด การนึกการคิด เขาเรียกว่า วิปัสสนึก ใจของคนเรานี่หลง หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด เราอาจจะไม่เข้าเราอาจจะไม่รู้ถึงขนาดนั้น ขณะอยู่ปัจจุบันนี้เรายังไม่รู้ลักษณะของใจของเรา เรารู้อยู่เฉพาะในภาพรวม คิดก็รู้ทำก็รู้ แต่เขาใจเขาหลงเข้าไปรวมอยู่ในความรู้ตรงนั้น เราจงพยายามสร้างความรู้ตัวทำให้ต่อเนื่อง จนรู้เท่ารู้ทัน จนใจคลายออก ตามดูรู้กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ มีหมดทุกอย่างอยู่ในกายของเรา ทำหน้าที่ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล ชี้เหตุชี้ผล
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาการเจริญสติเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดจากตัวใจของเรา หรือว่าเหตุจากภายนอกทำให้เกิด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ ความรู้ตัว สติพลั้งเผลอได้อย่างไร แต่เวลานี้กำลังสติเพียงแค่สร้าง ทำให้ต่อเนื่องก็ยังยากอยู่ การที่จะเอาไปใช้เราต้องมีความเพียรเป็นเลิศ มีความเพียรในการขัดเกลากิเลส สร้างตบะบารมี เรามีความเกียจคร้านเราก็สร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีกิเลสเราก็พยายามขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความเกิดของใจเป็นอย่างไร ความเกิดของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร เราต้องจำแนกแจกแจงให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น
กายทวารทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างนี้ ถ้าเรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้ว ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เฝ้าสังเกตเฝ้าวิเคราะห์ ตามทำความเข้าใจจนกำลังสติปัญญาของเราเป็นมหาสติ มหาปัญญา จนกลายเป็นปัญญาปกติ เห็นในการดู ในการรู้ ใจเป็นธาตุรู้ สติเป็นผู้รู้ การทำการทำงานของใจ การทำการทำงานของขันธ์ห้า การทำการทำงานของทวารทั้งหก มีอยู่ในกายของเราหมด ถ้าเรารู้จักใช้ปัญญาเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาจนกว่าใจของเราจะอยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา หมั่นสร้างสะสมบุญกุศลไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเต็ม อย่าไปทิ้งบุญ
วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ปีนี้มีปีหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี กายเนื้อแตกดับ วิญญาณถ้ายังเกิดก็ต้องเกิดต่อ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พยายามพากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 สิงหาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ตามความเป็นจริงเราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง
รู้กาย กายปกติเป็นอย่างนี้ รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจเกิดใจส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ การดับการควบคุม การแก้ไขใจของตัวเรา ใจของเราเกิดกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราก็รู้จักดับรู้จักละ หมั่นอบรมใจของเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน รู้จักการเจริญสติ กำลังของสติปัญญาเอาไปใช้ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ใจหงายจากของที่คว่ำหรือว่าสมมติวิมุตติ เข้าใจในเรื่องสมมติวิมุตติ เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ตามดูรู้เห็นเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกายของเรา รู้เรื่องวิญญาณในกายของเรา รู้ลักษณะวิญญาณ รู้ว่าตัวใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างนี้
แต่เวลานี้กำลังสติมีไม่เพียงพอ อาจจะมีบ้างกระท่อนกระแท่น ศรัทธาความเชื่อมั่น ในการฝักใฝ่ในการสนใจในการทำบุญ ในการให้ทานตรงนี้มีอยู่ แต่กำลังสติที่จะเข้าไปทำความเข้าใจ เดินปัญญาแยกรูปแยกนาม เข้าสู่วิปัสสนาความรู้แจ้งเห็นจริง เข้าใจในเรื่องรูปธรรม เข้าใจในเรื่องนามธรรม เข้าใจในเรื่องการจำแนกแจกแจงที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์เป็นลักษณะอย่างไร ที่ท่านเปรียบเทียบเหมือนกับพยับแดด หรือว่าเปรียบเทียบเหมือนกับเกลียวคลื่น เปรียบเทียบเหมือนกันกับต้นกล้วยเป็นลักษณะอย่างไร ที่ว่าไม่ถาวรคงทน เป็นแค่เพียงอาการ เป็นแค่เพียงมายา ซึ่งมีอยู่ในกายของเราหมด
เราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดพิจารณาด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา เราจะไปคิดเอา ไปนึกเอาไม่ได้เด็ดขาด การนึกการคิด เขาเรียกว่า วิปัสสนึก ใจของคนเรานี่หลง หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด เราอาจจะไม่เข้าเราอาจจะไม่รู้ถึงขนาดนั้น ขณะอยู่ปัจจุบันนี้เรายังไม่รู้ลักษณะของใจของเรา เรารู้อยู่เฉพาะในภาพรวม คิดก็รู้ทำก็รู้ แต่เขาใจเขาหลงเข้าไปรวมอยู่ในความรู้ตรงนั้น เราจงพยายามสร้างความรู้ตัวทำให้ต่อเนื่อง จนรู้เท่ารู้ทัน จนใจคลายออก ตามดูรู้กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ มีหมดทุกอย่างอยู่ในกายของเรา ทำหน้าที่ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล ชี้เหตุชี้ผล
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาการเจริญสติเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดจากตัวใจของเรา หรือว่าเหตุจากภายนอกทำให้เกิด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ ความรู้ตัว สติพลั้งเผลอได้อย่างไร แต่เวลานี้กำลังสติเพียงแค่สร้าง ทำให้ต่อเนื่องก็ยังยากอยู่ การที่จะเอาไปใช้เราต้องมีความเพียรเป็นเลิศ มีความเพียรในการขัดเกลากิเลส สร้างตบะบารมี เรามีความเกียจคร้านเราก็สร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีกิเลสเราก็พยายามขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความเกิดของใจเป็นอย่างไร ความเกิดของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร เราต้องจำแนกแจกแจงให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น
กายทวารทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างนี้ ถ้าเรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้ว ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เฝ้าสังเกตเฝ้าวิเคราะห์ ตามทำความเข้าใจจนกำลังสติปัญญาของเราเป็นมหาสติ มหาปัญญา จนกลายเป็นปัญญาปกติ เห็นในการดู ในการรู้ ใจเป็นธาตุรู้ สติเป็นผู้รู้ การทำการทำงานของใจ การทำการทำงานของขันธ์ห้า การทำการทำงานของทวารทั้งหก มีอยู่ในกายของเราหมด ถ้าเรารู้จักใช้ปัญญาเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาจนกว่าใจของเราจะอยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา หมั่นสร้างสะสมบุญกุศลไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเต็ม อย่าไปทิ้งบุญ
วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ปีนี้มีปีหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี กายเนื้อแตกดับ วิญญาณถ้ายังเกิดก็ต้องเกิดต่อ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พยายามพากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ