หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 16 วันที่ 4 มีนาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 16 วันที่ 4 มีนาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 16 วันที่ 4 มีนาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 16
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 มีนาคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พวกท่านได้พากันสร้างความรู้ตัวรู้จักสำรวจกายสำรวจใจของตัวเราเองแล้วหรือยัง

วิธีการแนวทางทุกคนก็พอที่จะมองออก พอที่จะทำความเข้าใจได้ แต่ความเพียรไม่ต่อเนื่องก็เลยไม่เข้าใจในชีวิตของตัวเรา ไม่เข้าใจวิธีการแนวทาง มีตั้งแต่ความอยาก อยากรู้ธรรม อยากได้ธรรม อยากเห็นธรรม อยากปลดทุกข์ อยากละความทุกข์ แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปสำรวจไปรู้ไปเห็น ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ใจหรือว่าวิญญาณที่คลายออกจากความคิด หงายหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร เพราะว่าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่อง ก็เลยรู้ไม่เท่ารู้ไม่ทัน ศรัทธานั้นมีอยู่ การทำบุญให้ทานนั้นมีอยู่ แต่การเจริญสติตัวปัญญาตรงนี้อาจจะมีเป็นบางครั้งบางคราวกระท่อนกระแท่น ก็เลยมองไม่ทะลุปรุโปร่ง

ในหลักธรรมท่านให้รู้ทุกเรื่องในกายของเรา ที่ว่าร่างกายของเราเป็นกองเป็นขันธ์อย่างไร กองรูปกองนาม กองวิญญาณ กองสังขาร ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา การเกิดของใจ ความเกิดนั่นแหละคือความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทีนี้เมื่อเขาหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ เขามาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง นี้ก็เป็นความหลง เอาสมมติมาปิดกั้นตัวเราเองอีกทีหนึ่ง ทีนี้ใจก็เกิดต่อคิดต่อ ขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งใจต่อ ส่งไปทั้งกำลังสติปัญญารวมกันไปเป็นก้อน มันก็อาจจะถูกอยู่ระดับของสมมติ

แต่ในหลักธรรมแล้วท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ รู้ไม่ทันเราก็รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักควบคุม ปัญญาโลกีย์มีทั้งร้อยเราก็ต้องคลายออก พยายามคลายออก อย่าเอามานึกมาคิด อย่าเอาปัญญาโลกีย์มาค้นหา ปัญญาโลกีย์นี้แหละท่านให้เจริญสติเข้าไปดูรู้จนใจคลายออก ปัญญาที่เกิดจากใจก็ต้องหยุดต้องดับ ต้องเป็นปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติเท่านั้น ถึงจะรู้แจ้งเห็นจริง

แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผยตั้งหลายร้อยหลายพันปีความจริงก็ยังปรากฏอยู่ หลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐก็ยังปรากฏอยู่ อัตตา อนัตตา ถ้าคนเราแยกแยะได้เราก็จะเข้าใจในคำสอนตรงนี้ อนิจจังทุกขัง อนัตตา เราก็จะเข้าใจ

การทำความเข้าใจต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร มีความเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ แม้ตั้งแต่ทำความเข้าใจกับอริยมรรค ทำความเข้าใจกับหนทางเดิน ทำความเข้าใจกับโลกธรรม กายของคนเราเกิดมาอยู่อย่างไรไปอย่างไร อาศัยปัจจัยสี่อยู่ อาศัยโลกธรรมอยู่ เราต้องศึกษาค้นคว้าขณะที่เรายังมีกำลังยังมีลมหายใจอยู่

วิธีการแนวทางบุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การสังเกตการวิเคราะห์จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ตามดูว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เราก็รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ใจเกิดกิเลสก็ละกิเลส กิเลสเกิดขึ้นที่กายใจส่งเสริมหรือไม่ หรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปทำก็ยากที่จะเข้าใจ

เพียงแค่ระดับสมมติก็พยายามทำให้อยู่ในความปกติ อยู่ในความราบรื่นก็จะส่งผลถึงวิมุตติ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าเราไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกลมหายใจเข้าออกสำคัญ ถ้าคนเราขาดการหายใจเข้าออกสัก 2-3 นาที ก็ชีวิตก็จะไปไม่รอด แต่คนเราก็ขาดการสนใจ ขาดความเพียร

ในการสังเกต มีตั้งแต่วิ่งใจวิ่งพุ่งออกไปภายนอกอย่างเดียว เราก็ต้องพยายามอยู่กับสมมติเคารพสมมติ ทำหน้าที่ของสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ คนเรานี้เกิดมา เกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องศึกษาเรื่องกรรม กรรมคือตัวความคิดคือตัวอารมณ์ คือขันธ์ห้าของเรานั่นแหละคือตัวกรรม เราก็มาดับความเกิดที่ใจ ตัด ดับ ตัดภพตัดชาติ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือว่าไม่กลับมาเกิดกัน

เพียงแค่การเจริญสตินี้ก็ยังยากลำบากที่จะทำให้ต่อเนื่องกัน ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไปหาครูบาอาจารย์ท่านใดท่านก็จะบอกเรื่องการเจริญสติ เรื่องการแยกรูปแยกนามนี้แหละ ถ้าฝักใฝ่ในธรรม แต่ตัวของเรา เราต้องมาทำความเข้าใจ มาทำความเพียรเน้นลงที่กายที่ใจของเรา รู้ไม่เท่ารู้ไม่ทันก็รู้จักดับ รู้จักหยุดเอาไว้ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าปรากฏขึ้นที่ใจของเรา

ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมานี้แหละจะเป็นอาจารย์คอยตรวจสอบ คอยสังเกต คอยวิเคราะห์ว่า ชี้เหตุชี้ผลว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรควรละอะไรควรเจริญ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า เราพยายามดำรงปัจจุบันให้ดีเถิด ก็จะส่งผลอนาคตที่ดี

สร้างความรู้ตัวสัมผัสของลมหายใจที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง