หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 99

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 99
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 99
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 99
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 กันยายน 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่ง ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย อันนี้เป็นการเริ่มต้นของการเจริญสติ ความรู้สึกพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ถ้าพลั้งเผลอแล้วก็เริ่มใหม่ นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ฟังไปด้วย น้อมไปด้วย

สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ อย่าไปเพ่ง อย่าไปบังคับ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด สัมผัสของลมหายใจ การสูดลมหายใจยาวนี้ความรู้สึกจะชัดเจน ถ้าความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็สูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายก็รู้สึกว่าสบายขึ้น ใจของเราก็จะตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกก็จะชัดเจน จากหนี่งครั้งหายใจเข้า สองครั้งหายใจออก หายใจเข้าหายใจออก เพียงแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้แหละ เราขาดการวิเคราะห์ ถ้าเราสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงสัก 5 นาที 10 นาที เราก็จะมองเห็นว่า ความรู้ตัวตรงนี้นี่ไม่ค่อยจะได้สร้างไม่ค่อยจะได้ทำกันเลย

ความคิดเก่า ปัญญาเก่านั้น มีอยู่เดิม บางคนก็คิดเยอะ บางคนก็มีเยอะ ถ้าเรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง บางทีใจมันก็ปรุงแต่งขึ้นมาให้เห็น ให้รู้ บางทีขันธ์ห้าก็ผุดขึ้นมาปรุงแต่งให้รู้ เรารู้อยู่แต่เราไม่เห็นตนเอง เขาก่อตัว เราก็หยุดเอาไว้ใหม่ สร้างความรู้ตัวอยู่กับลมหายใจใหม่ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจเอง เพียงแค่ทำสิ่งนี้ให้ได้ ให้รู้ ให้ทันเสียก่อน ตัวอื่นก็จะตามมา

ถ้ากำลังสติของเราต่อเนื่อง ใจจะเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ขันธ์ห้า ความคิดผุดขึ้นมาใจจะเคลื่อนเข้าไปรวม ความรู้ตัวของเราก็จะรู้ทัน ใจของเราก็จะหงาย แยกออกจากความคิด นี่แหละที่พระพุทธองค์ท่านว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’

ความหลง คลายความหลงตรงนี้ใจก็คลายออกจากความคิ ดหงายขึ้นมา หรือว่าแยกรูปแยกนาม ภาษาธรรมะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูก ความรู้แจ้ง วิปัสสนา เปิดทาง เราก็ตามทำความเข้าใจให้จิตว่าง รับรู้อยู่ เห็นความเกิด ความดับ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘เห็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตา’ ‘เห็นความเกิดความดับของขันธ์ห้า’ ตามดูทุกเรื่องนี่แหละ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เป็นอย่างนี้ สมมติ วิมุตติ เป็นอย่างนี้ ใจจะเกิดกิเลสเราก็ละ ใจจะปรุงแต่งเราก็รู้จักดับ ทุกเรื่องใดใดในชีวิต กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราต้องดู รู้ แก้ไข ส่วนมากก็ปล่อยเลยตามเลย

แต่การทำบุญ ให้ทาน ศรัทธา ตรงนี้ก็มีกันอยู่ แต่การเจริญภาวนาเอาสติปัญญาไปใช้ ไปเดินให้มันถึงจุดหมายปลายทาง ตรงนี้ไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่ เหมือนกับการขึ้นบันได เราขึ้นบันไดแค่ 2-3 ขั้นแล้วก็ถอยลงมา บางทีก็ 4-5 ขั้นแล้วก็ถอยลงมา ไม่ยอมเดินขึ้นให้ถึงตัวเรือน เราก็ปัดกวาดบ้านเรือน คือ ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมด มันก็เลยเข้าไม่ถึงทรัพย์ภายในตรงนี้สักที ส่วนมากก็ไม่ค่อยจะสนใจว่าก่อนที่จะขึ้นถึงตัวเรือนมีอะไรบ้าง มีบันไดบันไดแล้วมีลูกบันได ลูกบันไดแล้วมีอะไรบ้าง มีราวบันได

ใจของเราก็เหมือนกัน ทานของเรามีหรือไม่ ศรัทธาของเรามีหรือไม่ ความเสียสละของเรามีหรือเปล่า ความอดทนอดกลั้น การแสวงหา การวิเคราะห์ การสำรวจ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเป็นอย่างนี้ ใจเกิดนิวรณ์ เกิดความเกียจคร้าน สติพลั้งเผลอเป็นอย่างนี้ การแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจเป็นอย่างนี้ ภาษาธรรมะสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างนี้ ไม่ค่อยที่จะสนใจกันเลย อาจจะดูรู้เป็นบางครั้งบางคราวก็ปล่อยทิ้งไป ก็เลยยากที่จะได้ทรัพย์อันใหญ่

ต้องเป็นบุคคลที่ละเอียด ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ หมั่นแก้ไข หมั่นปรับปรุง ไม่เสียดายอาลัยอาวรณ์กับอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ กับกิเลสเล็กๆ น้อยๆ ชนะตัวเรา เราชนะหมดทุกอย่าง เอาเรื่องของเราให้จบ ส่วนมากก็มีแต่เรื่องคนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ มีแต่เรื่องของคนอื่น เอามาใส่ใจเป็นเรื่องของตัวเอง ทั้งที่เป็นกิเลสของตัวเรา

ความเกิดนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลง ก็ไม่เกิด แต่เวลานี้เขาทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด เป็นทาสของกิเลส กิเลสเกิดขึ้นที่กาย ใจเข้าไปร่วมมั้ย เกิดขึ้นที่ใจปรุงแต่งมั้ย เราละได้มั้ยเราจะหาวิธีแก้ไขอย่างไร ก็ต้องพยายามกันนะ พยายามเอา

หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ ว่าการทำอย่างนี้ มันจะเกิดอย่างนี้ เห็นอย่างนี้ เราก็ช่วยกันทุกคน ทุกคนก็มีบุญนั่นแหละ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนมีบุญ มีโอกาสได้สร้างบุญบารมีกัน ทำมากทำน้อยเราก็ช่วยกันทำ อีกสักหน่อยเราก็พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ ทุกคนเกิดมาแขวนความตายมาด้วย ไม่รู้ว่าจะไปช่วงไหน ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป

ขณะที่เรามีลมหายใจอยู่นี้แหละ ยังมีกำลังอยู่นี้แหละ รีบหากำไรชีวิตในร่างกายคนนี้ให้มันได้ไม่ใช่ว่าจะหมดลมหายใจถึงจะเรียกร้องหาพระให้ช่วยด้วย จะไปช่วยได้อย่างไร ตั้งแต่ยังมีกำลังอยู่ ยังไม่ศึกษา ค้นคว้า ก็เราก็ได้สร้างบุญสร้างกุศลกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง