
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 85
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 85
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 85
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 สิงหาคม 2562
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้วันที่ 12 สิงหา เป็นวันสำคัญคือวันแม่แห่งชาติ พวกเราก็มีโอกาสได้เข้ามาวัดมาทำบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศของเรา เป็นวันสำคัญ สำคัญในทางสมมติ สำคัญวันแม่ของชาติ ทีนี้ในทางวิมุตติสำคัญทุกขณะลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต
ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราได้วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราของเราแล้วหรือยัง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น พระเราชีเราพยายามดูยิ่งเวลาจะขบจะฉันให้รู้จักกะประมาณในการขบฉันของตัวเรากายเกิดความหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก เราก็รู้จักควบคุมรู้จักวิเคราะห์ ยิ่งบวชใหม่ๆ ยิ่งบวชใหม่ๆ ความหิวนี่จะเห็นชัดเจน เพราะว่าความเคยชิน ความเคยรับประทาน เคยกินบ่อยๆ เรามาอดมื้อสองมื้อ กายก็เกิดความหิวใจก็เกิดความอยากได้เร็วได้ไว เราก็รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักควบคุม รู้จักวิเคราะห์พิจารณาแก้ไขทุกเรื่อง ทุกเรื่องให้สมบูรณ์แบบ
กายของเราเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ความเป็นอยู่ทางสมมติอะไรติดขัดเราก็แก้ไขเราก็จะมีความสุข สุขจากภายในล้นสู่ภายนอก บุญสมมติเราก็มีโอกาสได้มาทำกัน พวกเรานี้เรียกว่า ‘ภพมนุษย์’ มนุษย์นี่ก็มีโอกาสมีปัญญา ทำความเข้าใจในชีวิตได้เร็วกว่าทุกภพทุกภูมิเพราะเป็นภพภูมิที่มาสร้างบุญ สร้างบารมีมาทำความเข้าใจ แก้ไขตัวเอง เป็นภพภูมิที่ประเสริฐมีโอกาสที่จะเดินเข้าสู่จุดหมายปลายทางคือ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของใจ มีโอกาสก็รีบทำอย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
เวลาทุกลมหายใจเข้าออกเราต้องพิจารณาทั้งกายทั้งใจ ทั้งโลกธรรมทั้งความเป็นอยู่ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกลมหายใจมีคุณค่ามากมาย ท่านถึงบอกว่าทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออก ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีการทำความเข้าใจเป็นเลิศ แต่พวกเรายังไม่ถึงจุดๆ นั้น ก็ได้สร้างตบะสร้างบารมีกัน ค่อยๆ สะสมจากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราพยายามรีบสร้างรีบทำ ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญตั้งแต่เริ่มคิด
ในหลักธรรมแล้วก็ดับความเกิด ดับความคิด หนุนกำลังสติปัญญาไปคิดไปเกิดแทนทำหน้าที่แทน ใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ มีความเห็นถูกแล้วก็แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา ให้รีบทำกัน รีบวิเคราะห์พิจารณากาย พิจารณาใจของตัวเรา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พระเราชีเราก็ต้องเป็นผู้ใหม่ ผู้ตื่น ผู้ใหม่คือตื่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรียกว่า ‘ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน’ ไม่ให้กิเลสมาเล่นงาน กิเลสมาเล่นงานเรามานาน เราก็พยายามมาแก้ไข กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร กิเลสมันเป็นตัวอย่างไร กิเลสก็เป็นตัวดำๆ ขาวๆ นั่งอยู่นี่แหละ อยู่ในนี้แหละไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก มันหลบอยู่ที่กลางใจของของเรานี่แหละ
ถ้าเราเจริญสติบ่อยๆ เราก็จะเห็น เดี๋ยวก็เกิดความอยาก เดี๋ยวก็เกิดความโลภ เดี๋ยวก็เกิดความยินดียินร้าย เดี๋ยวก็เกิดผลักไส เดี๋ยวก็เกิดดึงเข้ามาฟูๆ แฟบๆ ไม่ยอมเป็นกลาง เพราะว่าอะไร..เพราะว่ากิเลสมันเล่นงาน กิเลสนี่ก็สำคัญ ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องเข้มข้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่เราก็ทำความเข้าใจรู้ความจริงแล้วค่อยละ ที่เรามาวันนี้ก็ละกิเลส ถ้าเราไม่มีความเสียสละวางภาระหน้าที่การงานทางบ้าน ไม่มีศรัทธา เราก็น้อมกายเข้ามาไม่ได้ อันนี้ก็เป็นการเสียสละทางด้านวัตถุทาน ก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสให้เบาบาง
จุดมุ่งหมายของการฝึกหัดปฏิบัติที่แท้จริงก็เพื่อที่จะละกิเลสและก็คลายความหลง ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ละอกุศล เจริญกุศลหรือว่าละชั่ว ทำดีแล้วก็ทำใจให้บริสุทธิ์ แต่ส่วนมากเราก็รู้ตั้งแต่ชื่อ เวลากิเลสเกิดเราก็เอาไม่ทันสักที มันเล่นงานเสียน่วม กว่าจะระลึกได้กว่าจะจัดการได้ กว่าจะแก้ไขได้ก็ต้องใช้ความเพียร ใจเกิดความโลภก็ละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ด้วยการช่วยเหลือทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ใจเกิดความโกรธก็พยายามควบคุมดับความโกรธตั้งแต่ต้นเหตุ ตั้งแต่การเกิดที่ใจ
เราดับภายในไม่ได้ก็ไม่ให้ความโกรธทะลุพุ่งออกมาทางกาย ทางวาจา เราดับทางวาจาไม่ได้เราก็ใช้ปัญญาหลบหลีกเสียก่อนแล้วก็รู้จักให้อภัย อโหสิกรรม จิตใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกร้าวละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมให้มีให้เกิดขึ้นในใจของเรา สร้างพรหมวิหารความเมตตา แต่ละวันเราก็จะอยู่กับบุญ ทำใจให้เป็นบุญทำกายให้เป็นบุญทำวาจาให้เป็นบุญเราก็จะอยู่กับบุญ
ถ้าเราไม่รู้ใจของเราเราก็จะอยู่ด้วยความหลง แต่เราก็ว่าเราไม่หลง เพราะว่าปัญญาที่จะเข้าไปรู้ความเป็นจริงของเรายังไม่ทะลุปรุโปร่ง โดนสมมติเข้าครอบงำ แต่เราก็ไม่รู้ว่าครอบงำ เพราะว่าเรายังแยกแยะไม่ได้ว่า คำว่า ‘เป็นกองเป็นขันธ์’ ‘วิญญาณในกาย’ ‘ขันธ์ห้า’ เป็นอย่างไร การเดินปัญญาแยกรูปแยกนาม อะไรคือขันธ์ห้า อะไรคือวิญญาณ อะไรคือกองรูปอะไรคือกองนามกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
แม้แต่ความเกิดของใจคือความคิดของเรานั่นแหละ ความเกิด..ตั้งแต่เช้ามาเขาเกิดสักกี่เรื่องเขาเกิดสักกี่เที่ยว เราไม่เคยเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ส่วนมากก็มีแต่ความอำเภอใจ ตามอำเภอกิเลสโดยที่ไม่รู้ตัว เราอาจจะรู้ตัวอยู่ได้เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว การควบคุมใจก็มีเป็นบางครั้งบางคราว แต่นานๆ ที บางครั้งเกิดความทุกข์หนักๆ ถึงอยากจะสนใจในการดู ในการศึกษาก็เลยไม่ทัน เราต้องศึกษาค้นคว้าขณะที่กำลังกายยังแข็งแรง ขณะที่กำลังสติปัญญาของเรายังเข้มแข็ง รีบแก้ไขขณะยังมีกำลังยังมีลมหายใจ
ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ไม่มีอะไรมากมาย นี่ถ้าบุคคลที่มีบุญมีสติมีปัญญาก็ละทั้งบุญละทั้งบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ อยู่กับบุญใจก็จะอยู่กับบุญ ใจสะอาดใจบริสุทธิ์ใจก็จะอยู่กับบุญ จิตใจของคนเรานี่ฝึกได้ไม่ใช่ว่าฝึกไม่ได้ แต่พวกเราก็ฝึกอยู่ แต่ฝึกได้ทีละนิดทีละหน่อย ไม่ยอมฝึกให้ถึงจุดหมายปลายทางกันก็เลยแพ้อำนาจของกิเลส เราไม่ได้แพ้ เราทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วก็ค่อยละเราก็จะชนะเองนั่นแหละ
พระเราชีเราก็พยายามกันทั้งพระใหม่พระเก่า สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน อันนี้เป็นเครื่องอยู่ในการฝึกหักปฏิบัติในทางสมมติ ถ้าสมมติไม่สมบูรณ์เราก็อยู่ลำบาก ที่พักไม่มีที่อยู่ที่ถ่ายที่เยี่ยวไม่มีเราก็ลำบาก อันนี้เราก็ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาให้ไม่ให้ลำบาก เราก็ช่วยกันดูแลสร้างสรรค์ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ทำความเข้าใจกับสมมติเคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ แล้วก็อยู่เหนือสมมติ ใช้สมมติให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 สิงหาคม 2562
มีความสุขกันทุกคน ตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้วันที่ 12 สิงหา เป็นวันสำคัญคือวันแม่แห่งชาติ พวกเราก็มีโอกาสได้เข้ามาวัดมาทำบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศของเรา เป็นวันสำคัญ สำคัญในทางสมมติ สำคัญวันแม่ของชาติ ทีนี้ในทางวิมุตติสำคัญทุกขณะลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต
ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราได้วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราของเราแล้วหรือยัง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น พระเราชีเราพยายามดูยิ่งเวลาจะขบจะฉันให้รู้จักกะประมาณในการขบฉันของตัวเรากายเกิดความหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก เราก็รู้จักควบคุมรู้จักวิเคราะห์ ยิ่งบวชใหม่ๆ ยิ่งบวชใหม่ๆ ความหิวนี่จะเห็นชัดเจน เพราะว่าความเคยชิน ความเคยรับประทาน เคยกินบ่อยๆ เรามาอดมื้อสองมื้อ กายก็เกิดความหิวใจก็เกิดความอยากได้เร็วได้ไว เราก็รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักควบคุม รู้จักวิเคราะห์พิจารณาแก้ไขทุกเรื่อง ทุกเรื่องให้สมบูรณ์แบบ
กายของเราเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ความเป็นอยู่ทางสมมติอะไรติดขัดเราก็แก้ไขเราก็จะมีความสุข สุขจากภายในล้นสู่ภายนอก บุญสมมติเราก็มีโอกาสได้มาทำกัน พวกเรานี้เรียกว่า ‘ภพมนุษย์’ มนุษย์นี่ก็มีโอกาสมีปัญญา ทำความเข้าใจในชีวิตได้เร็วกว่าทุกภพทุกภูมิเพราะเป็นภพภูมิที่มาสร้างบุญ สร้างบารมีมาทำความเข้าใจ แก้ไขตัวเอง เป็นภพภูมิที่ประเสริฐมีโอกาสที่จะเดินเข้าสู่จุดหมายปลายทางคือ ความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของใจ มีโอกาสก็รีบทำอย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
เวลาทุกลมหายใจเข้าออกเราต้องพิจารณาทั้งกายทั้งใจ ทั้งโลกธรรมทั้งความเป็นอยู่ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกลมหายใจมีคุณค่ามากมาย ท่านถึงบอกว่าทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออก ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีการทำความเข้าใจเป็นเลิศ แต่พวกเรายังไม่ถึงจุดๆ นั้น ก็ได้สร้างตบะสร้างบารมีกัน ค่อยๆ สะสมจากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราพยายามรีบสร้างรีบทำ ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญตั้งแต่เริ่มคิด
ในหลักธรรมแล้วก็ดับความเกิด ดับความคิด หนุนกำลังสติปัญญาไปคิดไปเกิดแทนทำหน้าที่แทน ใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ มีความเห็นถูกแล้วก็แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา ให้รีบทำกัน รีบวิเคราะห์พิจารณากาย พิจารณาใจของตัวเรา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พระเราชีเราก็ต้องเป็นผู้ใหม่ ผู้ตื่น ผู้ใหม่คือตื่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรียกว่า ‘ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน’ ไม่ให้กิเลสมาเล่นงาน กิเลสมาเล่นงานเรามานาน เราก็พยายามมาแก้ไข กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร กิเลสมันเป็นตัวอย่างไร กิเลสก็เป็นตัวดำๆ ขาวๆ นั่งอยู่นี่แหละ อยู่ในนี้แหละไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก มันหลบอยู่ที่กลางใจของของเรานี่แหละ
ถ้าเราเจริญสติบ่อยๆ เราก็จะเห็น เดี๋ยวก็เกิดความอยาก เดี๋ยวก็เกิดความโลภ เดี๋ยวก็เกิดความยินดียินร้าย เดี๋ยวก็เกิดผลักไส เดี๋ยวก็เกิดดึงเข้ามาฟูๆ แฟบๆ ไม่ยอมเป็นกลาง เพราะว่าอะไร..เพราะว่ากิเลสมันเล่นงาน กิเลสนี่ก็สำคัญ ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องเข้มข้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่เราก็ทำความเข้าใจรู้ความจริงแล้วค่อยละ ที่เรามาวันนี้ก็ละกิเลส ถ้าเราไม่มีความเสียสละวางภาระหน้าที่การงานทางบ้าน ไม่มีศรัทธา เราก็น้อมกายเข้ามาไม่ได้ อันนี้ก็เป็นการเสียสละทางด้านวัตถุทาน ก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสให้เบาบาง
จุดมุ่งหมายของการฝึกหัดปฏิบัติที่แท้จริงก็เพื่อที่จะละกิเลสและก็คลายความหลง ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ละอกุศล เจริญกุศลหรือว่าละชั่ว ทำดีแล้วก็ทำใจให้บริสุทธิ์ แต่ส่วนมากเราก็รู้ตั้งแต่ชื่อ เวลากิเลสเกิดเราก็เอาไม่ทันสักที มันเล่นงานเสียน่วม กว่าจะระลึกได้กว่าจะจัดการได้ กว่าจะแก้ไขได้ก็ต้องใช้ความเพียร ใจเกิดความโลภก็ละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ด้วยการช่วยเหลือทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ใจเกิดความโกรธก็พยายามควบคุมดับความโกรธตั้งแต่ต้นเหตุ ตั้งแต่การเกิดที่ใจ
เราดับภายในไม่ได้ก็ไม่ให้ความโกรธทะลุพุ่งออกมาทางกาย ทางวาจา เราดับทางวาจาไม่ได้เราก็ใช้ปัญญาหลบหลีกเสียก่อนแล้วก็รู้จักให้อภัย อโหสิกรรม จิตใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกร้าวละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมให้มีให้เกิดขึ้นในใจของเรา สร้างพรหมวิหารความเมตตา แต่ละวันเราก็จะอยู่กับบุญ ทำใจให้เป็นบุญทำกายให้เป็นบุญทำวาจาให้เป็นบุญเราก็จะอยู่กับบุญ
ถ้าเราไม่รู้ใจของเราเราก็จะอยู่ด้วยความหลง แต่เราก็ว่าเราไม่หลง เพราะว่าปัญญาที่จะเข้าไปรู้ความเป็นจริงของเรายังไม่ทะลุปรุโปร่ง โดนสมมติเข้าครอบงำ แต่เราก็ไม่รู้ว่าครอบงำ เพราะว่าเรายังแยกแยะไม่ได้ว่า คำว่า ‘เป็นกองเป็นขันธ์’ ‘วิญญาณในกาย’ ‘ขันธ์ห้า’ เป็นอย่างไร การเดินปัญญาแยกรูปแยกนาม อะไรคือขันธ์ห้า อะไรคือวิญญาณ อะไรคือกองรูปอะไรคือกองนามกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
แม้แต่ความเกิดของใจคือความคิดของเรานั่นแหละ ความเกิด..ตั้งแต่เช้ามาเขาเกิดสักกี่เรื่องเขาเกิดสักกี่เที่ยว เราไม่เคยเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ส่วนมากก็มีแต่ความอำเภอใจ ตามอำเภอกิเลสโดยที่ไม่รู้ตัว เราอาจจะรู้ตัวอยู่ได้เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว การควบคุมใจก็มีเป็นบางครั้งบางคราว แต่นานๆ ที บางครั้งเกิดความทุกข์หนักๆ ถึงอยากจะสนใจในการดู ในการศึกษาก็เลยไม่ทัน เราต้องศึกษาค้นคว้าขณะที่กำลังกายยังแข็งแรง ขณะที่กำลังสติปัญญาของเรายังเข้มแข็ง รีบแก้ไขขณะยังมีกำลังยังมีลมหายใจ
ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ไม่มีอะไรมากมาย นี่ถ้าบุคคลที่มีบุญมีสติมีปัญญาก็ละทั้งบุญละทั้งบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ อยู่กับบุญใจก็จะอยู่กับบุญ ใจสะอาดใจบริสุทธิ์ใจก็จะอยู่กับบุญ จิตใจของคนเรานี่ฝึกได้ไม่ใช่ว่าฝึกไม่ได้ แต่พวกเราก็ฝึกอยู่ แต่ฝึกได้ทีละนิดทีละหน่อย ไม่ยอมฝึกให้ถึงจุดหมายปลายทางกันก็เลยแพ้อำนาจของกิเลส เราไม่ได้แพ้ เราทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วก็ค่อยละเราก็จะชนะเองนั่นแหละ
พระเราชีเราก็พยายามกันทั้งพระใหม่พระเก่า สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน อันนี้เป็นเครื่องอยู่ในการฝึกหักปฏิบัติในทางสมมติ ถ้าสมมติไม่สมบูรณ์เราก็อยู่ลำบาก ที่พักไม่มีที่อยู่ที่ถ่ายที่เยี่ยวไม่มีเราก็ลำบาก อันนี้เราก็ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาให้ไม่ให้ลำบาก เราก็ช่วยกันดูแลสร้างสรรค์ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ทำความเข้าใจกับสมมติเคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ แล้วก็อยู่เหนือสมมติ ใช้สมมติให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกัน