หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 83

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 83
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 83
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 83
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 สิงหาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง สร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้จักลักษณะของคำว่า ‘ปัจจุบัน’ ความรู้ตัวปัจจุบัน หายใจเข้าหายใจออก หายใจธรรมชาติ หายใจยาวหายใจสั้น ความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง

ส่วนการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดของเรานี้มีอยู่เดิม เขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน ใจเป็นธาตุรู้ แต่ทั้งรู้ทั้งเกิดทั้งหลงทั้งยึด ทั้งเป็นทาสกิเลส ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา เข้าไปวิเคราะห์จนใจคลายความหลงหรือว่าสัมมาทิฏฐิ-ความเห็นถูกวิปัสสนา-ความรู้แจ้งคือ ใจคลายออกจากขันธ์ห้า ใจคลายออกจากความคิด ใจหงายขึ้นมาเขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถ้าแยกตรงนี้ไม่ได้ก็อยู่ในการสร้างบารมี อยู่ในการฝักใฝ่ การสนใจการเดินทาง การสร้างตบะบารมี

แต่ละวันๆ น้อมใจของเราเข้าไปอยู่ในกองบุญกองกุศล น้อมใจของเราเข้าไปอยู่ในคุณพระรัตนตรัย ถ้าขยันขึ้นไปอีกก็พยายามหมั่นขัดเกลากิเลส ขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด

การเจริญสติ การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ใจที่สงบเป็นอย่างนี้ ใจที่สงบด้วยการข่มเอาไว้หรือว่าการรู้แจ้งเห็นจริง ใจสงบจากกิเลส ใจไม่มีกิเลส ใจสงบจากขันธ์ห้า เป็นเรื่องของตัวเราทุกคนที่จะต้องศึกษา ที่จะต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะไปหาตัวตนตัวเราที่อื่น นอกจากลงที่กายของเรา

หลายสิ่งหลายอย่างประคับประคองกว่าจะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางได้ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ ก็ค่อยทำค่อยเป็นค่อยไป บางคนบางท่านก็สร้างสมมติมาดีไม่ได้ลำบากอันนี้ก็เป็นทุนบางคนบางท่านก็เกิดมาในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฏฐิมีความเห็นถูกอยู่ในระดับของสมมติ แล้วก็น้อมกายน้อมใจของเราเข้ามา บางคนบางท่านก็กิเลสบาง บางคนบางท่านก็กิเลสหนา

เราต้องมาศึกษา มาทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้ได้ ใช้ตัวเราให้เป็น ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ก็สตินี่แหละที่เขาเรียกว่า ‘ตน’ ที่เราสร้างขึ้นมา อีกตนอีกตัวก็คือตัวใจนี่แหละที่มาสร้างภพสร้างชาติมนุษย์ขึ้นมา แล้วก็มาหลงมายึด เราก็ว่าเราไม่หลงหรอก นอกจากผู้รู้ที่เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จนใจคลายออก ชี้เหตุชี้ผลได้ในส่วนรูปในส่วนนามได้ชัดเจนถึงจะรู้ว่าเราหลง ถ้าเราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราก็จะรู้ว่าส่วนที่ผ่านนั้นเป็นแค่เพียงสติของโลกๆ ของโลกีย์ สติที่ใจยังวิ่ง ยังเกิด ยังหลงอยู่ ความหลงอันละเอียดมาก หลายชั้น หลายขั้นหลายตอนผ่านวิบากกรรมต่างๆ ลงไปได้ก็จะค่อยคลายไป

แต่ละวันตื่นขึ้นมาใจของเรามีความละอายเกรงกลัวต่อบาปหรือไม่ มีความกล้าหาญอาจหาญในการสร้างคุณงามความดี เรามีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละมีสัจจะกับตัวเรา หมั่นแก้ไขปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของเรา มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุขอยู่หลายคนก็มีความสุข

อยู่ที่วัดของเราก็รู้สึกว่าจะไม่ได้ลำบากทางสมมติเท่าไหร่ เพราะว่าการดำเนินทางด้านสมมตินี่ดำเนินมาร่วม 30 ปี ช่วงใหม่ๆ นี่ก็ลำบาก ลำบากแม้แต่ที่พัก ที่นั่ง ที่อยู่ที่อาศัย ที่กินก็ลำบากพวกเราก็พากันมาช่วยกันทำรุ่นแล้วรุ่นเล่า ยังสมมติให้สมบูรณ์แบบ สมมติสมบูรณ์แบบแล้วก็ไม่ได้ดิ้นรน ไม่ได้ดิ้นรนทางด้านสมมติ ก็มีตั้งแต่หน้าที่ที่จะเร่งทำความเพียร ทำใจของเราให้สะอาด ทำใจของเราให้บริสุทธิ์ แสวงหากำไรในกายก้อนนี้ให้เต็มเปี่ยม

พยายามนะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี พยายามทำๆ ตื่นขึ้นมาอย่าว่าไม่ทำ ตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบแก้ไขเราแก้ไขใจของเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้ การพูดการจาก็เป็นแค่เพียงสื่อความหมายสื่อภาษา ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรที่ถูกทางมันก็ยากที่จะเข้าถึง รู้จักปรับปรุงใจของเรา ใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้างก็พยายามละ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ต้องไปกังวล ไม่ต้องไปเสียดายอาลัยอาวรณ์กับกิเลสเล็กๆ น้อยๆ นี่เราพยายามชนะตัวเราแล้วก็จะชนะไปหมด

อยู่หลายคนก็ไม่มีปัญหา อยู่น้อยคนก็ไม่มีปัญหา มีอะไรก็ช่วยกัน หนักก็เอาเบาก็สู้ให้มันผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ไม่ใช่ว่าหนักก็ไม่เอาเบาก็ไม่สู้ เอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำการเจริญสติ สติก็ไม่รู้จักว่าการสร้างความรู้ตัว การสร้างสติเป็นอย่างไร การดับ การละ การวิเคราะห์ การชี้เหตุชี้ผลเป็นอย่างไร การปฏิบัติก็เลยไม่ก้าวหน้า มันก็ได้แค่ทำบุญให้ทานกับประคับประคองตัวเราให้อยู่ไปวันๆ เดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

ถ้าบุคคลมีความเพียรนี่ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับ การละ การแยก การคลาย การตามดูชี้เหตุชี้ผล ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ คำว่า ‘อัตตา-อนัตตา’ เป็นอย่างไร อัตตาเป็นอย่างไร กายหยาบใจหยาบเป็นอย่างไร มันต้องทำความเข้าใจให้หมดทุกอย่าง แล้วก็อยู่กับสมมติอย่างมีความสุข ถึงเวลาสมมติก็แตกดับก็คือหมดลมหายใจ หมดลมหายใจแล้วเราก็นู้น เพราะว่าเราได้สร้างถางทางเอาไว้ก็คือความบริสุทธิ์ของใจ การดับความเกิดของใจกายเนื้อแตกดับ ใจไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

เอาล่ะ ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง