หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 58

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 58
\พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
\พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 58
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 58
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2562

อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ได้มาทำบุญ เหล่ามนุษย์ที่มีกายเนื้อเหล่าเทวดาที่มีกายทิพย์ได้ยินข่าวได้ทราบข่าวก็พากันมา มาช่วยกัน มาช่วยกันสร้างกองบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโอกาสเปิดกาลเวลาเปิดอานิสงส์เปิด ให้เราพยายามรีบตักตวง น้อมกายน้อมใจของเราเข้าไป ถึงเราไม่ได้ กายไม่ได้เข้าไปร่วม ก็น้อมใจของเราเข้าไปอนุโมทนาสาธุ เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ

พยายามสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา หมั่นสนใจ หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสำรวจ หมั่นแก้ไขแสวงหาตัวตนของเรา คือแสวงหาใจของเรา หาให้เจอ ถ้าหาไม่เจอก็เกิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน เกิดทางกายเนื้อภพมนุษย์ก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณนี่เกิด 5 นาที 10 นาที ไม่รู้ว่ากี่เที่ยวกายเนื้อแตกดับตัวนี้แหละจะไปเกิดต่อ ตัวมันเกิดอยู่ทุกวันนี้ ตัวใจนี่แหละ

ถ้าเราสร้างกุศลเยอะ กุศลก็เป็นอุคคหนิมิตนำทางไปสู่สถานที่มีความสุข ถ้าเราสร้างอกุศลไว้เยอะ อกุศลก็เป็นเครื่องนำทางพาใจของเราไปสู่ในสถานที่ลำบาก พระพุทธองค์ท่านถึงบอกว่าให้ละอกุศล เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราให้เต็มเปี่ยม ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ก็ขอให้เกิดอยู่ในบุญในกุศล จะได้ไม่ได้ลำบาก จนกว่าใจของเราจะดับความเกิดได้หมดจด ละกิเลส ดับความเกิด กายเนื้อแตกดับไม่ต้องกลับมาเกิด

แต่วิญญาณก็ยังอยู่ อยู่ในวิหารธรรมคือความสุข พวกเราอย่างน้อยๆ ก็น้อมใจของเราเข้ามาให้อยู่ในกองบุญ มีโอกาสอะไรที่จะเป็นประโยชน์ในทางสมมติ ประโยชน์มากประโยชน์น้อยก็ให้รีบขวนขวาย ตั้งแต่ตื่นขึ้น ขวนขวายวิเคราะห์ใจของเรา ขวนขวายวิเคราะห์ภาระหน้าที่สมมติของเรา อะไรขาดตกบกพร่อง อะไรที่ยังขาดเหลืออยู่ ก็พยายามเพิ่มเสริมเติมให้เต็ม ท่านถึงบอกว่ารอบรู้ รอบรู้ในวิญญาณ รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในปัจจัยสี่ รอบรู้ในโลกธรรมโลกธรรมแปด ลาภยศสรรเสริญ สุขทุกข์นินทา เสื่อมลาภเสื่อมยศเป็นของคู่กัน

คนเราเกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ลงที่ความตาย ความเกิดมีความตายก็ต้องมี ไม่อยากตายก็ไม่ต้องเกิด ทำอย่างไรเราถึงจะดับความเกิดได้ขณะที่มีกายเนื้อ นี่แหละท่านให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจ เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วยหลงด้วยยึดด้วย เป็นทาสของกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเต็มเปี่ยม ทำอย่างไรเราถึงจะมาขัดเกลาดวงใจดวงนี้ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ เราก็มาทำความเข้าใจมาทำความเพียรนี้แหละ

ใจเกิดความโลภก็ละความโลภ ใจเกิดความโกรธก็ละความโกรธ ด้วยการให้ ด้วยการอภัยอโหสิกรรม ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเห็นแก่ตัว ละความเห็นผิด แต่ความเห็นผิดนี่มันละยากๆ ถ้ากำลังสติไม่เข้มแข็งพอ ถ้ากำลังสติไม่เข้มแข็งไม่ต่อเนื่องแล้วก็ขยันหมั่นเป็นจริงๆ นี่มันคลายยากจริงๆ ตรงนี้ คลายใจออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนาม

แต่ก็ไม่เหลือวิสัยถ้าจะเอาจริงๆ ถ้าขยันหมั่นเพียร เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหารทานไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็อิ่ม ถ้าเราเจริญสติอบรมใจ อันนี้ผิดอันนี้ถูก อันนี้ควรละ อันนี้ควรเจริญอันนี้ควรดำเนิน เจริญสติหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา ท่านถึงว่ามีสติเป็นเพื่อนใจไปที่ไหนก็มีเพื่อน หัดชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผล มองเห็นหนทางเดินนี้ อย่าไปปิดกั้นตัวเราว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาสกันหมดนั่นแหละ จะไขว่คว้าหรือไม่เท่านั้นเอง

ไม่ใช่ว่าไปพึ่งคนนู้นพึ่งคนนี้ ไปพึ่งคนนู้นพึ่งคนนี้ พึ่งสมมติเราก็พึ่งได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง ที่พึ่งที่แท้จริงก็พระรัตนตรัย แล้วก็พยายามทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมาย แล้วก็ละกิเลสให้ได้ เราละกิเลสได้ เราไม่อยากให้ใจบริสุทธิ์มันก็บริสุทธิ์ เราดับความเกิดได้ เราไม่อยากให้ใจของเรานิ่งใจของเราก็นิ่ง ให้ใจสะอาดบริสุทธิ์สงบนิ่งด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล

ยืนเดินนั่งนอนก็ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ พยายามอย่าไปปิดกั้นว่าเราไม่มีโอกาสเราไม่มีเวลาบุคคลเช่นนี้ปิดกั้นตนเอง ตายเป็นตายไม่ถึงเวลาตายก็ไม่ตาย ถ้าถึงวาระเวลาตายไม่อยากตายก็ต้องตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง ซึ่งมีอยู่ในตัวของทุกคน แต่เราไปรวมเหมากันไปหมดอย่างเดียว แต่พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จำแนกแจกแจง ในกายนี้มีอะไรบ้าง ทำหน้าที่อย่างไรบ้าง วิญญาณในกายหรือว่าตัวใจของเราเป็นลักษณะอย่างไร ใจไม่มีตัวมีตน ทำอย่างไรถึงจะเข้าถึง

วิธีการแนวทางพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงชี้เหตุชี้ผลให้พวกเราได้เดินตาม พวกเราก็เดินตามอยู่ แต่มันยังไม่ถึงจุดหมายสักที เหมือนกับขึ้นบนบ้าน ขึ้นได้ 2-3 ขั้น ก็ลงมา 2-3 ขั้น แล้วก็ลงมา ไม่ยอมขึ้นถึงตัวเรือน ปัดกวาดทำความสะอาดบนเรือนนอนอยู่บนเรือนอย่างมีความสุข จะไปจะมา จะลงมาข้างล่างก็ลงมาด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ให้กิเลสชักนำ ไม่ให้กิเลสมาบงการ เราบริหารกายใจของเราด้วยปัญญา ไม่ต้องให้วิบากกรรมมาชักนำ

กรรมอะไรควรละ กรรมอะไรควรเจริญ มีความสุขให้รีบๆ ทำ ขณะที่ยังมีกำลังยังมีลมหายใจ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ผู้รู้ท่านก็ให้สร้างบุญละบาป อยู่เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม รอวันธาตุขันธ์แตกดับ จิตใจก็เข้าสู่ความบริสุทธิ์ไม่ต้องมาดิ้นรนอีกต่อไป ขณะที่ยังมีลมหายใจก็พยายามสร้างบุญสร้างกุศล กุศลทางสมมติกุศลทางด้านวิมุตติมันเกื้อหนุนกันหมด เหมือนกันบันไดกับราวบันได ถ้ามีราวบันไดไม่มีลูกบันไดมันก็ขึ้นบนบ้านไม่ได้ ถ้ามีแต่ลูกไม่มีราวบันไดมันก็ขึ้นบนบ้านไม่ได้ ต่างก็อิงอาศัยกัน ใจกับกายก็อาศัยกันอยู่ สมมติวิมุตติก็อาศัยกันอยู่

กิเลสมันมาเป็นนายเหนือใจเรานี่สิ ตรงนี้แหละเราต้องขับมันออก เราต้องหาเหตุหาผลชี้เหตุชี้ผล ขับมันออก มันก็เอาของดีๆ นั่นแหละมาหลอกเรา มันก็เอาสิ่งดีๆ มาหลอกกิเลส เราชอบบุญมันก็เอาบุญมาหลอก ชอบการปฏิบัติ มันก็เอาการปฏิบัติมาหลอก ถ้าเราไม่เข้าใจ อันนี้คือสติที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้คือใจ อันนี้ก็คือขันธ์ห้า จับหัวขโมยได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ ถึงจะยอม รู้จักจุดปล่อยจุดวาง การเกิดเป็นทุกข์ก็ไม่เกิด การเป็นทาสกิเลสเขาก็ไม่เอา

กายของเรานี่แหละคือตำราใบใหญ่ตำราผืนใหญ่รีบตักตวง บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติเราก็ทำ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็จัดการกับมันเมื่อนั้นแหละ ทำความเข้าใจ กิเลสเกิดขึ้นที่กาย ใจเข้าไปร่วมไหม หรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ ใจปรุงแต่งต่อหรือเปล่า เราพิจารณาให้หมด

ยิ่งพระบวชใหม่ให้ขยันหมั่นเพียร อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านเราก็ใช้การไม่ได้เลย คนเราที่จะบรรลุถึงเป้าหมายได้ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ ฝักใฝ่สนใจในสิ่งที่เราแสวงหา แต่แสวงหาด้วยปัญญา อย่าแสวงหาด้วยอำนาจของความอยากที่เกิดจากกิเลส

เราต้องแจงให้ได้ อันนี้ใจ อันนี้คือสติปัญญา อันนี้คืออาการของใจ ว่าเป็นส่วนไหนกองไหนๆ กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร กิเลสตัวนี้มาหลอกเราเรารู้เท่าทันไหม ก็จะมีแต่ความสุข กิเลสมารต่างๆ ก็มาหลอกไม่ได้ ถึงหลอกก็ไม่ไปกับมัน

มารนี้มีหลายอย่าง จิตมารก็มี ใจเป็นมารก็มี ขันธมารก็มี มารจากภายนอกมารจากภายใน มันมีหลายอย่างหลายส่วน เราจงมากำจัดมารภายในของเรา กำจัดโมหะ กำจัดโทสะ โมหะความลุ่มหลงต่างๆ ออกจากใจของเรา มีได้เป็นได้ ไม่ใช่ว่าไม่มี มีได้เป็นได้ ทรัพย์สินเงินทองก็ของเราในทางสมมติ แต่ใจก็รับรู้

เราบริหารสมมติไปให้เกิดประโยชน์ เพราะว่าทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นของสมมติ แม้แต่กายของเรานี่ก็เรียกว่า ‘ก้อนสมมติ’ มีหนังห่อหุ้ม มีวิญญาณเข้ามาครอบครองมายึดมาติด ก็เป็นของเราจริงๆ นั่นแหละในทางสมมติ เวลาหมดลมหายใจแล้ว มันก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมเลยสิ ดินน้ำลมไฟ ส่วนที่เป็นดินน้ำลมไฟมันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ตัวใจนี่ที่มันจะไปต่อตราบใดที่ใจยังมีความเกิดอยู่

ท่านถึงบอกว่าถึงเกิดก็ให้เกิดอยู่ในกองบุญเอาไว้ อะไรที่จะเป็นอกุศลเราก็พยายามค่อยละค่อยขัดค่อยเกลา แต่ละวันใจของเรามีความสุขสงบได้ยาวนานหรือไม่ ใจของเรามีความกังวลอะไรเราก็รีบแก้ไข มีความอิจฉาริษยาเราก็พยายามรีบแก้ไข รีบแก้ไขตัวเรา

วันหนึ่งๆ กิเลสเล่นงานเราสักกี่เที่ยว ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงเวลานี้ แล้วก็ตั้งแต่เช้าก่อนที่จะเข้านอนเราก็สำรวจดูเช้านี้เราพลั้งเผลอให้อะไรบ้าง ใจเกิดกิเลสกี่เที่ยว ถ้ากำลังสติมีแรงกล้าขึ้นก็ย้อนเข้าไปดูอาทิตย์ที่ผ่านมา เดือนที่ผ่านมา ปีที่ผ่านมา ย้อนเข้าไปดูเรื่อยๆๆๆๆ จนไล่ลงไปข้ามภพข้ามชาตินู่น ถ้าบุคคลนี้มีอานิสงส์เพียงพอ เราพยายามดูขณะอยู่ปัจจุบันยังดูไม่เป็นยังดูไม่ทันเลย มันก็เลยห่างไกลทรัพย์ตัวนี้อยู่ แต่ก็มีอยู่ได้อยู่แต่มันไม่ได้ต่อเนื่องกัน… ตั้งใจรับพร

……………………………………


ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่พวกท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ได้ทำความเข้าใจรู้จักการเจริญ รู้จักทำให้มีให้เกิด แล้วก็รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ไปอบรมใจของเรา

แต่เวลานี้ความรู้ตัวนี่แหละมันมีอยู่เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว นานๆ ทีถึงจะเกิด ถึงจะมีความรู้ตัว แต่ในหลักธรรมแล้ว ท่านพยายามให้รู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น รู้การเคลื่อนไหวของกาย รู้ความรู้สึกของกาย ใจของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ มีสติคอยดูรู้อีกชั้นหนึ่ง แต่เวลานี้กำลังสติของเราที่จะไปดูที่จะไปอบรมใจนี้มีอยู่บ้างนิดหน่อย แต่เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เกือบไม่มี และก็ไม่มีนานๆ ทีถึงจะมีที มันก็เลยไม่ทันการ

เราต้องฝึก ใจปกติก็ให้รู้ว่าปกติ กายปกติ กายวาจาใจปกติ เราก็ทำความเข้าใจ เราละกิเลสตัวไหน เราก็รู้ เราละกิเลสตัวไหนได้ เราก็รู้ กิเลสตัวไหนยังอยู่ มันเกิดขึ้นเราก็พยายามละ พยายามแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อย่าไปปล่อยปละละเลย น้อมดูใจของเราสักนิดหนึ่ง ถ้ามีความเพียรก็ดูรู้ทุกขณะลมหายใจเข้าออกจนกว่าธาตุขันธ์จะแตกจะดับ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับหรือไม่กลับมาเกิดกัน

อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาสทุกคนมีเวลาหมดแน่ๆ ให้รีบๆ ทำ บุญสมมติว่าให้รีบทำ บุญวิมุตติก็ให้รีบทำ รีบแก้ไขเรา

เรามีโอกาสมากที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีกายเนื้ออาการครบ 32 แล้วก็มีวิญญาณ ไม่หลงไม่ลืม เขาก็หลงก็ลืมอยู่ในส่วนละเอียด แต่ในระดับของสมมติก็ขวักไขว่สนใจในการทำบุญในการให้ทาน ในการปฏิบัติ แต่เรายังเข้าไม่ถึงจุดหมายที่แท้จริง ก็พยายามประคับประคองไป ถึงเวลาก็ถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว เพราะวันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี

อะไรที่จะเป็นบุญเราก็พยายามรีบๆ รีบทำ อย่าไปว่าไม่ทำ เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ เพราะชีวิตของแต่ละคนก็เกิดมาก็เพื่อที่แสวงหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น แต่แนวทางนั้นมีมาตั้งนานแล้วแหละ แต่พวกเราก็พยายามเดินอยู่ เดินให้ถึง บางคนก็ถึงเร็ว บางคนก็ถึงช้า บางคนก็สนุกสนานอยู่กับสมมติต่างๆ เราก็ต้องพยายามเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อม ไม่เป็นบุคคลที่ประมาท พยายามดูวิเคราะห์แก้ไขเรา

หลวงพ่อก็พูดแต่เรื่องเก่าๆ ของเก่าๆ นี่แหละ อยากจะให้รู้อยากจะให้เข้าถึงเรื่องใหม่ๆ ใหญ่ๆ นั้น เราเข้าถึงต้นเหตุเสียก่อน ทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน อยากจะเล่นก็ค่อยเล่น อยากจะสนุกก็ค่อยสนุก เราต้องดูใจของเราให้ได้เสียก่อน บอกอบรมใจ ดูใจให้ได้ ใช้ใจให้เป็น ไม่ให้ใจเป็นทาสของกิเลส ตัวใจก็รวมกันกับกองกิเลสไปด้วย เราก็ต้องอบรมใจคลายใจ บุญอะไรก็สู้บุญกุศลไม่ได้สักอย่างหรอกนะ ก็พยายามเอา

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง อย่าไปบังคับลมหายใจ อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง