หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 52

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 52
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 52
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 52
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตามความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง พยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ แล้วก็พยายามทำให้ต่อเนื่องซึ่งท่านเรียกว่า ‘สติสัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ซึ่งเรียกว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ตรงนี้แหละไม่ค่อยจะทำกันให้เกิดความเคยชิน ส่วนมากก็มีแต่จะกระโดดข้าม ก็เลยผิดพลาดในการดู รู้เท่าทันใจ มีตั้งแต่ไปนึกเอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ อันนั้นปัญญาปัญญาโลกีย์ ปัญญาที่ใจยังเกิดอยู่ใจยังหลงอยู่

ใจของคนเรานี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าแล้วก็มายึดติด พระพุทธองค์ท่านจึงให้เจริญสติให้ได้ลงที่กายเสียก่อน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง เข้มแข็ง เพื่อที่จะได้เข้าไปอบรมใจ ใช้สมถะเป็นเครื่องหยุด อยู่กับลมหายใจบ้าง หรืออยู่กับคำบริกรรมบ้าง

ส่วนตบะบารมีส่วนอื่น ทุกคนก็สร้างกันมาดี ความเชื่อมั่นศรัทธาในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม แต่การลงมือปฏิบัติ ขัดเกลากิเลส อาจจะขัดเกลากิเลสได้บ้างเป็นบางช่วง บางครั้งบางคราว แต่ไม่ค่อยจะรู้แล้วก็ทำได้ต่อเนื่อง ถึงไม่ค่อยจะเกิดผลเท่าไหร่ ก็ได้แต่ทำบุญ

ทำบุญให้ทานก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าไม่ดี คนเราก็อาศัยอานิสงส์แห่งบุญเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป จนกว่าจิตใจของเราจะขัดเกลากิเลสให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ใจก็จะเป็นบุญ กายก็เป็นบุญ วาจาก็เป็นบุญ ใจก็เป็นบุญ เราก็จะอยู่กับบุญ คือความสะอาดความบริสุทธิ์ความสุข

แต่เวลานี้ใจทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งยึด ถ้าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ หาเหตุหาผล จำแนกแจกแจงได้แล้ว ก็ยากที่จะเข้าถึง ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย เราพยายามทำของยากให้เป็นของง่าย ทำของง่ายให้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเรารู้จักวิธีการแนวทาง รู้จักการขัดเกลากิเลสกิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีกันหมดทุกคน จะมีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังความทะเยอทะยานอยากของกิเลสที่มันมาบงการเรา

ท่านถึงบอกให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนในสิ่งที่ต่อสู้กับกิเลส ใจเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภด้วยการให้ ด้วยการเอาออก กำลังกายกำลังใจกำลังสติปัญญาคลายออก ใจเกิดความโกรธก็พยายามดับความโกรธ แล้วก็ให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี

เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความละอายเกรงกลัวต่อบาปหรือเปล่า เรามีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ ให้ละอายในสิ่งที่ควรละอาย เป็นบุคคลที่มีสัจจะ มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อคนอื่น แล้วก็เป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจที่เขาเรียกว่า ‘อิทธิบาทสี่’ มีความเพียร มีวิริยะ มีความอุตสาหะในสิ่งที่ปรารถนาที่จะเข้าถึง และก็ทำให้ถูกวิธีทำให้ถูกทาง ท่านไม่ให้ทำด้วยความอยาก ทั้งอยาก ทั้งหวัง ท่านให้ละความอยาก ละความหวัง ดับความเกิด หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทนทำหน้าที่แทน ทุกเรื่องในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ในชีวิตของคนเรา คือถ้าไม่ฝึกหัดปฏิบัติทำความเข้าใจให้ถูกต้อง จิตวิญญาณก็จะหลงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อยู่ในบุญกุศลที่เราสร้างขึ้นมาซึ่งเรียกว่า ‘วิบากกรรม’ ถ้าเรามาทำความเข้าใจกับวิบากกรรมให้รู้ความเป็นจริง กรรมภายใน คือก้อนกรรมร่างกายของเรา ถ้าเราจำแนกแจกแจงได้ อันนี้คือหลักของอริยสัจ หลักของความเป็นจริง อันนี้คือกองรูป อันนี้คือกองนาม รู้เห็นตามความเป็นจริง ก็จะมองเห็นทางทะลุปรุโปร่งว่าเราจะทำใจให้บริสุทธิ์ได้หรือไม่ เราจะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หรือเปล่า ก็ต้องพยายามกัน ไม่เหลือวิสัย

ยืนเดินนั่งนอน ให้เป็นแค่เพียงแค่อิริยาบถ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ในสภาวะอย่างไร อย่าปิดกั้นตัวเองว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีวาสนากันอยู่ในระดับหนึ่ง ทุกคนก็ได้ฝึกหัดปฏิบัติธรรมมากันอยู่ในระดับหนึ่งตั้งแต่เกิด มีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษา ได้รับการเล่าเรียน มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ แต่กำลังสติความรู้ตัวที่จะเข้าไปอบรมใจอาจจะมีเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว มีไม่ต่อเนื่อง มีไม่เข้มแข็ง

เราจงเป็นบุคคลที่สร้างความต่อเนื่องเข้มแข็งเด็ดขาด ไม่ให้กิเลสมาใช้การใช้งานเรา ไม่ให้กิเลสมาบงการเรา กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาอยู่มานาน เขาครอบครองมานาน กว่าจะชี้เหตุชี้ผลคลายได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศยังไม่พอ มีความรู้แจ้งเห็นจริง ใจคลายออกจากขันธ์ห้า รู้จุดเกิด จุดดับ รู้จักทำความเข้าใจเราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เราจะละได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง