หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 81

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 81
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 81
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ พระธรรมเทศนา ปี 2562 ลำดับที่ 81
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พวกท่านได้เจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักนิดแล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างเพียงแค่เจริญเพียงแค่ทำให้มีให้เกิดขึ้นตรงนี้ก็ยากอยู่นะ ไม่ใช่ว่าไม่ยาก ถ้าไม่ฝักใฝ่ไม่สนใจจริงๆ นี่ก็ยาก เพราะว่าความเคยชินเก่าๆ ความคิดเก่า ปัญญาเก่า ซึ่งเกิดจากปัญญาของโลกีย์ ปัญญาของความหลงคือการเกิด

ความเกิดนั้นมีกันทุกคน จะเกิดมากเกิดน้อย เพียงแค่ระดับของสมมติก็ยังหลงกันอยู่ ยังหลงกันอยู่ ถ้าพูดตามความเป็นจริง ถ้าไม่ได้รู้จักจำแนกแจกแจงว่าอันนี้การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจของเราเป็นอย่างนี้ จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม นั่นแหละท่านถึงเรียกว่า ‘คลายความหลง’ เพียงแค่คลายเฉยๆ ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ใจของเราก็หลงอยู่อย่างนั้นแหละ หลงเกิดหลงยินดียินร้าย เข้าไปหลงเข้าไปยึด เป็นทาสของกิเลสอีก ความโลภ ความโกรธ ความยินดี ทั้งผลักไส ทั้งดึงเข้ามา สารพัดอย่าง เขาเรียกว่า ‘ความหลงเข้าครอบงำ’

เราก็ว่าเราไม่หลง เราอาจจะว่าเราไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วถ้ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ คลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าไม่ได้ ดับความเกิดของใจไม่ได้ ยังหลงอยู่ อาจจะหลงอยู่ในบุญในกุศลอยู่ อยู่ในคุณงามความดี ละอกุศลเจริญกุศล ก็นำใจของเราเข้าไปสู่สถานที่มีความสุข

เราต้องหัดวิเคราะห์หัดทำความเข้าใจ หัดศึกษาค้นคว้า ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเรา ปฏิวัติตัวเราแล้ว ไม่มีใครเขาจะปฏิวัติให้เราได้หรอกถ้าเราไม่แก้ไขเรา จะไปศึกษาที่ไหน ไปบวชที่ไหน ปฏิบัติที่ไหนนึกว่าจะเข้าใจในธรรม ถ้าบุญบารมี ศรัทธา สติ ปัญญาของเราไม่ถูกต้อง มันก็ยากที่จะเข้าถึงความเป็นจริง

การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจการแก้ไขใจของเรา ใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างนี้ ใจของเรามีความละอาย มีความเกรงกลัวต่อบาป มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ เราเป็นคนมีความเสียสละ มีความรับผิดชอบต่อตัวเรา มีสัจจะกับตัวเองหรือเปล่า เป็นคนมีความขยันหมั่นเพียร มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม การขัดเกลากิเลสของเราก็พยายามขัดเกลาให้ได้ตลอดเวลา ใจของเราเกิดกิเลสเมื่อไหร่เราก็ดับ เราก็หยุด เราก็ละ

กิเลสก็มีหลายอย่าง กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดกิเลสทางด้านรูปธรรม ทางด้านนามธรรม ทั้งด้านโลกธรรม หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของคนเราที่จะต้องศึกษาค้นคว้า ไม่ใช่ว่าปล่อยวันเวลาทิ้ง ยิ่งพวกเราทั้งพระทั้งชีทั้งนักบวช เรามาบวชมาศึกษานึกว่าจะเข้าถึงธรรมได้เร็วได้ไว ยังนะ...ยัง

เราต้องพยายามวิเคราะห์ มาแก้ไขมาทำความเข้าใจ ใจของเรามีกิเลสเราก็พยายามละกิเลส ใจของเรามีทิฏฐิมานะ มีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยายามหมั่นขัดเกลา สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้มีให้เกิดขึ้น เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละทุกเรื่อง

เพียงแค่ระดับของสมมติของโลกธรรม เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี เราทำหน้าที่ระดับของสมมติไม่ได้ ไอ้เรื่องใจที่จะไปปล่อยไปวางถึงความสะอาดบริสุทธิ์มันก็ยากเข้าไปอีก เราพยายามหมั่นขัดมันเกลา หมั่นแก้ไข หมั่นวิเคราะห์ คลายทุกอย่างให้ออกจากใจของเราจนเหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ เหลือตั้งแต่ความสะอาด ใจไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ใจไม่เกิดเขาก็นิ่ง เราต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์ ไม่เหลือวิสัย แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น

การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับการละ การวิเคราะห์ การเจริญพรหมวิหาร การสร้างพระบารมี การเอาสติปัญญาไปใช้ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ให้มีให้เกิดขึ้น

อะไรเกิดประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกลประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน อะไรเป็นอกุศลหรือสิ่งที่ไม่ดีเราก็พยายามละ อะไรเป็นกุศลอะไรที่จะนำความสุขความเจริญมาให้เราก็พยายามทำ ให้ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคมอีก สักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่าทุกคนมีอนิจจังทุกขังอนัตตา เป็นกฎไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงของทุกคน มีอยู่ถ้าถึงเวลา

ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาเราก็รีบตักตวงสร้างกำไรในกายก้อนนี้ให้ได้ประโยชน์ให้มากๆ ก่อนที่เขาจะกลับคืนสู่สภาพเดิมคือหมดลมหายใจ ช่วงที่ยังมีกำลังอยู่ก็ให้รีบแก้ไขปรับปรุงตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนนู้นเขาสอนคนนี้เขาสอน

แนวทางคำสอนนั้นพระพุทธองค์ได้ค้นพบมาตั้งหลายร้อยหลายพันปีก็ยังเป็นความจริงอยู่ตลอด สัจธรรมก็ยังจริงอยู่ตลอด ธาตุสี่ ขันธ์ห้า เป็นอย่างไร วิญญาณในกายในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดซึ่งมีอยู่ มีมาทีหลัง

เราเจริญสติเข้าไปชี้ จำแนกแจกแจง แล้วก็ขัดเกลาเอาออกให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์เหมือนเดิม มันก็ยากถ้าไม่เอาจริงๆ จังๆ ส่วนมากก็มีตั้งแต่สะสมกิเลสเข้าทับถมดวงใจของตัวเรา

ความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง ความอยากบ้างความเกิด ใจมันเกิดนั่นแหละคือความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขามาหลงอยู่ในภพมนุษย์นี่ เกิดมานี่อยู่ในขั้นของภพมนุษย์แล้วก็ขณะมีกายก็เกิดต่อ เป็นทาสกิเลสต่อ เราต้องมาขัดมาเกลา มาชี้เหตุชี้ผล พยายามดำเนิน

แต่ละวันๆ ความเกียจคร้านมี ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน รู้จักขนขวาย ด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา จนมองทะลุปรุโปร่งว่าทรัพย์ที่ประเสริฐที่สุดคืออะไร หนทางเดินเป็นอย่างไร ก็ต้องพยายามกัน

พระเราชีเรา พระก็เยอะชีก็เยอะ มีอานิสงส์มีบุญวาสนาเคยได้ทำบุญสร้างบุญร่วมกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน อีกสักหน่อยก็ต้องพลัดพรากจากกันเพราะเป็นกฎของความเป็นจริง

เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง