หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 73

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 73
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 73
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ พระธรรมเทศนา ปี 2562 ลำดับที่ 73
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562

ตื่นขึ้นมาเราก็สำรวจกายของเรา สำรวจใจของเรา สำรวจความเป็นอยู่ของเราว่าอะไรขาดตกบกพร่อง อะไรที่จะต้องแก้ไข หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของมนุษย์เราต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนที่กำลังกายจะหมด หมดสภาพ ขณะที่ยังมีกำลังกายอยู่ เราก็เจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร อะไรคือรูป อะไรคือนาม อะไรคือสติปัญญาที่เราจะต้องสร้างขึ้นมา

ปัญญาเก่านั้นมีอยู่เดิม ปัญญาที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า ทั้งเกิดจากส่วนสมอง อันนี้เขารวมกันอยู่ เขารวมกันอยู่ ถ้าอยากจะรู้ความจริงเราก็ต้องเจริญสติขึ้นมาสำรวจกายแล้วก็สำรวจใจ แก้ไขใจของเรา ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง หลงความคิด หลงเกิด หลงเป็นทาสกิเลส ทำไมพระพุทธองค์ท่านถึงบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์

การดำเนินชีวิต การสละละกิเลส การคลายความหลงต่างๆ ถ้าเราเจริญสติให้ต่อเนื่องเข้มแข็ง มีศรัทธา มีวิริยะ มีความเพียรที่ถูกทาง เราก็จะเข้าใจในชีวิตของเรา อะไรคือจิตวิญญาณ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน กายเนื้อแตกดับจิตวิญญาณของเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร เราต้องพยายามศึกษาให้ได้ก่อนขณะที่ยังมีกำลัง ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็ส่วนมากก็จะพากันปล่อยปละละเลย

การทำบุญการให้ทานนั้นมีอยู่ ศรัทธานั้นมีอยู่ การควบคุมใจนั้นมีอยู่เป็นบางช่วงบางครั้ง แต่การชี้เหตุชี้ผล การเดินปัญญา การแยกรูปแยกนาม การทำความเข้าใจ รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณ รอบรู้ในหลักของอริยสัจ รอบรู้ในนิวรณธรรม มลทินต่างๆ ตรงนี้ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไหร่ ส่วนการทำบุญให้ทานอันนี้มีกันเต็มเปี่ยม

ก็ต้องพยายาม พยายามศึกษาชีวิตของตัวเรา เรารู้จักวิธีการแนวทางแล้วก็เร่งทำความเพียร ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น

ตั้งแต่เกิดมีการพัฒนามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดนั่นแหละ วิญญาณเร่ร่อน หลง หลงแล้วก็มาเกิดในภพมนุษย์ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างขันธ์ห้า หล่อเลี้ยงด้วยอาหารด้วยข้าวปลา เติบโตเจริญขึ้นมาเรื่อยๆ มีการพัฒนา มีการศึกษา มีการค้นคว้า ผ่านการผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ตรงนี้มีกันทุกคน แต่ในรายละเอียดนั้นความหลงยังคงครอบงำอยู่ เพราะว่าการเกิดของใจถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์

ขณะมีร่างกายก็ยังเกิดต่อ ถึงเกิดก็ให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ การเกิดทางกายเนื้อคือร่างกายของเรานี่ก็เกิดมาแล้ว ทีนี้เกิดทางจิตวิญญาณ ตัวใจนั้นก็เกิด ใจเกิดยังไม่พอ ตัวอาการของขันธ์ห้าก็มารวมกันเข้าไปอีก ก็ร่วมกัน อันนั้นหลง หลงอยู่ในกายของเรา หลงหลายชั้น ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเราไม่หลง เราอาจจะว่าถูกต้อง แต่เป็นความถูกต้องระดับของสมมติ

กุศลอกุศล หรือว่าเป็นกลางที่สมมติยังครอบงำอยู่ ถ้าไม่ศึกษาให้ละเอียดเราก็จะไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้ ถึงแม้การศึกษาให้ละเอียดถ้าไม่เข้มแข็งเต็มที่ มันก็ยากที่จะกำจัดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดได้อีก มันหลายสิ่งหลายอย่างสลับซับซ้อนอยู่ในใจของเรา

แต่การสร้างตบะสร้างบารมีนั้นทุกคนได้สร้างกันมาดี ความเสียสละ ความอดทน การให้อภัยอโหสิกรรม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความสนุกสนาน ไม่เห็นแก่กิเลส เราพยายามหมั่นขัดเกลาเอาออก

คำว่า ‘การเกิดของใจ’ ‘อัตตา อนัตตา’ ‘สมมติ วิมุตติ’ มีกันทุกคนเว้นเสียแต่เราจะวิเคราะห์ได้ รู้เท่ารู้ทันรู้กันรู้แก้ แล้วก็รู้จนใจไม่เกิด มองเห็นหนทางเดิน กายเนื้อแตกดับ ใจไม่เกิด ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน แต่เวลานี้ใจของเราเกิดตั้งกี่ครั้งกี่เที่ยว ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ขันธ์ห้าบงการใจสักกี่ครั้ง ใจเกิดกิเลสสักกี่เที่ยว มีหมดอยู่ในกายของเรา

การได้ยินได้ฟังได้อ่าน อันนั้นเป็นเพียงแค่เสี้ยว การขัดเกลากิเลสนี่ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีความเสียสละเป็นเลิศ เราก็จะได้ทรัพย์ภายใน คือความสะอาดความบริสุทธิ์ ใจไม่เกิดเขาก็นิ่ง ใจไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์

ช่วงที่ไม่มีกิเลสแล้วก็นึกว่ามันไม่มี ยิ่งเจริญสติไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่เราก็ทำความเข้าใจ กิเลสเกิดขึ้นที่กายใจส่งเสริมหรือไม่ หรือเกิดขึ้นที่ใจ เหตุจากภายนอกทำให้เกิด หรือเกิดจากภายใน หรือว่ารวมกันไปหมดต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จำแนกแจกแจงชี้เหตชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลจริงๆ เขาถึงจะยอมรับยอมวางได้ ตัวใจ

ขันธ์ห้าก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาเรียกว่า ‘ฝ่ายกุศล กับอกุศล’ แม้แต่ตัวใจก็ยังหลอกตัวเอง จะนับประสาอะไร ใจวางใจว่างแล้วก็ยังหลอกตัวเอง ใจไม่เกิดแล้วก็สติปัญญายังหลอกตัวเองอีก ว่าจะเอาอันโน้นจะเอาอันนี้ กายของเราต้องการสิ่งโน้นต้องการสิ่งนี้ สารพัดอย่าง ก็ขึ้นอยู่กับอานิสงส์บุญบารมีของแต่ละบุคคลที่จะไขว่คว้า รีบไขว่คว้าหากำไรชีวิตขณะยังมีลมหายใจ จะไปบังคับกันไม่ได้สิ่งพวกนี้

นอกจากการสร้างบุญสร้างบารมี ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว เพียงแค่สมมติภายนอกก็ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ สมมติภายนอกก็อาศัยตัวเองไม่ได้ ก็ยิ่งวิมุตติยิ่งลำบาก มันเกี่ยวเนื่องกันหมด มันต้องเข้มแข็งทุกอย่าง ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ

ชี้เหตุชี้ผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ถ้ากำลังสติมีเหตุมีผล เห็นเหตุเห็นผล ใจเขาก็ยอมรับความเป็นจริง ก่อนที่เขาจะยอมรับความเป็นจริงได้ เขาต้องรู้แจ้งเห็นจริงเสียก่อน คลายความหลง แยกรูปแยกนาม การทำความเข้าใจชี้เหตุชี้ผล แล้วก็ละกิเลส สร้างความเพียรให้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพยายามกันนะ

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ทำกันยากอยู่ ที่จะไปพัฒนา เจริญสติเข้าไปควบคุมใจอบรมใจ ไปชี้เหตุชี้ผลที่จะตามมาตรงนั้นก็เลยยาก เพียงแค่การเจริญสติตรงนี้ก็ยังลำบากอยู่ แต่การทำบุญให้ทาน ความเสียสละ การขัดเกลากิเลส อันนี้ก็มีกันเป็นบางช่วงบางครั้ง การควบคุมใจ แต่สมมติก็ยังครอบงำอยู่ ก็หลงอยู่ อยู่ในความหลงอยู่ เราก็ว่าเราไม่หลง

ใจรู้ ใจเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขาทั้งรู้ทั้งเกิดทั้งหลงทั้งยึด ถ้าเรามาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เพียงแค่การสร้างให้ต่อเนื่อง เราก็จะรู้ว่าถ้าเราทำให้ต่อเนื่องแล้ว เราก็จะรู้ว่าสติของเราที่ผ่านมานั้นไม่มีเลย มีตั้งแต่ปัญญาโลกีย์ ปัญญากิเลส

เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องก็เพื่อที่จะเข้าไปควบคุมใจของเรา ควบคุมใจของเราอยู่ในโอวาทของสติปัญญา จนวิเคราะห์ จนใจคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้าซึ่งมีอยู่ในตัวของเราทุกคน แต่เรายังเข้าไม่ถึง ยังรู้ไม่ทัน ก็เลยว่าไม่มี ก็เลยรู้ว่าเราคิด เราทำตามความคิด ทำตามอำนาจของสติปัญญาของสมมติ

มันก็อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้ว ความเกิดนี่แหละหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เพียงแค่เจริญสติเข้าไปคลายเข้าไปแยกตรงนี้ก็ยัง บางทีบางคนบางท่านก็อาจจะแยกได้เป็นบางครั้ง แต่การตามทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลทุกเรื่อง ตรงนั้นก็ไม่มีอีก กำลังสติ… การตามดู การรู้การเห็น การทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผล ตัวกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ตัวสมมติวิมุตติมีกันหมดทุกคน

การได้ยินได้ฟังได้อ่าน อันนี้ก็เป็นแค่เพียงสื่อความหมาย บุคคลที่มีสติปัญญาก็จะรีบทำ ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร เพียงแค่สมมติ การดำเนินชีวิตในระดับของสมมติ ความเป็นอยู่ปัจจัยสี่ของเราเป็นอย่างไร เราจะแสวงหาอย่างไรโดยที่ไม่เบียดเบียนตนเบียดเบียนคนอื่น

ลึกเข้าไปการละกิเลสอีก เขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ คำว่า 'กอง' เป็นส่วน กองรูป กองนาม กองวิญญาณ กองสังขาร กองกิเลส ที่ท่านว่า ‘เป็นกองเป็นขันธ์’ ถ้าท่านได้สวดมนต์ทำวัตรเช้าวัตรเย็น นั่นแหละ

ถ้าเราแยกแยะได้เราก็จะเห็นหมดเข้าใจหมด กองวิญญาณเป็นอย่างไร กองกิเลสเป็นอย่างไร ที่ท่านว่าไม่มีตัวมีตน เป็นของไม่เที่ยง เราต้องรู้ด้วย เข้าถึงด้วย ตามทำความเข้าใจให้ได้ด้วย เจริญสติเป็นเพื่อนใจ อบรมใจอยู่ตลอดเวลา ไปที่ไหนก็มีความสุข

ใจเกิดกิเลส เราก็ละกิเลส ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแสกิเลส ถ้าเราเข้าใจแล้วเขาก็ไม่เอาหรอก ใจไม่เป็นทาสของกิเลสเพราะมันเป็นทุกข์ การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสกิเลสเขาก็ไม่เอา

แต่เวลานี้กิเลสเข้าครอบงำ จนกว่าจะขัด กว่าจะเกลากว่าจะเอาออกได้ มันก็ต้องใช้ความเพียรใช้เวลา ถ้าใช้ปัญญาโลกีย์ก็ไม่เข้าใจอีก ต้องอาศัยปัญญาในหลักธรรมของพระพุทธองค์

การเจริญสติ การจำแนกแจกแจง การแยกแยะการตามดู รู้ความจริง แล้วก็ค่อยละ การเอาปัญญาไปใช้ไปบริหาร รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในปัจจัยสี่ แล้วก็ยังประโยชน์สมมติวิมุตติ เคารพสมมติวิมุตติ จนกว่าจะหมดลมหายใจ กายเนื้อแตกดับก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน การเกิดของจิตไม่มี มีตั้งแต่เข้าสู่ความสะอาดความบริสุทธิ์ แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดทั้งหลงทั้งยึด เราก็ว่าเราไม่หลงอยู่ ก็ต้องพยายาม

หลวงพ่อก็พูดสิ่งเก่านี่แหละ ของเก่านี่แหละ 20-30 ปี ก็พูดเรื่องเก่านี่แหละ แต่คนเราเข้าไม่ถึงกันเท่าไหร่ ก็ไม่มีมากอะไรถ้าคนที่จะจัดการกับตัวเราภายในกายก้อนนี้

แต่ส่วนมากก็เพียงแค่ระดับความเป็นอยู่ของสมมติก็ยังแก้ปัญหาไม่ตกตรงนั้น ทางด้านจิตใจก็ยิ่งห่างไกลไปอีก มันก็ต้องแก้ทั้งภายนอกแก้ทั้งภายในให้สมดุล ให้ทำความเข้าใจ มันถึงจะขัดเกลากิเลสของตัวเองได้หมดจด

ถ้ากายลำบาก ปฏิบัติใจก็ลำบาก ถ้าสมมติไม่ลำบากการปฏิบัติทางด้านจิตวิญญาณก็จะไปได้เร็วได้ไว ถ้าความเป็นอยู่ปัจจัยสี่ของเราลำบาก ที่พักที่อยู่อาศัยที่หลับที่นอนที่อยู่ที่กินลำบาก การปฏิบัติใจเพียงแค่ประคับประคองใจให้อยู่กับสมมติก็ลำบาก

ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ รอบรู้แล้วก็แก้ไข ทั้งสมมติทั้งวิมุตติให้มีความสุข จะมีมากก็มีความสุข มีน้อยก็มีความสุข ให้มีด้วยเหตุด้วยผล ทำด้วยเหตุด้วยผล อะไรที่เป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติระหว่างที่มีลมหายใจอยู่

อะไรที่จะเป็นบุญมากบุญน้อย แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ ได้แต่ทำบุญ ทำบุญอันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ไม่ดี การทำบุญให้ทานก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้เบาบาง นั่นก็เป็นข้าวพกเข้าห่อที่ติดตามตัวเราไป การสร้างบุญสร้างกุศลก็จะส่งผลถึงวันข้างหน้าตราบใดที่ใจยังไม่หลุดพ้น ก็จะไปส่งต่อไปยังวันข้างหน้า

วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี ภพนี้มีภพหน้ามี เราอย่าพากันประมาท ให้พยายามทำความเข้าใจ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง