หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 48 วันที่ 7 มิถุนายน 2563

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 48 วันที่ 7 มิถุนายน 2563
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 48 วันที่ 7 มิถุนายน 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 48
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 มิถุนายน 2563

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ให้พวกเราได้สร้างความรู้ตัว ได้วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง ได้ทำความเข้าใจ

เพียงแค่การเจริญ การทำให้มีให้เกิดให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ยังยากลำบากอยู่ ส่วนศรัทธา ความเชื่อความเสียสละในการทำบุญให้ทานตรงนี้มีอยู่ แต่การเจริญสติอาจจะมีเป็นบางครั้งบางช่วงบางคราว แต่ความสืบต่อความต่อเนื่อง รู้ทุกขณะลมหายใจเข้าทุกขณะลมหายใจออก ฝึกให้เกิดความเคยชิน จนรู้เท่ารู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะการเกิดการดับ รู้ลักษณะการเคลื่อนการรวมการก่อตัว

ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ในร่างกายของเราเป็นอย่างไร กองรูปเป็นอย่างไร กองนามเป็นอย่างไร กองนามมีอะไรบ้าง คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา เราเห็นการเกิดการดับเห็นการแยกการคลาย การตามทำความเข้าใจ ถึงจะเข้าถึง

ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอา ก็พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดสำรวจอยู่ตลอดเวลา อยู่หลายคนเราก็สำรวจใจของเรา อยู่คนเดียวเราก็สำรวจใจของเรา แก้ไขใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีอะไรที่จะแก้ไข

การเกิดของใจ… การส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร ที่ท่านบอกว่าหลักของอริยสัจความจริงในกายของเรามีอะไรบ้าง อันนี้เป็นกองรูป กองนาม กองวิญญาณ กองสังขาร

เราอาจจะเคยได้ยินได้ฟัง แต่เราต้องรู้ลักษณะ แยกแยะด้วยปัญญา รู้เห็นด้วยปัญญา ถึงจะรู้จักจุดปล่อยจุดวางได้ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้นั่นแหละ ส่วนมากเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ จะเอาตั้งแต่ทรัพย์อันใหญ่ มันก็เลยไม่ได้

แต่ละวันตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบของเราต่อภาระหน้าที่การงาน ในสิ่งที่เราเข้าไปใช้ชีวิตประจำวัน เรามีความขยัน เรามีความรับผิดชอบเรามีความเสียสละ หรือว่าเรามีความเห็นแก่ตัว เราก็พยายามหัดแก้ไขตัวเรา ถ้าเราแก้ไขตัวเราไม่ได้ ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเรา ส่วนการสร้างบารมี การทำบุญให้ทาน ตรงนี้มีอยู่ มีอยู่กันเป็นประจำ

วันนี้พวกชีเราก็ช่วยกันทำความสะอาดโรงครัวให้หน่อยนะ เพราะว่าจะได้จัดข้าวของที่โรงครัวโรงครัวก็เริ่มจะเสร็จแล้วแหละ เสร็จเป็นบางส่วนก็จะได้ช่วยกันทำความสะอาด ก็จะได้เก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง

มีอะไรก็ให้ช่วยกัน อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล อะไรที่ใช้การไม่ได้ก็อย่าเอาไปหมักหมม เอาออกมา ออกมา ออกมาให้หมด ยิ่งมีเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งเละ พยายามให้กะทัดรัดแล้วก็ให้เกิดประโยชน์ แล้วก็ให้ไม่ให้แน่นเกินไป ให้ดูโล่งๆโปร่งๆ เก็บให้เป็นระเบียบ เอามาใช้เฉพาะส่วนที่ใช้ ส่วนที่ไหนยังไม่ใช้ก็ให้เก็บ ส่วนมากก็ยิ่งมีเท่าไหร่ก็ยิ่งไปหมักหมม สะสม ยิ่งมากขึ้นๆๆ เราก็พยายามแก้ไขทุกจุดทุกเรื่อง

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว ห้องส้วมห้องน้ำ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน เพียงแค่ระดับของสมมติ เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดี

ส่วนทางด้านจิตใจ ถ้าเราทำสมมติไม่ได้ ยังสมมติของเราไม่ให้ลงตัว ทางด้านจิตใจมันก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เราก็ต้องให้รอบ ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ รอบรู้ในโลกธรรมแล้วก็ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ

ให้ขยันหมั่นเพียรด้วยเหตุด้วยผล เหตุผลสมมติก็ ความจริงสมมติก็มีอยู่ ความจริงวิมุตติ วิมุตติคือความหลุดพ้น ทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ตรงนี้เราอาจจะเข้ายังไม่ถึง ก็พยายามค่อยๆ เดินกัน วันนี้วันพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ไม่ถึงจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า

ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ เราก็ต้องพยายามแก้ไขเรา ทั้งภายนอกภายใน ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน อยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่คนละทิศละที่ก็มาอยู่ร่วมกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา ให้รู้จักอยู่ด้วยกันด้วยพรหมวิหาร ด้วยความเมตตาไม่ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันด้วยความอิจฉาริษยา อยู่ด้วยกันด้วยความกูดีมึงดี

ทุกคนเกิดมาก็ตายหมดนั่นแหละ ถ้าถึงวาระเวลา ถ้ายังไม่ถึงวาระเวลา ขณะที่ยังมีลมหายใจเราก็รีบแก้ไขเราเสีย ก่อนที่จะหมดลมหายใจ เพราะทุกคนเกิดมาเท่าไหร่ ไม่นานก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์

แต่เราต้องรู้ความเกิดความดับ เกิดทางกายเนื้อเราก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณนี่แหละตัวที่แก้ไขได้ยาก ถ้ากำลังสติของเรามีไม่เพียงพอก็ยากที่จะเข้าใจ ก็ยากที่จะเข้าถึง

ตั้งแต่เช้ามาใจของเราเกิดสักกี่เที่ยว ขันธ์ห้าปรุงแต่งใจสักกี่ครั้ง การส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เป็นกุศล หรือว่าอกุศล เราเคยสำรวจหรือไม่ ส่วนมากคิดก็รู้ ทำก็รู้ เขารวมกันไปทั้งก้อนอยู่ แต่เราจำแนกแจกแจงแยกแยะไม่ได้ ไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวาง มันก็วางไม่ได้ ไม่รู้ไม่เห็น มันก็เห็นแบบโลกีย์ ปัญญาโลกีย์ ซึ่งใจของเราก็ยังหลงอยู่

ความเกิดนั่นแหละ คือความหลงอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ความเกิดก็มีเกิดหลายชั้นเกิดมาในภพมนุษย์นี่ก็ชั้นหนึ่งแล้ว มีขันธ์ห้าปิดกั้นเอาไว้ ตัวใจก็เกิดอีก ขันธ์ห้าก็เกิดอีก เกิดทั้งใจทั้งขันธ์ห้าทั้งสติปัญญารวมกันไปอีก ทั้งกิเลสหยาบกิเลสละเอียดปิดกั้นเอาไว้

ถ้าเรามาเจริญสติแยกแยะเห็นชี้เหตุชี้ผลตามดู ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจ ทุกเรื่องในชีวิตเลยทีเดียว เป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่ของเราให้มันจบ จบทั้งภายใน ภายนอกเราก็ยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ เราก็จะอยู่ดีมีความสุข

เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสน ไม่ค่อยจะสนใจกัน ความต่อเนื่องเป็นอย่างไร ความสืบต่อเป็นอย่างไร คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘ความสืบต่อ ความต่อเนื่อง’ ‘ปัจจุบันธรรม’ ทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกจนเป็นอัตโนมัติได้อย่างไร ตรงนี้แหละเราต้องพยายามมีความเพียรให้อย่างเต็มเปี่ยมอย่างเต็มที่ ต้องอาศัยกาลอาศัยเวลาอาศัยความเพียรอยู่ตลอดเวลา เราถึงจะเข้าใจในชีวิตของเรา ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดนึงก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง