หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 44 วันที่ 24 พฤษภาคม 2563

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 44 วันที่ 24 พฤษภาคม 2563
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 44 วันที่ 24 พฤษภาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 44
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2563

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัว ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงแล้วหรือยัง คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ คือทุกขณะลมหายใจเข้า แล้วก็ทุกขณะลมหายใจออก

เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากรู้ธรรม อยากเห็นธรรม ความอยากก็ปิดกั้นตัวใจเอาไว้หมด ความเกิดของใจก็ปิดกั้นตัวใจเอาไว้หมด

ใจเป็นของละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่วิเคราะห์สังเกตชี้เหตุชี้ผลจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ ทั้งๆ ที่ใจก็เป็นบุญอยู่แล้ว แต่ความเกิดก็มาปิดกั้นเอาไว้ ความเกิด… เกิดทีนั้นทีนี้ ครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้ง จนเป็นความเคยชิน ความเกิดก็เลยปิดกั้นตัวใจเอาไว้ ส่วนมากก็เกิดอยู่ในคุณงามความดี เกิดอยู่ในบุญ ฝักใฝ่ในบุญ อาจจะทำมากทำน้อย อันนี้เป็นบารมีของทุกคน เป็นบารมีมาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย มีศรัทธาเชื่อมั่น เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม เชื่อในพระรัตนตรัย

แต่การวิเคราะห์ การสังเกต การเข้าถึง การรู้ความเป็นจริง เห็นเหตุเห็นผล เห็นเหตุการเกิด เห็นเหตุที่ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ทำไมใจถึงเกิดไปรวมกับความคิด กับขันธ์ห้า อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม

ที่พวกเราเคยได้ทำวัตรสวดมนต์กัน อันโน้นก็ไม่เที่ยง วิญญาณก็ไม่เที่ยง กายก็ไม่เที่ยง รูปก็ไม่เที่ยง ทำไมถึงว่าไม่เที่ยง คำว่าไม่เที่ยงนั้นคืออาการ เป็นแค่เพียงมายาไม่มีตัวมีตน แต่พวกเรามองเห็นเป็นตัวเป็นตน รวมกันเป็นทั้งก้อนแต่ก็ถูก ความจริงของสมมติ ความจริงของวิมุตติ มันมี 2 ระดับคือวิมุตติกับสมมติ สมมตินี่มีตัวมีตน แต่วิมุตตินี่การปล่อยการวาง เข้าหลักอนัตตาคือความว่างเปล่า ให้เรารู้ทั้งสองทาง ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ทั้งภาษาธรรมภาษาโลก เราต้องศึกษาให้ละเอียดซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง

ปัญญาแนวทาง ทุกคนก็ได้ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านการศึกษา ผ่านการเล่าเรียน และผ่านการสร้างบารมี อานิสงส์กันมาระดับหนึ่ง บางคนอาจจะมีเต็มเปี่ยม บางคนก็อาจจะมีพร่องอยู่ เราก็ต้องพยายามทำให้มี ให้เกิดขึ้น

แต่ละวัน ตื่นขึ้นมาสติรู้กายของเราไหม สติรู้ใจของเราหรือเปล่า เราเห็นการเกิดการดับ เราเห็นการแยกการคลาย เราตามดูอันนี้เป็นกุศลนะ อันนี้เป็นอกุศลนะ อันนี้ควรละ อันนี้ควรเจริญ ต้องเป็นบุคคลที่บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น

ที่ท่านบอกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ ตนตัวแรก คือสติที่เราสร้าง กำลังสร้างอยู่นี่แหละ ที่หลวงพ่อพูดทุกวันนี้คือสติหายใจเข้าเขาเรียกว่า ‘ปัจจุบัน’ หายใจออกก็เรียกว่า ‘ปัจจุบัน’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ลึกลงไปรู้ลมหายใจนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรู้กาย ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้อาการของใจ รู้ความปกติของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้นะ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าหงายขึ้นมาหรือว่าแยกรูปแยกนามเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิความเห็นถูก’ ความเห็นถูกเราอาจจะเห็นถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่เราต้องเห็นถูกในระดับผู้การแยกการคลายอาการ การเกิดการดับจริงๆ ถึงจะเห็นถูกในทางธรรม
เห็นถูกแล้วยังไม่พอ เราต้องตามทำความเข้าใจให้รู้เรื่อง จากการเกิด การดับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกายของเราเป็นอย่างไร วิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร ที่ท่านว่าเป็นกอง เป็นขันธ์ กองรูป กองนาม กองสังขาร กองวิญญาณกายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด

ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละเลย เราอย่าไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเราปล่อยปละละเลยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตัวใหญ่มันก็เล่นงานเราทันที บุคคลผู้รู้ ตัวน้อยๆ ก็ไม่ให้มันเกิด ตัวใหญ่ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ความโลภ ความโกรธ ความอยากต่างๆสารพัดอย่าง มันก็มาจากตัวน้อยๆ เราก็พยายามละตัวน้อยๆ ใจเกิดนั่นแหละอัตตาเกิด ก็ต้องพยายามกัน

ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็อย่าไปปล่อยปละละเลย ผิดพลาดล้มลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ปรับปรุงตัวเราใหม่ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ตราบใดที่เรายังเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อานิสงส์แห่งบุญในสิ่งที่พวกเราทำก็จะติดตามตัวของเราไป เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวของเราไป ไม่หลุดพ้นวันนี้ก็ต้องหลุดพ้น วันพรุ่งนี้ ไม่หลุดพ้นพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ไม่หลุดพ้นจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดนึงก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ

พาไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง