หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 54 วันที่ 21 มิถุนายน 2563
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 54 วันที่ 21 มิถุนายน 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 54
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 มิถุนายน 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่อ ถ้าเราบังคับลมหายใจ กายก็จะอึดอัด ถ้าเราไปเพ่ง สมองก็จะตึง ถ้าเราเอาใจไปจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก กายใจของเราก็จะตึงเครียด
เพียงแค่เราสร้างความรู้สึกรับรู้ เวลาลมหายใจเข้า ให้ชัดเจนอยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาหายใจออก รู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า 'สัมปชัญญะ’ พยามฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ จนความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง
รู้กาย ลึกลงไปแล้วก็จะรู้ใจ รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของใจ ทำไมใจเราถึงเกิด ความคิดของเรานั่นแหละซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ส่วนร่างกายของเรา เขาเรียกว่า ‘รูปธรรม’ มีรูปกับนาม กายของเราเป็นก้อนรูป ใจของเราเป็นส่วนนาม ส่วนนามนี่ก็ยังแยกออกไปอีกเป็นสี่กองสี่ขันธ์ ใจนี้เรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ ตัวใจนี้เรียกว่า ‘วิญญาณ’ เรามาสร้างความรู้ตัวให้รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ จนเจริญสติของเราไปอบรมใจของเราได้ บอกตัวเราได้ ใช้ตัวเองเป็น รู้จักแก้ไขว่าอะไรผิด อะไรถูกอะไรควรหรือไม่ควร
แต่ละวันจะบริหารกายบริหารใจอยู่ในสมมติได้อย่างไร อย่างไม่มีความทุกข์ ถึงจะมีความทุกข์ ก็รู้จักวิธีแก้ไข ใจเป็นทาสกิเลสได้อย่างไร แต่ละวันๆ ก็ต้องพยายาม อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เป็นเรื่องของเรา เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องศึกษาจิตวิญญาณของเรา มองเห็นหนทางเดินให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่เข้าใจ เราก็เพิ่มความเพียร ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
แต่ละวันจิตใจของเราเป็นกุศล หรือว่าอกุศล จิตใจของเรามีความฟุ้งซ่าน หรือว่ามีมลทินต่างๆ ก็มีกันหมดทุกคนนั่นแหละ แต่เราจะรู้เท่า รู้ทัน รู้จักหรือไม่ ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันไปผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ถ้าเราเข้าใจชีวิตของเรา ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะมีตั้งแต่ความสุข สุขระดับสมมติ สุขระดับวิมุตติ เพราะว่าความเกิด ความแก่ความตายนี่มีกันทุกคน บางคนก็มีมาก บางคนก็มีน้อย ความเจ็บความป่วย
สำหรับหลวงพ่อล่ะก็ความตายจ่ออยู่ตลอดเวลา ความตายนี้ใกล้เข้ามาเต็มที จ่ออยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว เพราะสภาพร่างกายก็มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เรื่องของเบาหวานนี้มีมาตั้งยี่สิบกว่าปี ที่ทั้งทาน ทั้งฉีดยามา บางทีก็หนักบ้าง เบาบ้าง สารพัดอย่าง ที่หลวงพ่อไม่ได้ลงทำวัตรสวดมนต์กับหมู่กับคณะ ก็ประคับประคองร่างกายเอาไว้ เพราะว่าหลังจากสิบปีมา สภาพร่างกายหลวงพ่อนี่ก็กระบังลมเป็นอัมพฤตมาร่วมสิบกว่าปีข้างนึง ใช้เสียงไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่เวลาสวดมนต์สวดพรอย่างนี้ล่ะก็การหายใจกับการทำงานของกระบังลมไม่สมดุลกัน ใจนี้ก็จะหยุดอยู่เรื่อย หลวงพ่อถึงไม่ได้ลงมาทำวัตรสวดมนต์กับหมู่กับคณะ ก็ให้หมู่คณะพากันทำพากันสวด
หลวงพ่อก็จะประคับประคองร่างกายก้อนนี้เอาไว้ เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้ทุกคนให้ได้เยอะ ให้ได้มากมายที่สุดหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งไตก็ทำงานหนัก แล้วก็ทรุด ทรุด..ทรุดมากเลยทุกวันนี้ ทรุดมาก การเยี่ยวออกมาเป็นไขมันตลอดเวลาเป็นปี๊ดๆเลยทีเดียว ทั้งไตทั้งความดัน สารพัดอย่างที่โหมโรงเข้ามา ตกกลางคืน กลางคืนนี่หลวงพ่อก็ต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจช่วย เพราะว่าหัวใจจะหยุดเวลากลางคืน เวลากลางคืน เวลาหายใจหัวใจจะหยุดเต้น คุณหมอก็เลยได้ให้เครื่องช่วยหายใจมาช่วยตอนกลางคืนมากระตุ้นเอาไว้ เพื่อจะรักษาเอาไว้ แล้วแต่วิบากกรรมเขาจะให้ถึงไหน
ขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ก็จะพยายามสร้างบุญสร้างประโยชน์ สร้างกุศล ให้กับหมู่กับคณะ กับเพื่อนกับฝูงกับสังคมให้เต็มเปี่ยม ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง เวลาที่ยังเหลืออยู่ ไม่รู้ว่าความตายนี่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เราก็ไม่ประมาท
บุญสมมติก็จะพาพี่น้องทำให้เต็มเปี่ยม การดูแลหมู่คณะบริวาร ก็จะทำให้เต็มเปี่ยม จากความไม่มี เราก็ทำให้มี ทำให้ทุกคนอยู่ดีมีความสุข ไม่ใช่ว่าการเป็นผู้นำคนนี้ก็ลำบากอยู่นะ การเป็นหลักให้เพื่อน ไม่ว่าทางโลกทางธรรม
ไม่ว่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก หรือว่าแม้กระทั่งเป็นผู้นำทางสงฆ์ ทางพระ ทางเจ้าอาวาส ถ้าความเป็นผู้นำตรงนี้ ความเสียสละไม่มี ความขยันหมั่นเพียรไม่มี ความรับผิดชอบไม่มี การกระทำไม่มี คุณสมบัติเพียงแค่สมมติ อยู่ระดับของสมมติมันไม่มีตรงนี้ ความเป็นผู้นำมันก็เป็นได้แค่เพียงในนาม หรือในกระดาษเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้นำด้วยจิตวิญญาณที่เป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ ผู้ช่วยเหลือ
ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์พิจารณา มันก็เป็นได้แค่ในนาม ไม่ได้เป็นด้วยพรหมวิหาร ด้วยความเมตตา ด้วยความเสียสละเราต้องพยายามแก้ไข ปรับปรุงตัวเรา แก้ไขไม่ได้ก็พิจารณาตัวเองทันที ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำได้ ก็ต้องพยายามไม่ว่าใคร ไม่ว่าฆราวาส ญาติโยม หรือไม่ว่าพระ ไม่ว่าชี ก็เหมือนกันหมด ถ้าเป็นพระเรามีความเกียจคร้านเราก็แย่ความขยันหมั่นเพียรไม่มี ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น มันก็หนักตัวเรา หนักตัวเราแล้วหนักคนอื่น เป็นผู้นำตัวเราไม่ได้ ก็จะเป็นผู้นำให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนฝูงได้อย่างไร
ก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา พิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลา อะไรขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ไม่ใช่ว่าการเป็นผู้นำคนแล้วก็ยิ่งลำบากยิ่งหนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วก็แก้ไขตัวเองไม่ได้ เพียงแค่ระดับสมมติมันก็ลำบากแล้ว เรื่องการขัดเกลากิเลสยิ่งหนักกว่านี้อีก กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร การดูแลการควบคุมกายเป็นอย่างไร วาจาเป็นอย่างไร ความคิดเป็นอย่างไร กิเลส มลทินต่างๆ นิวรณธรรมต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา ยิ่งลำบากเข้าไปอีก
เพียงแค่ปฏิบัติขัดเกลาระดับสมมติก็ยังลำบาก ระดับเพียงแค่สมมติ ความเป็นอยู่ ก็ยังจะเอาตัวเองไม่รอด ก็ยิ่งลำบาก ยิ่งหมู่ ยิ่งคณะอีก ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ก็ต้องพยายามแก้ไข
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 มิถุนายน 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่อ ถ้าเราบังคับลมหายใจ กายก็จะอึดอัด ถ้าเราไปเพ่ง สมองก็จะตึง ถ้าเราเอาใจไปจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก กายใจของเราก็จะตึงเครียด
เพียงแค่เราสร้างความรู้สึกรับรู้ เวลาลมหายใจเข้า ให้ชัดเจนอยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาหายใจออก รู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า 'สัมปชัญญะ’ พยามฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ จนความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง
รู้กาย ลึกลงไปแล้วก็จะรู้ใจ รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของใจ ทำไมใจเราถึงเกิด ความคิดของเรานั่นแหละซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ส่วนร่างกายของเรา เขาเรียกว่า ‘รูปธรรม’ มีรูปกับนาม กายของเราเป็นก้อนรูป ใจของเราเป็นส่วนนาม ส่วนนามนี่ก็ยังแยกออกไปอีกเป็นสี่กองสี่ขันธ์ ใจนี้เรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ ตัวใจนี้เรียกว่า ‘วิญญาณ’ เรามาสร้างความรู้ตัวให้รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ จนเจริญสติของเราไปอบรมใจของเราได้ บอกตัวเราได้ ใช้ตัวเองเป็น รู้จักแก้ไขว่าอะไรผิด อะไรถูกอะไรควรหรือไม่ควร
แต่ละวันจะบริหารกายบริหารใจอยู่ในสมมติได้อย่างไร อย่างไม่มีความทุกข์ ถึงจะมีความทุกข์ ก็รู้จักวิธีแก้ไข ใจเป็นทาสกิเลสได้อย่างไร แต่ละวันๆ ก็ต้องพยายาม อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เป็นเรื่องของเรา เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องศึกษาจิตวิญญาณของเรา มองเห็นหนทางเดินให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่เข้าใจ เราก็เพิ่มความเพียร ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
แต่ละวันจิตใจของเราเป็นกุศล หรือว่าอกุศล จิตใจของเรามีความฟุ้งซ่าน หรือว่ามีมลทินต่างๆ ก็มีกันหมดทุกคนนั่นแหละ แต่เราจะรู้เท่า รู้ทัน รู้จักหรือไม่ ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันไปผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ถ้าเราเข้าใจชีวิตของเรา ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะมีตั้งแต่ความสุข สุขระดับสมมติ สุขระดับวิมุตติ เพราะว่าความเกิด ความแก่ความตายนี่มีกันทุกคน บางคนก็มีมาก บางคนก็มีน้อย ความเจ็บความป่วย
สำหรับหลวงพ่อล่ะก็ความตายจ่ออยู่ตลอดเวลา ความตายนี้ใกล้เข้ามาเต็มที จ่ออยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว เพราะสภาพร่างกายก็มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เรื่องของเบาหวานนี้มีมาตั้งยี่สิบกว่าปี ที่ทั้งทาน ทั้งฉีดยามา บางทีก็หนักบ้าง เบาบ้าง สารพัดอย่าง ที่หลวงพ่อไม่ได้ลงทำวัตรสวดมนต์กับหมู่กับคณะ ก็ประคับประคองร่างกายเอาไว้ เพราะว่าหลังจากสิบปีมา สภาพร่างกายหลวงพ่อนี่ก็กระบังลมเป็นอัมพฤตมาร่วมสิบกว่าปีข้างนึง ใช้เสียงไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่เวลาสวดมนต์สวดพรอย่างนี้ล่ะก็การหายใจกับการทำงานของกระบังลมไม่สมดุลกัน ใจนี้ก็จะหยุดอยู่เรื่อย หลวงพ่อถึงไม่ได้ลงมาทำวัตรสวดมนต์กับหมู่กับคณะ ก็ให้หมู่คณะพากันทำพากันสวด
หลวงพ่อก็จะประคับประคองร่างกายก้อนนี้เอาไว้ เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้ทุกคนให้ได้เยอะ ให้ได้มากมายที่สุดหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งไตก็ทำงานหนัก แล้วก็ทรุด ทรุด..ทรุดมากเลยทุกวันนี้ ทรุดมาก การเยี่ยวออกมาเป็นไขมันตลอดเวลาเป็นปี๊ดๆเลยทีเดียว ทั้งไตทั้งความดัน สารพัดอย่างที่โหมโรงเข้ามา ตกกลางคืน กลางคืนนี่หลวงพ่อก็ต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจช่วย เพราะว่าหัวใจจะหยุดเวลากลางคืน เวลากลางคืน เวลาหายใจหัวใจจะหยุดเต้น คุณหมอก็เลยได้ให้เครื่องช่วยหายใจมาช่วยตอนกลางคืนมากระตุ้นเอาไว้ เพื่อจะรักษาเอาไว้ แล้วแต่วิบากกรรมเขาจะให้ถึงไหน
ขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ก็จะพยายามสร้างบุญสร้างประโยชน์ สร้างกุศล ให้กับหมู่กับคณะ กับเพื่อนกับฝูงกับสังคมให้เต็มเปี่ยม ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง เวลาที่ยังเหลืออยู่ ไม่รู้ว่าความตายนี่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เราก็ไม่ประมาท
บุญสมมติก็จะพาพี่น้องทำให้เต็มเปี่ยม การดูแลหมู่คณะบริวาร ก็จะทำให้เต็มเปี่ยม จากความไม่มี เราก็ทำให้มี ทำให้ทุกคนอยู่ดีมีความสุข ไม่ใช่ว่าการเป็นผู้นำคนนี้ก็ลำบากอยู่นะ การเป็นหลักให้เพื่อน ไม่ว่าทางโลกทางธรรม
ไม่ว่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก หรือว่าแม้กระทั่งเป็นผู้นำทางสงฆ์ ทางพระ ทางเจ้าอาวาส ถ้าความเป็นผู้นำตรงนี้ ความเสียสละไม่มี ความขยันหมั่นเพียรไม่มี ความรับผิดชอบไม่มี การกระทำไม่มี คุณสมบัติเพียงแค่สมมติ อยู่ระดับของสมมติมันไม่มีตรงนี้ ความเป็นผู้นำมันก็เป็นได้แค่เพียงในนาม หรือในกระดาษเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้นำด้วยจิตวิญญาณที่เป็นผู้ให้ ผู้เสียสละ ผู้ช่วยเหลือ
ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์พิจารณา มันก็เป็นได้แค่ในนาม ไม่ได้เป็นด้วยพรหมวิหาร ด้วยความเมตตา ด้วยความเสียสละเราต้องพยายามแก้ไข ปรับปรุงตัวเรา แก้ไขไม่ได้ก็พิจารณาตัวเองทันที ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำได้ ก็ต้องพยายามไม่ว่าใคร ไม่ว่าฆราวาส ญาติโยม หรือไม่ว่าพระ ไม่ว่าชี ก็เหมือนกันหมด ถ้าเป็นพระเรามีความเกียจคร้านเราก็แย่ความขยันหมั่นเพียรไม่มี ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น มันก็หนักตัวเรา หนักตัวเราแล้วหนักคนอื่น เป็นผู้นำตัวเราไม่ได้ ก็จะเป็นผู้นำให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนฝูงได้อย่างไร
ก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา พิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลา อะไรขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไข ไม่ใช่ว่าการเป็นผู้นำคนแล้วก็ยิ่งลำบากยิ่งหนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วก็แก้ไขตัวเองไม่ได้ เพียงแค่ระดับสมมติมันก็ลำบากแล้ว เรื่องการขัดเกลากิเลสยิ่งหนักกว่านี้อีก กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร การดูแลการควบคุมกายเป็นอย่างไร วาจาเป็นอย่างไร ความคิดเป็นอย่างไร กิเลส มลทินต่างๆ นิวรณธรรมต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา ยิ่งลำบากเข้าไปอีก
เพียงแค่ปฏิบัติขัดเกลาระดับสมมติก็ยังลำบาก ระดับเพียงแค่สมมติ ความเป็นอยู่ ก็ยังจะเอาตัวเองไม่รอด ก็ยิ่งลำบาก ยิ่งหมู่ ยิ่งคณะอีก ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ก็ต้องพยายามแก้ไข
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ