ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 58
ชื่อตอน (Title)
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 58
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
ตามความเป็นจริง ปี 2557
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนจงเจริญสติให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักพักหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ทำ เราอาจจะมีอยู่เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว เราพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถึงเราจะเอาสติปัญญาของเราไปใช้การใช้งานยังไม่คล่องแคล่ว เราก็ต้องพยายามฝึกตัวเรา
ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ถ้าเราไม่ฝึก เราไม่สร้างขึ้นมา มันก็ยากที่จะเข้าไปรู้เท่าทันใจ อบรมใจของเราได้ เพราะว่าปัญญาเก่าที่เกิดจากใจนั้น เขาเกิดมานาน กับขันธ์ห้าเขาครองกันมานาน เขาอยู่ร่วมกันมานาน กว่าที่จะเจริญสติเข้าไปอบรมเขา ไปชี้เหตุชี้ผล เราต้องทั้งบังคับทั้งอดทั้งข่ม ใช้สมถะเข้าไปบังคับ แล้วก็เจริญพรหมวิหาร ขัดเกลากิเลส สร้างความเพียรสร้างบารมี ทั้งสมมติทั้งวิมุตติควบคู่กันไปหมดทุกอย่าง
ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่การเจริญสติเข้าไปควบคุมอบรมใจ โดยที่ใจของเราไม่มีการละกิเลส ไม่มีการเสียสละ มันก็ยากที่จะปล่อยวางได้ ทุกอย่างต้องเอื้ออำนวยกันหมด เหมือนกับบันไดกับราวบันได เราจะขึ้นบนบ้าน เราก็ต้องอาศัยราวบันไดขึ้นทีละขั้นๆ ๆ ลูกบันไดนั้นก็ยังอาศัยราวบันได
การปฏิบัติจิตก็สร้างตบะบารมี สร้างบุญ สร้างอานิสงส์ ขัดเกลากิเลส สร้างความเพียร เหมือนกันหมด ถ้าถึงจุดหมายคือความสะอาดบริสุทธิ์ หมายถึงตัวเรือน ใจของเราถ้าหมดกิเลสแล้วก็ เขาก็สงบ เขาก็สะอาด เขาก็บริสุทธ์ ดับความเกิด เหมือนกันหมดทุกอย่างเลย ก็ต้องพยายามนะ
อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปิดกั้นตัวเอง มีโอกาสที่ไหนเรารีบทำ ที่กายของเรานี่แหละตั้งแต่ตื่นขึ้นมา บุญสมมติเราก็ได้ทำกันมาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทางด้านวัตถุทาน เรามีโอกาสได้ทำกันมาตั้งแต่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย แต่การเจริญสติที่จะไปอบรมใจแก้ไขตัวเรา นี่ต้องขึ้นอยู่กับที่ตัวเราคนเดียว
พยายามสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้าง ทำความเข้าใจต่อนะ
ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ถ้าเราไม่ฝึก เราไม่สร้างขึ้นมา มันก็ยากที่จะเข้าไปรู้เท่าทันใจ อบรมใจของเราได้ เพราะว่าปัญญาเก่าที่เกิดจากใจนั้น เขาเกิดมานาน กับขันธ์ห้าเขาครองกันมานาน เขาอยู่ร่วมกันมานาน กว่าที่จะเจริญสติเข้าไปอบรมเขา ไปชี้เหตุชี้ผล เราต้องทั้งบังคับทั้งอดทั้งข่ม ใช้สมถะเข้าไปบังคับ แล้วก็เจริญพรหมวิหาร ขัดเกลากิเลส สร้างความเพียรสร้างบารมี ทั้งสมมติทั้งวิมุตติควบคู่กันไปหมดทุกอย่าง
ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่การเจริญสติเข้าไปควบคุมอบรมใจ โดยที่ใจของเราไม่มีการละกิเลส ไม่มีการเสียสละ มันก็ยากที่จะปล่อยวางได้ ทุกอย่างต้องเอื้ออำนวยกันหมด เหมือนกับบันไดกับราวบันได เราจะขึ้นบนบ้าน เราก็ต้องอาศัยราวบันไดขึ้นทีละขั้นๆ ๆ ลูกบันไดนั้นก็ยังอาศัยราวบันได
การปฏิบัติจิตก็สร้างตบะบารมี สร้างบุญ สร้างอานิสงส์ ขัดเกลากิเลส สร้างความเพียร เหมือนกันหมด ถ้าถึงจุดหมายคือความสะอาดบริสุทธิ์ หมายถึงตัวเรือน ใจของเราถ้าหมดกิเลสแล้วก็ เขาก็สงบ เขาก็สะอาด เขาก็บริสุทธ์ ดับความเกิด เหมือนกันหมดทุกอย่างเลย ก็ต้องพยายามนะ
อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปิดกั้นตัวเอง มีโอกาสที่ไหนเรารีบทำ ที่กายของเรานี่แหละตั้งแต่ตื่นขึ้นมา บุญสมมติเราก็ได้ทำกันมาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทางด้านวัตถุทาน เรามีโอกาสได้ทำกันมาตั้งแต่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย แต่การเจริญสติที่จะไปอบรมใจแก้ไขตัวเรา นี่ต้องขึ้นอยู่กับที่ตัวเราคนเดียว
พยายามสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้าง ทำความเข้าใจต่อนะ