หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 150

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 150
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 150
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกจิตปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ละไม่ได้ก็ขอให้รู้จักการเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน

อยู่คนเดียวเราก็พยายามสร้างความรู้ตัว อยู่หลายคนเราก็พยายามสร้างความรู้ตัว รู้ให้เท่าทัน รู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้จักควบคุมใจจนกว่าจะรู้จักการละกิเลสออกจากใจของเรา ละกิเลส ดับความเกิด คลายความหลง ตัวคลายความหลงนี่ต้องรู้ให้ทัน รู้ให้ทันการเกิดของตัวใจกับอาการของใจ ถ้าเรารู้ตั้งแต่ต้นเหตุเขาก่อตัวอย่างไรเขาเกิดอย่างไร เขาเคลื่อนก็ไปรวมได้อย่างไร เขาถึงจะแยกออกจากกันซึ่งเรียกว่าคลาย ไม่ใช่ว่าเขาจะคลายง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะแยกง่ายๆ เราพยายามหัดรู้ให้ทันต้นเหตุ รู้ไม่ทันเริ่มใหม่ รู้จักวิเคราะห์ตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไข บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น

เข้าวัดก็ให้รู้จักวัด แสวงหาธรรมก็ให้รู้จักธรรม แสวงหาแต่ธรรมแต่ไม่รู้แสวงหาด้วยความหลง เพราะว่าการเกิดของจิตของวิญญาณนั้นมีอยู่ เขาเกิดอยู่ตลอดเวลาเขาปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา เขาปกปิดตัวเองเอาไว้ แล้วก็ขันธ์ห้าซึ่งมีกายเนื้อเป็นส่วนองค์ประกอบก็มาปรุงแต่งใจของเรา เราก็รู้อยู่คิดก็รู้ทำก็รู้ แต่การดับการแยกการคลาย การสร้างตบะบารมีการยังสมมติให้บริบูรณ์ เราต้องพิจารณาทุกเรื่องในชีวิตของเรา

ความขยันหมั่นเพียรมีเพียงพอหรือไม่ อานิสงส์บุญบารมีของเราเราได้สร้างมามากสร้างมาน้อย เราก็มาสร้างสานต่ออยู่ขณะปัจจุบัน การละกิเลสของเรามีหรือไม่ เรามีความเห็นแก่ตัวเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น หรือว่าใจของเรามีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก อยากในรูปในรสในกลิ่นในเสียง อยากมีอยากเป็น ในหลักธรรมแล้วแม้กระทั่งความว่าไม่อยากก็ยังปิดกั้นเอาไว้หมด อยากกับไม่อยากที่เกิดจากตัวใจ ความทะเยอทะยานยาก

ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติเข้าไปแยกเข้าไปคลาย เข้าไปตามทำความเข้าใจดำเนินด้วยปัญญา เป็นความต้องการของสติปัญญาทุกเรื่อง ก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เพียงแค่ระดับของสมมติก็ทำหน้าที่ของสมมติให้ดี สมมติของเราทำไมถึงขาดตกบกพร่องเราก็พยายามแก้ไข แก้ไขให้ได้ก็จะอนุเคราะห์ทางด้านสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข

ถ้าเราดำเนินชีวิตได้ถูกทางอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่บ้านก็เป็นวัดอยู่ที่ทำงานก็เป็นวัด เราก็จะได้ฟังธรรมะอยู่ตลอดเวลาขณะยังมีลมหายใจอยู่ ทำอย่างไรชีวิตของเราถึงจะมีความสุข เราก็แก้ไขกันไป ถ้าถึงวาระเวลาทุกอย่างก็ต้องวางหมดทิ้งหมดแม้แต่กายของเรา การได้ยินได้ฟังสิ่งพวกนี้ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่จำความได้นั่นแหละ เราต้องพยายามดูรู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วยแล้วก็หมดความสงสัยได้ด้วย

อยู่ที่ไหนอยู่ในสภาวะอย่างไรเราก็ต้องเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เป็นคนขยันหมั่นเพียร รู้จักแก้ไขตัวเรา มีไม่มากหรอกมีอยู่ในกายก้อนนี้แหละที่เราแบกไปโน่นแบกไปนี่ กายของเราก็เป็นภาระให้ตัวเราก็เป็นภาระให้ทุกอย่าง จนกว่าเขาจะหมดลมหายใจนั่นแหละถึงจะได้วางภาระทางด้านรูปกาย แต่จิตใจเราเขายังเกิดยังวิ่งอยู่ เราไปจัดการกับจิตใจของเรา ละกิเลสออกจากจิตใจของเราให้มันหมดจดขณะยังมีกายเนื้อยังอาศัยกายเนื้ออยู่

ถ้ากายเนื้อแตกดับแล้วเขาก็ไปสู่สภาวะของเขาตามแรงของกรรม กรรมดีกรรมชั่วก็ไปตามแรงของวิบากของกรรม ถ้าผู้รู้พิจารณาวางหมดทั้งกรรมดีกรรมชั่ว ละกรรมชั่วละอกุศลเจริญกุศลแต่ไม่ยึด ทำใจของเราให้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างปล่อยวางให้หมด ดับความเกิด มองเห็นหนทางเดินก็จะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ถึงเรายังไม่ได้ทำเราก็พยายามทำเสีย พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน อย่าไปมองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ คนเรามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละ ก็เลยพลาดโอกาสทรัพย์อันใหญ่คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น

สร้างความรู้สึกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง