หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 145
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 145
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ภาระหน้าที่ความคิดต่างๆ วางเอาไว้เสียก่อนหยุดเอาไว้เสียก่อน กระตุ้นความรู้สึกการหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจนพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง การทำให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’
อันนี้เขาเรียกว่ารู้กายรู้ลมหายใจเข้าออก รู้กายลึกลงไปก็รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติใจที่ไม่เกิด ใจที่ปรุงแต่งถ้ามีความคิดผุดขึ้นมาเขาเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า เขาก่อตัวอย่างไรใจของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ เห็นการเกิดของอาการของใจ แล้วเขาก็คลายออกจากกัน ใจก็จะโล่งโปร่งใจก็จะว่างใจก็จะเบา กายก็จะเบาเหมือนกับไม่มีกาย เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงปรากฏเปิดทางให้ รู้จักวิเคราะห์อันนี้อัตตาอันนี้อนัตตา อันนี้กองสังขารในขันธ์ห้าของเราเป็นกองใน กองแต่ละกองแต่ละกองที่เท่าพวกเราสวดเราท่องกันมาว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมมันถึงหนักพอแยกได้คลายได้ขันธ์ห้าก็เลยเบา แต่กองรูปก็ยังอยู่มีหมดมีหมดทุกอย่างเลยอยู่ในกายนี้
การเกิดของใจ ใจส่งออกไปภายนอกเขาเรียกว่า ‘สมุทัย’ สาเหตุแห่งทุกข์ ใจเขาไปหลงขันธ์ห้า หลงความคิดหลงอารมณ์ อันนี้ความหลง ถ้าไม่หลงเขาก็ไม่หลงมาก่อภพขอชาติ ถ้าไม่หลงเขาก็ไม่เกิด เรามาคลายความหลง มาทำความเข้าใจให้ถูกต้องมาละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจด แล้วก็ดับความเกิดของใจให้ไม่ให้เกิดเหลือตั้งแต่สติปัญญาไปเกิดแทนไปทำหน้าที่แทน มีได้เป็นได้ทำได้ ทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา ทำความเข้าใจกับโลกธรรม อยู่ด้วยพรหมวิหารอยู่ด้วยความเมตตา
เพราะว่าทุกคนทุกชีวิตก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ทุกชีวิตก็เดินทางเหมือนกัน จะเดินช้าหรือเดินเร็ว บางทีก็อาจจะติดขัดอยู่ตรงโน้นบ้างติดขัดอยู่ตรงนี้บ้าง บางทีก็ไปแวะอยู่ตรงโน้นแวะอยู่ตรงนี้ไม่ยอมถึงจุดหมายปลายทางเพราะว่าวิบากกรรมยังมีอยู่ วิบากกรรมยังไม่จบยังไม่คลาย ก็ตัววิญญาณนั่นแหละสั่งเองทำเองยึดเอง
เราถึงได้มาเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย มีไม่มากหรอกมีไม่มากก็อยู่ที่กายก้อนเนื้อของเรานี่แหละ แต่เราไม่ได้เจริญสติเข้าไปค้นคว้าหาเหตุหาผลทุกสิ่งทุกอย่าง ใจก็เลยเกิดอยู่อย่างนั้นแหละเกิดอยู่ในภพน้อยเกิดอยู่ในภพใหญ่ เกิดอยู่ในแต่เวลานี้เกิดอยู่ในภพของมนุษย์ที่มองด้วยตาเนื้อเห็นนี้แหละ เมื่อกายเนื้อแตกดับนั่นแหละเขาถึงจะไปสร้างภพต่อ ตราบใดที่เขายังเกิดอยู่พยายามน้อมใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ แล้วก็หมั่นสำรวจหมั่นตรวจตรา หมั่นทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ อยู่ด้วยพรหมวิหารอยู่ด้วยความเมตตาอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข มาทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องตัวของเราแท้ๆ
การไปฝึกไปศึกษาที่โน่นที่นี่ก็เพื่อที่จะฝึกศึกษาละกิเลสออกจากใจของเรา ละคลายความหลงออกจากใจของเรา ถ้าเราเข้าใจอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระเจริญ สติเข้าไปเยี่ยมพระโยมบ่อยๆ ละได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามละ จะให้มันเด็ดขาดจริงๆ ก็ต้องอาศัยความเพียรอย่างยิ่งยวด อาศัยการละกิเลสอย่างเด็ดขาดกิเลสหยาบกิเลสละเอียด แล้วก็ทำความเข้าใจ
อยู่กับสมมติไม่ผลักไสสมมติ หน้าที่ของสมมติให้ดี เพราะว่าถูกชีวิตเกิดมาก็เกี่ยวเนื่องกัน เป็นพี่เป็นน้องเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีภรรยา เพราะว่าทุกชีวิตนี่เกี่ยวเนื่องกันหมดนั่นแหละไม่เกี่ยวเนื่องกันในทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นเพื่อนเดินทาง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน อีกสักหน่อยก็ตายจากกันพลัดพรากจากกันเขาเรียกว่าความไม่เที่ยง ก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่ากฎของความเป็นจริง กฎของไตรลักษณ์มีอยู่กับทุกคนคือความไม่เที่ยงตั้งแต่เกิดมาแล้วแหละ
เอาตั้งแต่ทางด้านกายเนื้อทางด้านรูปธรรมมันก็ไม่เที่ยงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ก็แก่เฒ่าชราคร่ำคร่า ถึงเวลาก็เข้าโลงกลับคืนสู่สภาพเดิมคือดินน้ำลมไฟ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ยังจะมายึดมาเกาะมาติด มาผลักไสมานั่นอยู่ เราก็พยายามแก้ไขเอาปรับปรุงตัวเราเอา ปรับปรุงตัวเราไม่มีใครที่จะสอนให้เราได้หรอกนอกนอกจากตัวของเรา
ตัวเราสอนเราแก้ไขเรา อะไรคือสติ อะไรคือใจ อะไรคือรูป อะไรคือโลกธรรม หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังของเก่า เล่าอยู่ทุกวันเล่าไม่จบสักทีของเก่า เราต้องพยายามไปทำให้มันจบที่ใจของเรา แล้วก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่ง ถึงไม่ต่อเนื่องกันได้ตลอด ถึงเดินปัญญาแยกแยะไม่ได้ ก็ขอให้มีความรู้สึกรับรู้ รู้จักลักษณะของสติความรู้ตัวให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างกันต่อเอานะ
อันนี้เขาเรียกว่ารู้กายรู้ลมหายใจเข้าออก รู้กายลึกลงไปก็รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติใจที่ไม่เกิด ใจที่ปรุงแต่งถ้ามีความคิดผุดขึ้นมาเขาเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า เขาก่อตัวอย่างไรใจของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ เห็นการเกิดของอาการของใจ แล้วเขาก็คลายออกจากกัน ใจก็จะโล่งโปร่งใจก็จะว่างใจก็จะเบา กายก็จะเบาเหมือนกับไม่มีกาย เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงปรากฏเปิดทางให้ รู้จักวิเคราะห์อันนี้อัตตาอันนี้อนัตตา อันนี้กองสังขารในขันธ์ห้าของเราเป็นกองใน กองแต่ละกองแต่ละกองที่เท่าพวกเราสวดเราท่องกันมาว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมมันถึงหนักพอแยกได้คลายได้ขันธ์ห้าก็เลยเบา แต่กองรูปก็ยังอยู่มีหมดมีหมดทุกอย่างเลยอยู่ในกายนี้
การเกิดของใจ ใจส่งออกไปภายนอกเขาเรียกว่า ‘สมุทัย’ สาเหตุแห่งทุกข์ ใจเขาไปหลงขันธ์ห้า หลงความคิดหลงอารมณ์ อันนี้ความหลง ถ้าไม่หลงเขาก็ไม่หลงมาก่อภพขอชาติ ถ้าไม่หลงเขาก็ไม่เกิด เรามาคลายความหลง มาทำความเข้าใจให้ถูกต้องมาละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจด แล้วก็ดับความเกิดของใจให้ไม่ให้เกิดเหลือตั้งแต่สติปัญญาไปเกิดแทนไปทำหน้าที่แทน มีได้เป็นได้ทำได้ ทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา ทำความเข้าใจกับโลกธรรม อยู่ด้วยพรหมวิหารอยู่ด้วยความเมตตา
เพราะว่าทุกคนทุกชีวิตก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ทุกชีวิตก็เดินทางเหมือนกัน จะเดินช้าหรือเดินเร็ว บางทีก็อาจจะติดขัดอยู่ตรงโน้นบ้างติดขัดอยู่ตรงนี้บ้าง บางทีก็ไปแวะอยู่ตรงโน้นแวะอยู่ตรงนี้ไม่ยอมถึงจุดหมายปลายทางเพราะว่าวิบากกรรมยังมีอยู่ วิบากกรรมยังไม่จบยังไม่คลาย ก็ตัววิญญาณนั่นแหละสั่งเองทำเองยึดเอง
เราถึงได้มาเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย มีไม่มากหรอกมีไม่มากก็อยู่ที่กายก้อนเนื้อของเรานี่แหละ แต่เราไม่ได้เจริญสติเข้าไปค้นคว้าหาเหตุหาผลทุกสิ่งทุกอย่าง ใจก็เลยเกิดอยู่อย่างนั้นแหละเกิดอยู่ในภพน้อยเกิดอยู่ในภพใหญ่ เกิดอยู่ในแต่เวลานี้เกิดอยู่ในภพของมนุษย์ที่มองด้วยตาเนื้อเห็นนี้แหละ เมื่อกายเนื้อแตกดับนั่นแหละเขาถึงจะไปสร้างภพต่อ ตราบใดที่เขายังเกิดอยู่พยายามน้อมใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ แล้วก็หมั่นสำรวจหมั่นตรวจตรา หมั่นทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ อยู่ด้วยพรหมวิหารอยู่ด้วยความเมตตาอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข มาทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องตัวของเราแท้ๆ
การไปฝึกไปศึกษาที่โน่นที่นี่ก็เพื่อที่จะฝึกศึกษาละกิเลสออกจากใจของเรา ละคลายความหลงออกจากใจของเรา ถ้าเราเข้าใจอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระเจริญ สติเข้าไปเยี่ยมพระโยมบ่อยๆ ละได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามละ จะให้มันเด็ดขาดจริงๆ ก็ต้องอาศัยความเพียรอย่างยิ่งยวด อาศัยการละกิเลสอย่างเด็ดขาดกิเลสหยาบกิเลสละเอียด แล้วก็ทำความเข้าใจ
อยู่กับสมมติไม่ผลักไสสมมติ หน้าที่ของสมมติให้ดี เพราะว่าถูกชีวิตเกิดมาก็เกี่ยวเนื่องกัน เป็นพี่เป็นน้องเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีภรรยา เพราะว่าทุกชีวิตนี่เกี่ยวเนื่องกันหมดนั่นแหละไม่เกี่ยวเนื่องกันในทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นเพื่อนเดินทาง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน อีกสักหน่อยก็ตายจากกันพลัดพรากจากกันเขาเรียกว่าความไม่เที่ยง ก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่ากฎของความเป็นจริง กฎของไตรลักษณ์มีอยู่กับทุกคนคือความไม่เที่ยงตั้งแต่เกิดมาแล้วแหละ
เอาตั้งแต่ทางด้านกายเนื้อทางด้านรูปธรรมมันก็ไม่เที่ยงจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ก็แก่เฒ่าชราคร่ำคร่า ถึงเวลาก็เข้าโลงกลับคืนสู่สภาพเดิมคือดินน้ำลมไฟ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ยังจะมายึดมาเกาะมาติด มาผลักไสมานั่นอยู่ เราก็พยายามแก้ไขเอาปรับปรุงตัวเราเอา ปรับปรุงตัวเราไม่มีใครที่จะสอนให้เราได้หรอกนอกนอกจากตัวของเรา
ตัวเราสอนเราแก้ไขเรา อะไรคือสติ อะไรคือใจ อะไรคือรูป อะไรคือโลกธรรม หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังของเก่า เล่าอยู่ทุกวันเล่าไม่จบสักทีของเก่า เราต้องพยายามไปทำให้มันจบที่ใจของเรา แล้วก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่ง ถึงไม่ต่อเนื่องกันได้ตลอด ถึงเดินปัญญาแยกแยะไม่ได้ ก็ขอให้มีความรู้สึกรับรู้ รู้จักลักษณะของสติความรู้ตัวให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างกันต่อเอานะ