หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 134
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 134
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
พากันดูดีๆ พระเราก่อนที่จะขบจะฉันพิจารณาปฏิสังขาโย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ตื่นขึ้นมาก็รีบรู้กายรู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจปกติใจสงบ ส่วนมากจะรู้ตั้งแต่ใจกับอาการของใจส่งออกไปแล้วเราถึงรู้เราถึงควบคุม บางทีก็ไม่ควบคุม เราต้องคลายคลายใจออกจากความคิด ดับความเกิด สร้างกำลังใจด้วยสมถะ หนุนกำลังสติปัญญาไปพิจารณา จนจิตใจมีกำลังเป็นธรรมชาติรับรู้ ไม่ต้องกังวลรายละเอียดมันเยอะ
มีความขยันหมั่นเพียรละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน ขยันทั้งสมมติขยันทั้งการละกิเลส ขยันกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ถ้ามีแต่คนเกียจคร้านถ้ามีความเกียจคร้านเข้าครอบงำก็ครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งจนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีถ้ามีความเกียจคร้านแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เกิดประโยชน์ หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่เสียเวลาเปล่า เราต้องกำจัดความเกียจคร้านออกจากจิตจากใจของเรา
สร้างความขยันหมั่นเพียร เพียรตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเพียรการเจริญสติ เพียรการทำความเข้าใจกับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เอาการงานเป็นตัวปฏิบัติ ทำงานไปด้วยดูใจไปด้วยรับรู้ไปด้วย มีความสุขอยู่ที่ไหนก็มีความสุขอยู่ที่บ้านก็มีความสุข ถ้าเราสร้างความขยันหมั่นเพียรติดตามตัวเราตั้งแต่ตัวเล็กเล็กตั้งแต่เป็นเด็ก โตขึ้นไปก็ความขยันหมั่นเพียรติดตามตัวเป็นทวีคูณ
นั่นก็ยายชียายชีนี้ความขยันหมั่นเพียรมาตั้งแต่เป็นเด็ก ทำขนมนมเนยแจกลูกแจกหลาน หนักเอาเบาสู้ วันไหนไม่มีงานนี้จะล้มป่วยเอาเสียง่ายๆ เพราะความขยันติดเป็นนิสัย ใครแวะไปไกล้ไม่ได้ต้องใช้ปอกมะพร้าวทันที ทำขนมให้กับทุกคนได้กิน นั่นแหละความขยันติดตามตัวมา มีได้บุตรตั้งหลายคน ตั้ง 5 6 คน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมา ถึงเวลาออกบวชลูกสาวตัวเล็กๆ ยังปล่อยวางได้ออกบวชได้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็มาจากกรุงเทพนั่นแหละ มาจากกรุงเทพติดเป็นนิสัยมาจากนนทบุรี สมัยก่อนเป็นแม่ค้าขายของตื่นดึกนอนดึก เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน จนติดเป็นนิสัยความขยันหมั่นเพียร ขยันหมั่นเพียรยังไม่ ไม่พอนะประหยัดมัธยัสถ์ การประหยัดมัธยัสถ์นี่ก็ยังไม่พอ ประหยัดให้กับคนอื่น ให้กับคนอื่นทำให้กับส่วนรวมไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น ได้หมดเลยนี่แหละน่าจะเอาเป็นตัวอย่าง
พระเราก็เหมือนกันถ้าเกียจคร้านแล้วก็ใช้การไม่ได้ หาคนขยันๆ มาบวชให้หน่อยอย่าเอาคนเกียจคร้านเข้ามาบวชเสียเวลาเปล่า ถ้าคนเกียจคร้านเข้ามาบวชแล้วมันก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ต้องคนขยันๆ หมั่นเพียรแล้วก็ฉลาดอีกด้วยยิ่งดีใหญ่ ฉลาดด้วยธรรมฉลาดในทางธรรม ขี้เกียจขี้โกงก็เข้าไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน เราต้องขัดเกลาออกให้มันหมดขัดเกลากิเลสออกให้มันหมด ถ้าไม่หมดก็ไปตามกรรมตามวิบากของกรรม
ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามกำจัดความอยากออกจากใจของเรา เปลี่ยนจากความอยากเป็นความบริหารด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยปัญญา ขยันหมั่นเพียรด้วยปัญญาเข้าไปทดแทน กว่าจะคลายได้กว่าจะละได้กว่าจะดับได้ พูดง่าย พูดง่ายๆ แต่การละการขัดการเกลา เพียงแค่สติรู้ตัวก็ยังทำไม่ต่อเนื่องไม่เข้มแข็ง
ทั้งที่ใจก็อยากจะได้บุญ อยากบุญอยากได้ธรรม ตัวใจนั้นคือตัวธรรม ความอยากความเกิดก็เลยปิดกั้นเอาไว้เสีย เราต้องจำแนกแจกแจงสติปัญญากับใจให้ชัดเจน ใจกับอาการของใจให้ชัดเจน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมันจะเล่นงานที่ใจ สติปัญญานิวรณ์เข้าครอบงำทั้งด้านสติทั้งด้านปัญญา หรือว่าใจมีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราต้องจำแนกแจกแจงทั้งสติทั้งปัญญาทั้งใจทั้งขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกับหลักธรรมให้มันชัดเจนถึงจะดำเนินชีวิตได้ได้ถูกต้อง ทั้งที่ใจเป็นธรรม ใจเกิดใจวิ่งอยู่ตลอดเวลา เขายังเกิดอยู่แต่ก็เกิดในบุญ ในหลักธรรมให้สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทุกเรื่อง
ในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราต้องรู้ให้หมด ให้ใจรับรู้ให้หมดไม่ใช่ให้ใจไปหลงไปยึด สติปัญญาเราต้องสร้างขึ้นมาไปหาเหตุหาผลให้มันชัดเจนหมดจนใจรู้เห็นความเป็นจริงปล่อยวางได้นั่นแหละ อยู่ที่ไหนถึงจะมีความสุข คนทั่วไปนี่ความอยากขึ้นหน้า ความทะเยอทะยานอยาก อยากแบบปกติในการกินอยู่ขับถ่าย อันนี้ก็เป็นปกติของธรรมดาของธรรมชาติของโลกเขา ความทะเยอทะยานอยาก อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น มันปิดกั้นไว้สารพัดอย่าง เห็นแล้วก็น่าสงสารวิ่งตามความอยาก เล่นวิ่งตามความทะเยอทะยานอยาก ทะยานอยากเป็นยางเหนียว
พระเราก็ช่วยกันอย่าไปงอมืองอเท้าอย่าไปเกียจคร้าน ความเกียจคร้านเขาครอบงำคนไหนก็มันไม่ดี หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ การบวชเข้ามาฝึกต้องสร้างความขยันหมั่นเพียร ต้องตื่นตัว ใจต้องสะอาดนิ่งรับรู้อยู่ภายในตลอดเวลา แก้ไขปัญหาสร้างประโยชน์ให้ติดเป็นนิสัย
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนจงสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนหรือว่าเจริญสติ เราต้องเข้าใจความหมายของคำว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็รู้ให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าเราไปนึกไปคิดเอาว่าเป็นสติว่าเป็นปัญญา อันนั้นก็เป็นอยู่แต่เป็นปัญญาของโลกิยะของโลกๆ เขา สติปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องแล้วก็รู้จักเอาไปให้รู้เท่าทันใจ จนกว่าจะใจจะแยกจะคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน ถึงจะเข้าใจถึงจะเป็นปัญญาที่แท้จริง
ปัญญาทางโลกทางสมมตินั้นผ่านกาลผ่านเวลา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนกันมากันเต็มเปี่ยม ส่วนปัญญาในทางธรรม เราก็อาศัยปัญญาของเก่านั่นแหละแต่เราสร้างตัวใหม่สร้างความรู้ตัวขึ้นมา แล้วรู้จักเอาไปใช้จนต่อเนื่องจนรู้เท่าทันจนทำความเข้าใจได้จนกลายเป็นมหาสติคือมาก มหาสติรู้เท่าทันแก้ไขละกิเลสแล้วก็จะกลายเป็นมหาปัญญา มหาสติมหาปัญญาเอาไปจัดการกับกิเลสเอาไปละกิเลส เอาไปควบคุมใจปรับสภาพใจ ให้หาเหตุหาผลให้ใจเขารู้เห็นตามความเป็นจริงทุกเรื่อง
ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความเสียสละอย่างยิ่งยวดทุกสิ่งทุกอย่าง เราเข้าไม่ถึงตรงจุดนั้นเราก็พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี เหมือนกับเราขึ้นบันไดต้องอาศัยบันไดจากขั้นแรกถึงขั้นสุดท้ายจะเข้าถึงตัวเรือน เพียงแค่เข้าถึงตัวเรือนนั้นเพียงแค่การแยกรูปแยกนาม เพียงแค่เริ่มต้นของสัมมาทิฏฐิ คือความรู้แจ้งเห็นจริง การปัดกวาดชำระสะสางกิเลสออกจากตัวเรือนอีก ต้องจัดการอีกอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่ว่ารู้แล้วเห็นแล้วปล่อยวางได้แล้วมันไม่ใช่
เพราะว่าใจมันหลงมาตั้งนาน เพียงแค่เกิดมันก็หลง หลงเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เพียงแค่เกิดอยู่ในภพของมนุษย์นี่แหละกายเนื้อมาปิดกั้นเอาไว้ การทำบุญการให้ทาน การชำระสะสางกิเลส การบริหารดำเนินให้ถูกต้องอีก ต้องมีอีกต้องจัดการกับกิเลสอีก ให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิมคือความสะอาดของบริสุทธิ์จนเขาไม่เกิด มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
แต่เวลานี่สติก็ยังไม่ต่อเนื่อง การเกิดของจิต การเกิดของใจก็เกิดอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าสักกี่เรื่อง ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ให้รู้จากน้อยๆ ไปหามากๆ เอาออกให้มันหมด คลายออกให้มันหมดจากใจของเรา คลายกิเลสออกดับความเกิดได้ เราไม่อยากจะได้ความสะอาดเราก็ได้ความสะอาด เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ความสงบ
ถ้าเราเข้าใจในวิธีการ ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากไปฟังมากอะไรเลย หรือพูดกับตัวเราหมั่นพร่ำสอนใจของเราแก้ไขตัวใจของเรา เป็นเรื่องของเราทั้งนั้นเรื่องของเราจบ เราก็มีตั้งแต่ยังประโยชน์ต่อส่วนตนต่อส่วนรวมทุกอย่าง มีตั้งแต่ประโยชน์อานิสงส์ในระดับของสมมติ อย่าไปมองข้ามไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน ให้บุญกับใจของเราบุญกับกายของเรา ก็จะล้นออกไปสู่ภายนอกได้เองให้มันเต็มที่ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองอย่าไปปิดกั้นตัวคนอื่น
เราจงพยายามเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนให้เจริญสติ ให้ละกิเลส ให้แยกรูปแยกนาม ให้คลายขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามตามความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง ละกิเลสให้ได้ทุกอย่างก็จะเข้าสู่วิปัสสนาภูมิ วิปัสสนาญาณวิปัสสนาภูมิ ตนหนึ่งก็คือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ตนอีกตัวหนึ่งก็คือตัวใจตัววิญญาณ ต้องคลายออกจากความคิดให้ได้ ถ้าเราแยกเราคลายไม่ได้ทุกเรื่องก็มีตั้งแต่ปัญญาของโลกิยะเท่านั้นเอง แต่อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมุติก็ยังดีดีกว่าไม่ได้ทำนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่งขณะที่เรายังนั่งอยู่นี่แหละ ถึงมันว่างไม่ได้ตลอด สร้างความชัดรู้ให้ชัดเจนกัน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอา
มีความขยันหมั่นเพียรละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน ขยันทั้งสมมติขยันทั้งการละกิเลส ขยันกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ถ้ามีแต่คนเกียจคร้านถ้ามีความเกียจคร้านเข้าครอบงำก็ครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งจนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีถ้ามีความเกียจคร้านแล้วก็ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เกิดประโยชน์ หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่เสียเวลาเปล่า เราต้องกำจัดความเกียจคร้านออกจากจิตจากใจของเรา
สร้างความขยันหมั่นเพียร เพียรตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเพียรการเจริญสติ เพียรการทำความเข้าใจกับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เอาการงานเป็นตัวปฏิบัติ ทำงานไปด้วยดูใจไปด้วยรับรู้ไปด้วย มีความสุขอยู่ที่ไหนก็มีความสุขอยู่ที่บ้านก็มีความสุข ถ้าเราสร้างความขยันหมั่นเพียรติดตามตัวเราตั้งแต่ตัวเล็กเล็กตั้งแต่เป็นเด็ก โตขึ้นไปก็ความขยันหมั่นเพียรติดตามตัวเป็นทวีคูณ
นั่นก็ยายชียายชีนี้ความขยันหมั่นเพียรมาตั้งแต่เป็นเด็ก ทำขนมนมเนยแจกลูกแจกหลาน หนักเอาเบาสู้ วันไหนไม่มีงานนี้จะล้มป่วยเอาเสียง่ายๆ เพราะความขยันติดเป็นนิสัย ใครแวะไปไกล้ไม่ได้ต้องใช้ปอกมะพร้าวทันที ทำขนมให้กับทุกคนได้กิน นั่นแหละความขยันติดตามตัวมา มีได้บุตรตั้งหลายคน ตั้ง 5 6 คน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมา ถึงเวลาออกบวชลูกสาวตัวเล็กๆ ยังปล่อยวางได้ออกบวชได้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็มาจากกรุงเทพนั่นแหละ มาจากกรุงเทพติดเป็นนิสัยมาจากนนทบุรี สมัยก่อนเป็นแม่ค้าขายของตื่นดึกนอนดึก เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน จนติดเป็นนิสัยความขยันหมั่นเพียร ขยันหมั่นเพียรยังไม่ ไม่พอนะประหยัดมัธยัสถ์ การประหยัดมัธยัสถ์นี่ก็ยังไม่พอ ประหยัดให้กับคนอื่น ให้กับคนอื่นทำให้กับส่วนรวมไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น ได้หมดเลยนี่แหละน่าจะเอาเป็นตัวอย่าง
พระเราก็เหมือนกันถ้าเกียจคร้านแล้วก็ใช้การไม่ได้ หาคนขยันๆ มาบวชให้หน่อยอย่าเอาคนเกียจคร้านเข้ามาบวชเสียเวลาเปล่า ถ้าคนเกียจคร้านเข้ามาบวชแล้วมันก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ต้องคนขยันๆ หมั่นเพียรแล้วก็ฉลาดอีกด้วยยิ่งดีใหญ่ ฉลาดด้วยธรรมฉลาดในทางธรรม ขี้เกียจขี้โกงก็เข้าไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน เราต้องขัดเกลาออกให้มันหมดขัดเกลากิเลสออกให้มันหมด ถ้าไม่หมดก็ไปตามกรรมตามวิบากของกรรม
ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามกำจัดความอยากออกจากใจของเรา เปลี่ยนจากความอยากเป็นความบริหารด้วยปัญญา รับผิดชอบด้วยปัญญา ขยันหมั่นเพียรด้วยปัญญาเข้าไปทดแทน กว่าจะคลายได้กว่าจะละได้กว่าจะดับได้ พูดง่าย พูดง่ายๆ แต่การละการขัดการเกลา เพียงแค่สติรู้ตัวก็ยังทำไม่ต่อเนื่องไม่เข้มแข็ง
ทั้งที่ใจก็อยากจะได้บุญ อยากบุญอยากได้ธรรม ตัวใจนั้นคือตัวธรรม ความอยากความเกิดก็เลยปิดกั้นเอาไว้เสีย เราต้องจำแนกแจกแจงสติปัญญากับใจให้ชัดเจน ใจกับอาการของใจให้ชัดเจน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมันจะเล่นงานที่ใจ สติปัญญานิวรณ์เข้าครอบงำทั้งด้านสติทั้งด้านปัญญา หรือว่าใจมีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราต้องจำแนกแจกแจงทั้งสติทั้งปัญญาทั้งใจทั้งขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกับหลักธรรมให้มันชัดเจนถึงจะดำเนินชีวิตได้ได้ถูกต้อง ทั้งที่ใจเป็นธรรม ใจเกิดใจวิ่งอยู่ตลอดเวลา เขายังเกิดอยู่แต่ก็เกิดในบุญ ในหลักธรรมให้สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทุกเรื่อง
ในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราต้องรู้ให้หมด ให้ใจรับรู้ให้หมดไม่ใช่ให้ใจไปหลงไปยึด สติปัญญาเราต้องสร้างขึ้นมาไปหาเหตุหาผลให้มันชัดเจนหมดจนใจรู้เห็นความเป็นจริงปล่อยวางได้นั่นแหละ อยู่ที่ไหนถึงจะมีความสุข คนทั่วไปนี่ความอยากขึ้นหน้า ความทะเยอทะยานอยาก อยากแบบปกติในการกินอยู่ขับถ่าย อันนี้ก็เป็นปกติของธรรมดาของธรรมชาติของโลกเขา ความทะเยอทะยานอยาก อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น มันปิดกั้นไว้สารพัดอย่าง เห็นแล้วก็น่าสงสารวิ่งตามความอยาก เล่นวิ่งตามความทะเยอทะยานอยาก ทะยานอยากเป็นยางเหนียว
พระเราก็ช่วยกันอย่าไปงอมืองอเท้าอย่าไปเกียจคร้าน ความเกียจคร้านเขาครอบงำคนไหนก็มันไม่ดี หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ การบวชเข้ามาฝึกต้องสร้างความขยันหมั่นเพียร ต้องตื่นตัว ใจต้องสะอาดนิ่งรับรู้อยู่ภายในตลอดเวลา แก้ไขปัญหาสร้างประโยชน์ให้ติดเป็นนิสัย
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนจงสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนหรือว่าเจริญสติ เราต้องเข้าใจความหมายของคำว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็รู้ให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าเราไปนึกไปคิดเอาว่าเป็นสติว่าเป็นปัญญา อันนั้นก็เป็นอยู่แต่เป็นปัญญาของโลกิยะของโลกๆ เขา สติปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องแล้วก็รู้จักเอาไปให้รู้เท่าทันใจ จนกว่าจะใจจะแยกจะคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน ถึงจะเข้าใจถึงจะเป็นปัญญาที่แท้จริง
ปัญญาทางโลกทางสมมตินั้นผ่านกาลผ่านเวลา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนกันมากันเต็มเปี่ยม ส่วนปัญญาในทางธรรม เราก็อาศัยปัญญาของเก่านั่นแหละแต่เราสร้างตัวใหม่สร้างความรู้ตัวขึ้นมา แล้วรู้จักเอาไปใช้จนต่อเนื่องจนรู้เท่าทันจนทำความเข้าใจได้จนกลายเป็นมหาสติคือมาก มหาสติรู้เท่าทันแก้ไขละกิเลสแล้วก็จะกลายเป็นมหาปัญญา มหาสติมหาปัญญาเอาไปจัดการกับกิเลสเอาไปละกิเลส เอาไปควบคุมใจปรับสภาพใจ ให้หาเหตุหาผลให้ใจเขารู้เห็นตามความเป็นจริงทุกเรื่อง
ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความเสียสละอย่างยิ่งยวดทุกสิ่งทุกอย่าง เราเข้าไม่ถึงตรงจุดนั้นเราก็พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี เหมือนกับเราขึ้นบันไดต้องอาศัยบันไดจากขั้นแรกถึงขั้นสุดท้ายจะเข้าถึงตัวเรือน เพียงแค่เข้าถึงตัวเรือนนั้นเพียงแค่การแยกรูปแยกนาม เพียงแค่เริ่มต้นของสัมมาทิฏฐิ คือความรู้แจ้งเห็นจริง การปัดกวาดชำระสะสางกิเลสออกจากตัวเรือนอีก ต้องจัดการอีกอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่ว่ารู้แล้วเห็นแล้วปล่อยวางได้แล้วมันไม่ใช่
เพราะว่าใจมันหลงมาตั้งนาน เพียงแค่เกิดมันก็หลง หลงเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เพียงแค่เกิดอยู่ในภพของมนุษย์นี่แหละกายเนื้อมาปิดกั้นเอาไว้ การทำบุญการให้ทาน การชำระสะสางกิเลส การบริหารดำเนินให้ถูกต้องอีก ต้องมีอีกต้องจัดการกับกิเลสอีก ให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิมคือความสะอาดของบริสุทธิ์จนเขาไม่เกิด มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
แต่เวลานี่สติก็ยังไม่ต่อเนื่อง การเกิดของจิต การเกิดของใจก็เกิดอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าสักกี่เรื่อง ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ให้รู้จากน้อยๆ ไปหามากๆ เอาออกให้มันหมด คลายออกให้มันหมดจากใจของเรา คลายกิเลสออกดับความเกิดได้ เราไม่อยากจะได้ความสะอาดเราก็ได้ความสะอาด เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ความสงบ
ถ้าเราเข้าใจในวิธีการ ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากไปฟังมากอะไรเลย หรือพูดกับตัวเราหมั่นพร่ำสอนใจของเราแก้ไขตัวใจของเรา เป็นเรื่องของเราทั้งนั้นเรื่องของเราจบ เราก็มีตั้งแต่ยังประโยชน์ต่อส่วนตนต่อส่วนรวมทุกอย่าง มีตั้งแต่ประโยชน์อานิสงส์ในระดับของสมมติ อย่าไปมองข้ามไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน ให้บุญกับใจของเราบุญกับกายของเรา ก็จะล้นออกไปสู่ภายนอกได้เองให้มันเต็มที่ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองอย่าไปปิดกั้นตัวคนอื่น
เราจงพยายามเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนให้เจริญสติ ให้ละกิเลส ให้แยกรูปแยกนาม ให้คลายขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามตามความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง ละกิเลสให้ได้ทุกอย่างก็จะเข้าสู่วิปัสสนาภูมิ วิปัสสนาญาณวิปัสสนาภูมิ ตนหนึ่งก็คือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ตนอีกตัวหนึ่งก็คือตัวใจตัววิญญาณ ต้องคลายออกจากความคิดให้ได้ ถ้าเราแยกเราคลายไม่ได้ทุกเรื่องก็มีตั้งแต่ปัญญาของโลกิยะเท่านั้นเอง แต่อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมุติก็ยังดีดีกว่าไม่ได้ทำนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่งขณะที่เรายังนั่งอยู่นี่แหละ ถึงมันว่างไม่ได้ตลอด สร้างความชัดรู้ให้ชัดเจนกัน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอา