หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 115

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 115
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 115
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวรู้กายรู้ใจของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ส่วนมากก็รู้อยู่ รู้อยู่เป็นบางช่วงรู้อยู่เป็นบางครั้ง ควบคุมใจได้เป็นบางเรื่อง เราต้องพยายามให้รู้ทุกเรื่องจนรู้ความเป็นจริง จนใจของเราคลายออกจากความหลงซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ แล้วก็หยุดความเกิดของใจของเราให้ได้ ใจของเรายังเกิดอยู่ ตัวใจหรือว่าตัววิญญาณอยู่ในร่างกายของเราเขาปรุงแต่ง นั่นแหละคือการเกิด การปรุงการแต่ง การคิดสารพัดเรื่องที่เขาคิด

เราต้องมาเจริญสติมาสร้างความรู้ตัวตัวใหม่ให้ต่อเนื่อง เราก็รู้จักควบคุมจิตควบคุมใจหรือว่าควบคุมวิญญาณของเราให้อยู่ในความสงบ ควบคุมอยู่ในความสงบให้เขาช้าลง แล้วก็สังเกตเวลาเขาเกิด เขาก่อตัว แล้วก็อาการของขันธ์ห้าความคิดซึ่งมาปรุงแต่งใจของเราซึ่งมีอยู่กันทุกคน ความคิดแทรกเข้ามาได้อย่างไร ตัวใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมอีก ถ้าเรารู้เท่าทันตรงนั้นใจของเราก็จะคลายออก ใจของเราก็จะพลิกเขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’​ ใจก็จะหงายขึ้นมา ใจก็จะว่าง​โล่งโปร่งกายก็จะเบาทั้งที่กายก็สมมติก็มีอยู่

เราก็จะตามดูเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้าของเรา เป็นเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเป็นกุศลหรือว่าอกุศล นี่แหละความลงตรงนี้แหละ นี่แหละคือวิบากกรรมตรงนี้แหล่ะ มาปรุงแต่งใจของเรา ทำให้ใจของเราวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร แล้วก็มาดับความเกิดที่ตัวใจอีก เราดับได้เร็วได้ไวก็จะสั้นลงๆ แต่เวลานี้เขาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เขามาเกิดเข้ามาสร้างภพของมนุษย์มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มอยู่ ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปแยกแยะกายเนื้อกับตัววิญญาณให้ชัดเจน แล้วก็ดับกิเลสละกิเลสที่ตัววิญญาณตัวใจของเรา ดับความทะเยอทะยานอยาก ดับการปรุงแต่งดับการเกิดให้มันหมดจด

ตัวใจตัววิญญาณมันเกิดอยู่ตลอดเวลา ทั้งเกิดด้วยหลงด้วยยึดด้วย กว่าเราจะมาเจริญสติเข้าไปคลายหาเหตุหาผลให้เขาเห็นตามความเป็นจริงให้เขายอมรับความเป็นจริง เราก็ต้องใช้ตบะใช้บารมีอย่างยิ่งยวด ใจของเราเกิดความอยากเราก็ละความอยาก เกิดความโลภ เราก็ละความโลภ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ทุกคนก็มีอานิสงส์ทุกคนก็มีบุญ ทุกดวงวิญญาณปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ แต่บางทีก็เดินหลงทางเดินผิด เราก็แก้ไขใหม่ผิดพลาดแก้ไขใหม่ จะไปปล่อยโอกาสทิ้ง

จงโทษตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ทำหน้าที่ของเราให้ดี แม้ตั้งแต่สมมติภาระหน้าที่ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวเราก็ต้องพยายามยังประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน อายุผ่านการศึกษาผ่านการเล่าเรียนผ่านกาลผ่านเวลา นั่นแหละคือตัวหลักของการปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดีอยู่ในระดับของสมมติ

แต่ลึกๆ ลงไปกายของเรานี่แหละซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์​ เป็นกองเป็นขันธ์ได้อย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมันเป็นลักษณะอย่างไร ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร เราต้องมาสร้างขึ้นมา มาทำความเข้าใจมาศึกษาให้ละเอียด สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกันไม่เดินถึงช้าก็ต้องเดินถึงเร็ว ก็ต้องพยายามทำอยู่คนเดียวแล้วก็รู้กาย รู้กาย​รู้ใจรู้ภาระหน้าที่การงานของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดียังสมมติให้ดีเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ คือกายสมมติเราก็ไม่ได้ลำบากก็ส่งผลถึงสภาวะใจ ไม่ได้ดิ้นรนเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกันเป็นลูกโซ่อยู่

เหมือนกับเราขึ้นตัวเรือนเราก็ต้องอาศัยบันได พอถึงตัวเรือนการการขึ้นการลงเราก็ยังอาศัยบันได การประพฤติวัตรปฏิบัติขัดเกลากิเลสเพื่อจะให้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ เราก็อาศัยบุญบารมีตบะบารมี ความอดทนอดกลั้น ความเสียสละ ความกตัญญู สัจจะความเพียรต่างๆ แล้วก็ปัญญาที่จะเข้าไปทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง เราต้องพยายามดูรู้ให้ถึงเหตุถึงผล รู้ตั้งแต่ต้นเหตุ

พระพุทธองค์ท่านชี้ลงเข้าไปหาเหตุ เหตุของการเกิด การเกิดของวิญญาณการเกิดของขันธ์ห้า ซึ่งเขามีอยู่เดิมเขาหลงมาตั้งนาน เราต้องมาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เรารู้ไม่ทันเราแยกไม่ได้เราก็ใช้สมถะเข้าไปควบคุมใจก็จะช้าลง คนทั่วไปมีตั้งแต่หากิเลสเข้ามาปกปิดดวงวิญญาณของตัวเราตัวเองเอาไว้มากขึ้นๆ เหมือนกับดินพอกหางหมู เราก็ต้องพยายามขัดเกลา ขัดเกลาที่นั่นขัดเกลาทีนี่ใจของเราก็จะสงบนิ่งขึ้นสะอาดขึ้นจนเรามองเห็นความเป็นจริง

ถ้าใจของเรารู้เห็นความเป็นจริงแล้วการเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา อย่าให้คนอื่นได้บังคับ เราต้องบังคับตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็เพิ่มความสมัครสมานสามัคคี มีพรหมวิหารมองโลกในทางที่ดี อย่าไปอคติ อย่าไปเพ่งโทษซึ่งกันและกัน เรามาแก้ไขตัวเราเป็นหลัก สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายกัน

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง