หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 095
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 095
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกคนมีบุญ ทุกคนมีศรัทธา มีศรัทธามีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย
การได้ยินได้ฟังการได้อ่านการได้ศึกษาค้นคว้าทุกคนผ่านตรงนี้กันมา แต่การลงมือกัน สร้างความรู้ตัว การวิเคราะห์การสำรวจใจของเรา การสำรวจชีวิตของเราไม่พากันทำให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้ธรรมอยากจะได้ธรรม อยากจะดับทุกข์อยากจะหลุดพ้น ความอยากที่เกิดจากใจปิดกั้นเอาไว้หมด ความอยากที่เกิดจากใจนั่นแหละคือความหลงเลยทีเดียวหลงความเกิด เกิดในภพน้อยภพใหญ่ เกิดในภพโน้นภพนี้ เกิดในภพมนุษย์ ความหลงความอยากก็เลยปิดกั้นเอาไว้
ในหลักธรรมแล้วท่านให้รู้จักการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ใจของตัวเรา ถ้าวิเคราะห์ไม่ทันก็รู้จักระงับยับยั้งรู้จักดับก็เรียกว่า ‘สมถะ’ เน้นลงดูที่กายของเรา แสวงหาความเป็นจริงนอกกายหาไม่เจอ ต้องหาที่กายของเราอย่างเดียวกายของเรา หาอยู่ที่ส่วนรูปส่วนนาม เน้นสติลงที่กายเน้นสติลงที่รูป เน้นสติสร้างความรู้ตัว แต่วิธีอุบายของหลวงพ่อที่ชี้แนะแนวทางจะให้รู้ลมหายใจซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’
พยายามฝึกพยามหัดสังเกตให้เกิดความเคยชิน มีสติรู้กายอยู่ปัจจุบันรู้กายให้ต่อเนื่อง ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของความคิดของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจ เป็นเรื่องสำคัญของทุกคน จะทำให้กันก็ไม่ได้ต้องทำเอา การได้ยินได้ฟังได้อ่านก็เพียงแค่แนวทางเท่านั้นเอง เราพยายามหัดวิเคราะห์หัดสำรวจใจสำรวจกายของเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรแต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเราสงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่หลงความคิดหลงอารมณ์เข้าไปรวมจนเป็นส่วนเดียวกันเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจเป็นอย่างไร อะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล ที่พระพุทธองค์ท่านสอน
ความหมายเราต้องพยายามเข้าถึงความหมาย แล้วก็ตามดูรู้เห็นอยู่ในกายของเรานี่แหละ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เรื่องอะไรที่ส่งออกไป เหตุจากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิดหรือว่าเกิดจากภายใน เกิดจากอาการของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจของเรา มีกันทุกคน ความคิดเกิดๆ ดับๆ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อย บางทีก็เป็นกุศลบางทีก็เป็นอกุศล วิญญาณในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรานี่เป็นลักษณะอย่างไร วิญญาณของเรานี่เป็นธาตุรู้ แต่เขายังหลงเขาถึงเกิด แล้วก็เป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส
ถ้ากำลังสติปัญญาไม่แหลมคม หาเหตุหาผล ตามดูตามรู้ตามเห็น หมั่นพร่ำสอนเขาให้ใจให้วิญญาณของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ยากที่เขาจะคลายแต่ก็พยายามอย่าไปเกียจคร้าน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร เราก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์หัดสังเกต หัดขัดเกลาตัวเราหัดชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความจริงสัจธรรมมีอยู่ เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะเจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผลรู้เหตุรู้ผลตามคำสอนของพระพุทธองค์หรือไม่เท่านั้นเอง อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง อย่าไปโทษคนโน้นโทษคนนี้ จงโทษตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ธรรมะก็อยู่ที่เรา อะไรคือรูปอะไรคือนาม อะไรคือโลกธรรม กายของเราทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ไม่ใช่อยากว่าจะไปเที่ยวแสวงหาธรรมที่โน่นแสวงหาธรรมที่นี่ หาไม่เจอหรอกหาภายนอกนั้น หาที่กายที่ใจของเรา หยุดนิ่ง สังเกตวิเคราะห์ สำรวจทำความเข้าใจ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรทำ ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เรารู้จักวิธีเรารู้จักแนวทางแล้วเราก็พยายามพากันทำ
กิเลสใจของเราเกิดกิเลส กิเลสหยาบความโลภความโกรธมันเป็นลักษณะอย่างนี้ การละการทำสิ่งตรงกันข้ามเป็นลักษณะอย่างนี้ ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วตามทำความเข้าใจได้แล้ว ใจรู้เห็นตามความเป็นจริงเขาก็จะปล่อยก็จะวาง เพราะว่าการเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา แต่ต้องรู้ต้องเห็นต้องทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน ก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ขยันหมั่นเพียรอย่าพากันเกียจคร้าน เป็นเรื่องสำคัญของทุกคนที่จะต้องปรับปรุงตัวเองแก้ไขตัวเอง ชำระสะสางกิเลสของตัวเราเอง
ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราต้องสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา หมดความสงสัยในตัวเองตนถึงเป็นที่พึ่งของตน ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวไปให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน แบกภาระของตัวเองไปให้เป็นภาระของคนโน้นภาระของคนนี้ เราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ช่วยเหลือตัวเอง พึ่งตัวเองให้ได้ทั้งภายนอกทั้งภายใน สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน
การได้ยินได้ฟังการได้อ่านการได้ศึกษาค้นคว้าทุกคนผ่านตรงนี้กันมา แต่การลงมือกัน สร้างความรู้ตัว การวิเคราะห์การสำรวจใจของเรา การสำรวจชีวิตของเราไม่พากันทำให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้ธรรมอยากจะได้ธรรม อยากจะดับทุกข์อยากจะหลุดพ้น ความอยากที่เกิดจากใจปิดกั้นเอาไว้หมด ความอยากที่เกิดจากใจนั่นแหละคือความหลงเลยทีเดียวหลงความเกิด เกิดในภพน้อยภพใหญ่ เกิดในภพโน้นภพนี้ เกิดในภพมนุษย์ ความหลงความอยากก็เลยปิดกั้นเอาไว้
ในหลักธรรมแล้วท่านให้รู้จักการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ใจของตัวเรา ถ้าวิเคราะห์ไม่ทันก็รู้จักระงับยับยั้งรู้จักดับก็เรียกว่า ‘สมถะ’ เน้นลงดูที่กายของเรา แสวงหาความเป็นจริงนอกกายหาไม่เจอ ต้องหาที่กายของเราอย่างเดียวกายของเรา หาอยู่ที่ส่วนรูปส่วนนาม เน้นสติลงที่กายเน้นสติลงที่รูป เน้นสติสร้างความรู้ตัว แต่วิธีอุบายของหลวงพ่อที่ชี้แนะแนวทางจะให้รู้ลมหายใจซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’
พยายามฝึกพยามหัดสังเกตให้เกิดความเคยชิน มีสติรู้กายอยู่ปัจจุบันรู้กายให้ต่อเนื่อง ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของความคิดของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจ เป็นเรื่องสำคัญของทุกคน จะทำให้กันก็ไม่ได้ต้องทำเอา การได้ยินได้ฟังได้อ่านก็เพียงแค่แนวทางเท่านั้นเอง เราพยายามหัดวิเคราะห์หัดสำรวจใจสำรวจกายของเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรแต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเราสงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่หลงความคิดหลงอารมณ์เข้าไปรวมจนเป็นส่วนเดียวกันเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจเป็นอย่างไร อะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล ที่พระพุทธองค์ท่านสอน
ความหมายเราต้องพยายามเข้าถึงความหมาย แล้วก็ตามดูรู้เห็นอยู่ในกายของเรานี่แหละ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เรื่องอะไรที่ส่งออกไป เหตุจากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิดหรือว่าเกิดจากภายใน เกิดจากอาการของขันธ์ห้าที่มาปรุงแต่งใจของเรา มีกันทุกคน ความคิดเกิดๆ ดับๆ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อย บางทีก็เป็นกุศลบางทีก็เป็นอกุศล วิญญาณในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรานี่เป็นลักษณะอย่างไร วิญญาณของเรานี่เป็นธาตุรู้ แต่เขายังหลงเขาถึงเกิด แล้วก็เป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส
ถ้ากำลังสติปัญญาไม่แหลมคม หาเหตุหาผล ตามดูตามรู้ตามเห็น หมั่นพร่ำสอนเขาให้ใจให้วิญญาณของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ยากที่เขาจะคลายแต่ก็พยายามอย่าไปเกียจคร้าน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร เราก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์หัดสังเกต หัดขัดเกลาตัวเราหัดชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความจริงสัจธรรมมีอยู่ เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะเจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผลรู้เหตุรู้ผลตามคำสอนของพระพุทธองค์หรือไม่เท่านั้นเอง อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง อย่าไปโทษคนโน้นโทษคนนี้ จงโทษตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา
ธรรมะก็อยู่ที่เรา อะไรคือรูปอะไรคือนาม อะไรคือโลกธรรม กายของเราทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ไม่ใช่อยากว่าจะไปเที่ยวแสวงหาธรรมที่โน่นแสวงหาธรรมที่นี่ หาไม่เจอหรอกหาภายนอกนั้น หาที่กายที่ใจของเรา หยุดนิ่ง สังเกตวิเคราะห์ สำรวจทำความเข้าใจ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรทำ ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เรารู้จักวิธีเรารู้จักแนวทางแล้วเราก็พยายามพากันทำ
กิเลสใจของเราเกิดกิเลส กิเลสหยาบความโลภความโกรธมันเป็นลักษณะอย่างนี้ การละการทำสิ่งตรงกันข้ามเป็นลักษณะอย่างนี้ ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วตามทำความเข้าใจได้แล้ว ใจรู้เห็นตามความเป็นจริงเขาก็จะปล่อยก็จะวาง เพราะว่าการเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา แต่ต้องรู้ต้องเห็นต้องทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน ก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ขยันหมั่นเพียรอย่าพากันเกียจคร้าน เป็นเรื่องสำคัญของทุกคนที่จะต้องปรับปรุงตัวเองแก้ไขตัวเอง ชำระสะสางกิเลสของตัวเราเอง
ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราต้องสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา หมดความสงสัยในตัวเองตนถึงเป็นที่พึ่งของตน ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวไปให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน แบกภาระของตัวเองไปให้เป็นภาระของคนโน้นภาระของคนนี้ เราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ช่วยเหลือตัวเอง พึ่งตัวเองให้ได้ทั้งภายนอกทั้งภายใน สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน