หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 056
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 056
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน หยุดดับความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้หมดจดเราหยุดให้ใจของเราได้พักผ่อนให้กายของเราได้พักผ่อนขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ รู้กายรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก มีความรู้สึกรับรู้อยู่เขาเรียกว่ามีสติรู้กาย เราพยายามฝึกบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
รู้เรา รู้ใจของเราแล้วก็แก้ไข พิจารณามองเห็นเหตุเห็นผล รู้เหตุรู้ผล พยายามรีบตักตวงสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์สร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นที่กายของเราที่ใจของเราเสีย ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจหรือว่าสภาพร่างกายทางสมมติมันอ่อนแอแล้ว มันก็ยิ่งจะยากเข้าไปอีก ให้พยายามตักตวงสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้น ให้รีบแก้ไข อยู่ปัจจุบันนี้แหละไม่ต้องไปเอาที่ไหน
รู้กายของเรารู้ใจของเราแล้วก็ปรับปรุงเสีย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็ต้องพยายามพากันทำ อย่าว่าไม่ทำ น้อมใจของเราเข้ามา ตั้งแต่คิด คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ลึกลงไปอีก การเกิดของความคิดซึ่งเป็นนามธรรม เขาเกิดอย่างไร ลักษณะนาม คำว่านามเป็นลักษณะอาการอย่างไร อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ใจของเราเกิดส่งออกไปภายนอก เกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้รู้จักดับ แล้วก็พยายามคลายพยายามเอาออก ทำเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน
อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา มีโอกาสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกนั่นแหละ เป็นเรื่องของทุกคนมีเหมือนกันหมด ลมหายใจเข้าหายใจออกก็มีเหมือนกันหมด ถ้าไม่มีก็ตายเท่านั้น ลมหายใจเข้าหายใจออกก็ไม่ได้ซื้อเสียด้วย เราต้องพยายามสร้างความระลึกรับรู้ น้อมใจของเราเข้ามาให้อยู่ในกองบุญ มีอะไรเราก็พยายามรีบทำ
ใจของเรามีความแข็งกระด้างเราก็พยายามละความแข็งกระด้าง ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่นเราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น ใจของเรามีความอิจฉาริษยาเราก็พยายามระงับยับยั้ง เราก็รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี เราขาดตกบกพร่องตรงไหนเราก็รีบแก้ไข แก้ไขบ่อยๆ ทำบ่อยๆ เราก็จะได้เจอความสุข กายของเราก็มีความสุข ลึกลงไปใจของเราก็จะได้รับความสงบความสุข ไม่ต้องไปเอาความสุขภพไหนหรอกเอาภพมนุษย์นี้ให้ได้เสียก่อน ถ้าเราทำได้ในภพนี้ ภพต่อๆ ไป เราก็จะได้ความสุขเองนั่นแหละ ทำปัจจุบันให้ดี
พระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ฆราวาสญาติโยมก็เหมือนกันหมด อย่าไปมองข้ามตัวเอง พยายามสร้างทรัพย์ภายในให้มีให้เกิดขึ้นให้เต็มเปี่ยม ความรู้ตัวหรือว่าสติไม่มีไม่ต่อเนื่อง เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ใจไม่สงบเราก็พยายามทำใจของเราให้สงบ เหตุการณ์จากภายนอกทำให้ใจของเราเกิดหรือว่าเกิดขึ้นจากภายใน ทั้งภายในภายนอกต้องรีบแก้ไข อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เป็นเรื่องของเราทุกคน
ส่วนมากมีตั้งแต่เรื่องของคนอื่นเขา คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้ว่าเราอย่างนั้นคนนั้นว่าเราอย่างนี้ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา ใจของเราดีถึงภายนอกไม่ดีใจของเราก็ดีเหมือนเดิม ใจของเราไม่ดีข้างนอกจะดีถึงขนาดไหนใจของเรามันก็ไม่ดีเหมือนเดิม เราต้องแก้ไขที่ใจแก้ไขที่กายของเรา แก้ไขความเป็นอยู่ของเรา แล้วก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียรที่ต่อเนื่อง เดินตามแนวทางของพระพุทธองค์
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ มีไม่มากหรอกถ้าเรารู้จักแก้ไขปรับปรุง ยิ่งเรารู้เข้าถึงใจของเรายิ่งจะง่ายเข้าไปอีก บางทีบางครั้งบางคนบางท่านก็สร้างมาดี สร้างบารมีมาดี ทางสมมติก็ไม่ได้ลำบาก สติปัญญาทางสมมติก็เป็นเลิศ เพียงแค่เราน้อมเข้าไปรู้เห็นการเกิดการดับ เปลี่ยนปัญญาโลกีย์เป็นปัญญาโลกุตระ เพียงแค่คลายใจของเราออกจากความคิดออกจากอารมณ์ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง เราก็เอามาใช้ได้เหมือนเดิมทั้งสติทั้งปัญญา ปัญญาที่เราศึกษาเล่าเรียนมา แต่บริหารด้วยสติด้วยปัญญาไม่บริหารด้วยตัววิญญาณ เกิดตัวจิตเก่าปัญญาเก่า
พูดก็ง่ายนะแต่การลงมือจริงๆ เราต้องมีความเพียร เราต้องรู้จักใช้ตัวเองให้ได้บอกตัวเองให้เป็น อย่าให้คนอื่นเขาบังคับ สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้เด็ดขาด ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ความเพียรของแต่ละบุคคล บางคนบางท่านก็เพียรมาก บางคนบางท่านก็เพียรน้อย บางคนบางท่านก็เกียจคร้าน บางคนบางท่านก็สร้างสะสมกิเลส ก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรม จะเป็นกรรมกุศลกรรมหรือว่าอกุศลกรรม ก็พิจารณากันโตกันทุกคน มองเห็นแนวทางกันทุกคน เว้นเสียแต่ว่าจะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
ขณะที่เรามาอยู่ร่วมกันเราก็พยายามสร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นมากมาย เราได้สร้างบุญร่วมกันนั้นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ทุกคนพระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นพี่เป็นน้องเป็นเครือญาติกันหมดเลย เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน บางทีไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติกี่กัปกี่กัลป์ที่วนเวียนว่ายตายเกิดกลับไปกลับมา แต่ท่านก็บอกว่าให้ทำปัจจุบันให้ดีแก้ไขปัจจุบันให้ดี ก็จะมองเห็นอนาคต ปัจจุบันดีอนาคตก็ออกมาดี ก็ต้องพยายามกัน
ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะให้ต่อเนื่องกัน ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ
รู้เรา รู้ใจของเราแล้วก็แก้ไข พิจารณามองเห็นเหตุเห็นผล รู้เหตุรู้ผล พยายามรีบตักตวงสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์สร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นที่กายของเราที่ใจของเราเสีย ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจหรือว่าสภาพร่างกายทางสมมติมันอ่อนแอแล้ว มันก็ยิ่งจะยากเข้าไปอีก ให้พยายามตักตวงสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้น ให้รีบแก้ไข อยู่ปัจจุบันนี้แหละไม่ต้องไปเอาที่ไหน
รู้กายของเรารู้ใจของเราแล้วก็ปรับปรุงเสีย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็ต้องพยายามพากันทำ อย่าว่าไม่ทำ น้อมใจของเราเข้ามา ตั้งแต่คิด คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ลึกลงไปอีก การเกิดของความคิดซึ่งเป็นนามธรรม เขาเกิดอย่างไร ลักษณะนาม คำว่านามเป็นลักษณะอาการอย่างไร อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ใจของเราเกิดส่งออกไปภายนอก เกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้รู้จักดับ แล้วก็พยายามคลายพยายามเอาออก ทำเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน
อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา มีโอกาสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกนั่นแหละ เป็นเรื่องของทุกคนมีเหมือนกันหมด ลมหายใจเข้าหายใจออกก็มีเหมือนกันหมด ถ้าไม่มีก็ตายเท่านั้น ลมหายใจเข้าหายใจออกก็ไม่ได้ซื้อเสียด้วย เราต้องพยายามสร้างความระลึกรับรู้ น้อมใจของเราเข้ามาให้อยู่ในกองบุญ มีอะไรเราก็พยายามรีบทำ
ใจของเรามีความแข็งกระด้างเราก็พยายามละความแข็งกระด้าง ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่นเราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่น ใจของเรามีความอิจฉาริษยาเราก็พยายามระงับยับยั้ง เราก็รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี เราขาดตกบกพร่องตรงไหนเราก็รีบแก้ไข แก้ไขบ่อยๆ ทำบ่อยๆ เราก็จะได้เจอความสุข กายของเราก็มีความสุข ลึกลงไปใจของเราก็จะได้รับความสงบความสุข ไม่ต้องไปเอาความสุขภพไหนหรอกเอาภพมนุษย์นี้ให้ได้เสียก่อน ถ้าเราทำได้ในภพนี้ ภพต่อๆ ไป เราก็จะได้ความสุขเองนั่นแหละ ทำปัจจุบันให้ดี
พระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ฆราวาสญาติโยมก็เหมือนกันหมด อย่าไปมองข้ามตัวเอง พยายามสร้างทรัพย์ภายในให้มีให้เกิดขึ้นให้เต็มเปี่ยม ความรู้ตัวหรือว่าสติไม่มีไม่ต่อเนื่อง เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ใจไม่สงบเราก็พยายามทำใจของเราให้สงบ เหตุการณ์จากภายนอกทำให้ใจของเราเกิดหรือว่าเกิดขึ้นจากภายใน ทั้งภายในภายนอกต้องรีบแก้ไข อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เป็นเรื่องของเราทุกคน
ส่วนมากมีตั้งแต่เรื่องของคนอื่นเขา คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้ว่าเราอย่างนั้นคนนั้นว่าเราอย่างนี้ อันนั้นเป็นเรื่องของเขา ใจของเราดีถึงภายนอกไม่ดีใจของเราก็ดีเหมือนเดิม ใจของเราไม่ดีข้างนอกจะดีถึงขนาดไหนใจของเรามันก็ไม่ดีเหมือนเดิม เราต้องแก้ไขที่ใจแก้ไขที่กายของเรา แก้ไขความเป็นอยู่ของเรา แล้วก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียรที่ต่อเนื่อง เดินตามแนวทางของพระพุทธองค์
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ มีไม่มากหรอกถ้าเรารู้จักแก้ไขปรับปรุง ยิ่งเรารู้เข้าถึงใจของเรายิ่งจะง่ายเข้าไปอีก บางทีบางครั้งบางคนบางท่านก็สร้างมาดี สร้างบารมีมาดี ทางสมมติก็ไม่ได้ลำบาก สติปัญญาทางสมมติก็เป็นเลิศ เพียงแค่เราน้อมเข้าไปรู้เห็นการเกิดการดับ เปลี่ยนปัญญาโลกีย์เป็นปัญญาโลกุตระ เพียงแค่คลายใจของเราออกจากความคิดออกจากอารมณ์ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง เราก็เอามาใช้ได้เหมือนเดิมทั้งสติทั้งปัญญา ปัญญาที่เราศึกษาเล่าเรียนมา แต่บริหารด้วยสติด้วยปัญญาไม่บริหารด้วยตัววิญญาณ เกิดตัวจิตเก่าปัญญาเก่า
พูดก็ง่ายนะแต่การลงมือจริงๆ เราต้องมีความเพียร เราต้องรู้จักใช้ตัวเองให้ได้บอกตัวเองให้เป็น อย่าให้คนอื่นเขาบังคับ สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้เด็ดขาด ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ความเพียรของแต่ละบุคคล บางคนบางท่านก็เพียรมาก บางคนบางท่านก็เพียรน้อย บางคนบางท่านก็เกียจคร้าน บางคนบางท่านก็สร้างสะสมกิเลส ก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรม จะเป็นกรรมกุศลกรรมหรือว่าอกุศลกรรม ก็พิจารณากันโตกันทุกคน มองเห็นแนวทางกันทุกคน เว้นเสียแต่ว่าจะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
ขณะที่เรามาอยู่ร่วมกันเราก็พยายามสร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นมากมาย เราได้สร้างบุญร่วมกันนั้นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ทุกคนพระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นพี่เป็นน้องเป็นเครือญาติกันหมดเลย เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน บางทีไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติกี่กัปกี่กัลป์ที่วนเวียนว่ายตายเกิดกลับไปกลับมา แต่ท่านก็บอกว่าให้ทำปัจจุบันให้ดีแก้ไขปัจจุบันให้ดี ก็จะมองเห็นอนาคต ปัจจุบันดีอนาคตก็ออกมาดี ก็ต้องพยายามกัน
ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะให้ต่อเนื่องกัน ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ