หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 082
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 082
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เมื่อวานนี้ก็พี่น้องของเราก็มาเอาโลงศพอีก 1 โลง ตั้งแต่หลวงพ่อจัดตั้งฌาปณกิจศพเบื้องต้นในเขตเทศบาลตำบลสำราญของเรานี้ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษามากระทั่งถึงวันนี้เลยก็ประมาณ 24 ศพ นี่แหละได้ช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่โอกาสเอื้ออำนวยให้ ทั้งขโมยก็มาขโมยงัดขโมยตัดของก็เยอะ เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านเจ้าคุณเขาก็ขโมยไปตั้งหลายเครื่องแล้ว หลายอย่าง
อยากได้ก็ถือว่าเราได้ทำบุญให้ทานไปนะได้ให้ทาน สักวันหนึ่งก็คงจะได้เห็นตัว ถ้าไม่เจอจับตัวไม่ได้ทางกฎหมายจับตัวไม่ได้ก็ยกให้เป็นกรรมลงโทษเอา ยกให้เป็นกรรมลงโทษเอา เราก็รักษาของเราเอาเราก็ดูแลรักษา เราจะรักษาอย่างไรมันก็มางัด มันก็มางัดเอาช่วงที่เรามาทำวัตรบ้าง สวดมนต์บ้าง มาฉันข้าวบ้าง เพราะว่าขโมยเขาก็รู้เวลาดีเนอะ เขารู้เวลาดีก็ยกให้เขาไปยกให้เป็นกรรม เราก็ดูใจของเรา
เขาขโมยของของเราใจของเรามีความกังวลหรือไม่ มีความทุกข์มีความเครียดหรือไม่ เราได้กำไรเสียอีก เราได้กำไรว่าใจของเราเกิดความทุกข์ไหม เขามาขโมยทีไรนี่เจ้าคุณนี่ยิ้มไม่ทุกข์หรอก แล้วก็เอามาใหม่ เอามาใหม่ก็ขโมยอีก ขโมยทีนั้นทีนี้ใจก็เลยหนักแน่นไม่ทุกข์ ถือว่าได้ทำบุญได้ให้ทาน ว่าอย่างนั้น มันเสียเวลาแทนที่จะได้เกิดประโยชน์ แทนที่จะเอาสิ่งนั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อคนหมู่มาก เขาก็มากลับขโมยไป ข้อมูลต่างๆ ของทางวัดก็หายไป เดี๋ยววิบากกรรมก็ตามเอา เราก็พยายามอย่าให้ใจของเราเศร้าหมองกับสิ่งพวกนี้ เราถือว่าเราได้ประโยชน์เราได้กำไร
เขาขโมยสิ่งที่เรารักมากที่สุด ดูใจของเราจะมีความกังวลหรือไม่ มีความทุกข์หรือไม่ เราเกลียดเขาหรือไม่ เราก็จะได้กำไรชีวิต ถ้าใจของเราไม่มีความกังวล ไม่มีความฟุ้งซ่าน ไม่มีความเพ่งโทษแล้ว ก็แสดงว่าใช้ได้ ทำใจให้หนักเหมือนกับแผ่นดินเหมือนกับแผ่นน้ำ ใครเขาจะเหยียบจะย่ำก็ไม่ได้หวั่นไหว ใครเขาจะขากเสลดถ่มน้ำลายใส่ น้ำก็ไม่ได้ไปบ่นไปอะไรก็มีตั้งแต่ความเย็น ให้ให้อภัยให้อโหสิกรรม นั่นแหละเราได้ประโยชน์กับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์ปุ๊บก็ทุกข์อย่างนั้น เกิดความกังวล เกิดความทุกข์ นั่นแสดงว่าใช้การไม่ได้ ก็ต้องทำใจของเราให้หนักแน่นให้เต็มเปี่ยม
เขาอยากจะได้เขามาขโมยก็หน้าที่ของเขา วิบากกรรมก็ยกให้เขาไป เขาทำมากเท่าไรก็เป็นเรื่องของเขา สักวันหนึ่งกฎของกรรมก็จะลงโทษเขาเอง ถ้ามีโอกาสเราก็มาสะสางกิเลสภายในของเรา มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ตื่นเช้าขึ้นมาสติของเราต่อเนื่องหรือไม่ ใจของเราปกติใจของเราสงบ การก่อตัวของใจ การก่อตัวของความคิดของอารมณ์ ทำไมใจของเราถึงมาหลงอาการของขันธ์ห้า ความคิดอารมณ์เขาแยกกันได้อย่างไร เราสังเกตทันหรือไม่ สังเกตไม่ทันเราก็เริ่มใหม่ ถ้าเราสังเกตเห็นสังเกตทันละก็เราชนะกิเลสได้ครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ใจของเราก็หนักแน่นขึ้น
ความอยากที่ใจของเราก็รู้จักดับ รู้จักละความอยาก ความกลัวละความกลัวสร้างความกล้าหาญให้ใจ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ชนะตัวเราเราก็ชนะหมด ถ้าชนะตัวเราไม่ได้มันก็จะแพ้ ถ้าเราชนะตัวเราแล้วเราก็ชนะหมด ไม่ใช่ไปเอาชนะคนโน้นไปเอาชนะคนนี้ เราก็จะอยู่กับบุญสนุกสร้างบุญ ตื่นขึ้นมาเราก็จัดการกับกิเลสของเรา อะไรขาดตกบกพร่องเราก็รีบทำ ความเกียจคร้านเรามีเราก็พยายามละความเกียจคร้าน ความขยันหมั่นเพียรมีเราก็เพิ่มเติมเสริมเข้าไป อะไรที่มันขาดตกบกพร่อง สมมติอะไรที่เราขาดเราก็พยายามทำ
เรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เราจัดการบริหารสมมติในความเป็นอยู่ของเรา เรามีความสุขกับสิ่งที่เรามีเราเป็น ก็จะมองเห็นความจริง มองเห็นสัจธรรมก็อยู่ที่กายที่ใจของเรา สิ่งของนอกกายนั้นมีมาทีหลัง แม้แต่กายของเราก็ต้องได้ละได้วาง แต่เราก็ต้องรู้จักรับผิดชอบ รู้จักดูแลรักษา เราจักสร้างขึ้นมาเพื่อยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ให้มีให้เกิดขึ้นเราก็จะอยู่กับบุญ ไม่รู้จะไปทุกข์ไปเครียดกับสิ่งพวกนี้ทำไม
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เราอาจจะสร้างอยู่แต่ยังสร้างไม่ต่อเนื่อง เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญ ทั้งที่ใจก็อยากจะรู้ธรรมอยากจะได้บุญ ใจของเราเป็นบุญแต่ใจของเรายังเกิดอยู่ ใจของเรายังดิ้นรนแสวงหาอยู่ เราต้องพยายามทำใจของเราให้สงบ
ความสงบความปกตินั่นแหละคือสมาธิ แต่เวลาใจเกิดใจก็ไม่นิ่งก็เลยไม่สงบ ใจเกิดใจก็หลง ถ้าไม่เกิดเขาก็ไม่หลง หลงปรุงแต่งหลงเกิด ทีนี้บางทีเขาก็เกิดความยินดียินร้าย บางทีเขาเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความอยาก เกิดความหงุดหงิด เราต้องมาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปดับเข้าไปละเข้าไปจัดการ เราดับได้เราควบคุมได้ เราคลายความหลงได้ละกิเลสได้ เราไม่ต้องการความสงบ ความสงบก็จะเกิดขึ้นเอง
ถ้าเรารู้จักวิธี รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักจำแนกแจกแจง สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างนี้ การสร้างให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ การควบคุมใจ ลักษณะอาการของใจตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุ ปลายเหตุ อาการของกายใจที่แยกออกจากความคิดออกจากอารมณ์ อยู่ในกายของเราอยู่ในขันธ์ห้าของเรา เป็นลักษณะหน้าตาอาการอย่างไร เราต้องรู้แจ้งจริงๆ
หลวงพ่อก็พูดของเก่าเรื่องเก่านี่แหละมา 20-30 ปี เพราะว่ามันมีอยู่เพียงแค่นี้ ไม่มีอะไรมาก มีอยู่เพียงแค่ขันธ์ห้า กายเนื้อส่วนรูปส่วนนาม เราจะจัดการกับชีวิตของเราอย่างไร ดำเนินอย่างไรบริหารอย่างไร ถึงจะไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหนก็ช่าง ถ้าไม่รู้จักการเจริญสติ ไม่รู้จักลักษณะของสติ ไม่รู้จักสร้างให้ต่อเนื่อง ก็ยากที่จะเข้าใจปัญญาของวิมุตติ ปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงให้พวกเราได้เดินตาม ขอให้เดินตามเถอะ ให้รู้ให้เห็นให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ทำเหตุให้ดีผลก็จะออกมาดีไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องพยายามกันอย่าไปทิ้งในการสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้ตัวเราให้กับส่วนรวม แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีมารยาสาไถยหรือว่ามีกิเลสนอนเนื่องอยู่ในใจของเราอย่างไร เราก็พยายามรีบขุดรีบค้น รีบแก้ไขรีบละรีบคลายออก ให้ใจของเราได้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ให้เร็วให้ไว หมั่นสร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น จงเชื่อมั่นในตัวเราแล้วก็ขยันหมั่นเพียร กล้าหาญอาจหาญในสิ่งที่ถูกต้องให้ละอายในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องพยายามกัน
ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจของเราให้สงบทำกายของเราให้สบาย อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้ได้ทุกอิริยาบถนะ
อยากได้ก็ถือว่าเราได้ทำบุญให้ทานไปนะได้ให้ทาน สักวันหนึ่งก็คงจะได้เห็นตัว ถ้าไม่เจอจับตัวไม่ได้ทางกฎหมายจับตัวไม่ได้ก็ยกให้เป็นกรรมลงโทษเอา ยกให้เป็นกรรมลงโทษเอา เราก็รักษาของเราเอาเราก็ดูแลรักษา เราจะรักษาอย่างไรมันก็มางัด มันก็มางัดเอาช่วงที่เรามาทำวัตรบ้าง สวดมนต์บ้าง มาฉันข้าวบ้าง เพราะว่าขโมยเขาก็รู้เวลาดีเนอะ เขารู้เวลาดีก็ยกให้เขาไปยกให้เป็นกรรม เราก็ดูใจของเรา
เขาขโมยของของเราใจของเรามีความกังวลหรือไม่ มีความทุกข์มีความเครียดหรือไม่ เราได้กำไรเสียอีก เราได้กำไรว่าใจของเราเกิดความทุกข์ไหม เขามาขโมยทีไรนี่เจ้าคุณนี่ยิ้มไม่ทุกข์หรอก แล้วก็เอามาใหม่ เอามาใหม่ก็ขโมยอีก ขโมยทีนั้นทีนี้ใจก็เลยหนักแน่นไม่ทุกข์ ถือว่าได้ทำบุญได้ให้ทาน ว่าอย่างนั้น มันเสียเวลาแทนที่จะได้เกิดประโยชน์ แทนที่จะเอาสิ่งนั้นมาทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อคนหมู่มาก เขาก็มากลับขโมยไป ข้อมูลต่างๆ ของทางวัดก็หายไป เดี๋ยววิบากกรรมก็ตามเอา เราก็พยายามอย่าให้ใจของเราเศร้าหมองกับสิ่งพวกนี้ เราถือว่าเราได้ประโยชน์เราได้กำไร
เขาขโมยสิ่งที่เรารักมากที่สุด ดูใจของเราจะมีความกังวลหรือไม่ มีความทุกข์หรือไม่ เราเกลียดเขาหรือไม่ เราก็จะได้กำไรชีวิต ถ้าใจของเราไม่มีความกังวล ไม่มีความฟุ้งซ่าน ไม่มีความเพ่งโทษแล้ว ก็แสดงว่าใช้ได้ ทำใจให้หนักเหมือนกับแผ่นดินเหมือนกับแผ่นน้ำ ใครเขาจะเหยียบจะย่ำก็ไม่ได้หวั่นไหว ใครเขาจะขากเสลดถ่มน้ำลายใส่ น้ำก็ไม่ได้ไปบ่นไปอะไรก็มีตั้งแต่ความเย็น ให้ให้อภัยให้อโหสิกรรม นั่นแหละเราได้ประโยชน์กับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์ปุ๊บก็ทุกข์อย่างนั้น เกิดความกังวล เกิดความทุกข์ นั่นแสดงว่าใช้การไม่ได้ ก็ต้องทำใจของเราให้หนักแน่นให้เต็มเปี่ยม
เขาอยากจะได้เขามาขโมยก็หน้าที่ของเขา วิบากกรรมก็ยกให้เขาไป เขาทำมากเท่าไรก็เป็นเรื่องของเขา สักวันหนึ่งกฎของกรรมก็จะลงโทษเขาเอง ถ้ามีโอกาสเราก็มาสะสางกิเลสภายในของเรา มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ ตื่นเช้าขึ้นมาสติของเราต่อเนื่องหรือไม่ ใจของเราปกติใจของเราสงบ การก่อตัวของใจ การก่อตัวของความคิดของอารมณ์ ทำไมใจของเราถึงมาหลงอาการของขันธ์ห้า ความคิดอารมณ์เขาแยกกันได้อย่างไร เราสังเกตทันหรือไม่ สังเกตไม่ทันเราก็เริ่มใหม่ ถ้าเราสังเกตเห็นสังเกตทันละก็เราชนะกิเลสได้ครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ใจของเราก็หนักแน่นขึ้น
ความอยากที่ใจของเราก็รู้จักดับ รู้จักละความอยาก ความกลัวละความกลัวสร้างความกล้าหาญให้ใจ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ชนะตัวเราเราก็ชนะหมด ถ้าชนะตัวเราไม่ได้มันก็จะแพ้ ถ้าเราชนะตัวเราแล้วเราก็ชนะหมด ไม่ใช่ไปเอาชนะคนโน้นไปเอาชนะคนนี้ เราก็จะอยู่กับบุญสนุกสร้างบุญ ตื่นขึ้นมาเราก็จัดการกับกิเลสของเรา อะไรขาดตกบกพร่องเราก็รีบทำ ความเกียจคร้านเรามีเราก็พยายามละความเกียจคร้าน ความขยันหมั่นเพียรมีเราก็เพิ่มเติมเสริมเข้าไป อะไรที่มันขาดตกบกพร่อง สมมติอะไรที่เราขาดเราก็พยายามทำ
เรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เราจัดการบริหารสมมติในความเป็นอยู่ของเรา เรามีความสุขกับสิ่งที่เรามีเราเป็น ก็จะมองเห็นความจริง มองเห็นสัจธรรมก็อยู่ที่กายที่ใจของเรา สิ่งของนอกกายนั้นมีมาทีหลัง แม้แต่กายของเราก็ต้องได้ละได้วาง แต่เราก็ต้องรู้จักรับผิดชอบ รู้จักดูแลรักษา เราจักสร้างขึ้นมาเพื่อยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ให้มีให้เกิดขึ้นเราก็จะอยู่กับบุญ ไม่รู้จะไปทุกข์ไปเครียดกับสิ่งพวกนี้ทำไม
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เราอาจจะสร้างอยู่แต่ยังสร้างไม่ต่อเนื่อง เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญ ทั้งที่ใจก็อยากจะรู้ธรรมอยากจะได้บุญ ใจของเราเป็นบุญแต่ใจของเรายังเกิดอยู่ ใจของเรายังดิ้นรนแสวงหาอยู่ เราต้องพยายามทำใจของเราให้สงบ
ความสงบความปกตินั่นแหละคือสมาธิ แต่เวลาใจเกิดใจก็ไม่นิ่งก็เลยไม่สงบ ใจเกิดใจก็หลง ถ้าไม่เกิดเขาก็ไม่หลง หลงปรุงแต่งหลงเกิด ทีนี้บางทีเขาก็เกิดความยินดียินร้าย บางทีเขาเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความอยาก เกิดความหงุดหงิด เราต้องมาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปดับเข้าไปละเข้าไปจัดการ เราดับได้เราควบคุมได้ เราคลายความหลงได้ละกิเลสได้ เราไม่ต้องการความสงบ ความสงบก็จะเกิดขึ้นเอง
ถ้าเรารู้จักวิธี รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักจำแนกแจกแจง สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างนี้ การสร้างให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ การควบคุมใจ ลักษณะอาการของใจตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุ ปลายเหตุ อาการของกายใจที่แยกออกจากความคิดออกจากอารมณ์ อยู่ในกายของเราอยู่ในขันธ์ห้าของเรา เป็นลักษณะหน้าตาอาการอย่างไร เราต้องรู้แจ้งจริงๆ
หลวงพ่อก็พูดของเก่าเรื่องเก่านี่แหละมา 20-30 ปี เพราะว่ามันมีอยู่เพียงแค่นี้ ไม่มีอะไรมาก มีอยู่เพียงแค่ขันธ์ห้า กายเนื้อส่วนรูปส่วนนาม เราจะจัดการกับชีวิตของเราอย่างไร ดำเนินอย่างไรบริหารอย่างไร ถึงจะไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหนก็ช่าง ถ้าไม่รู้จักการเจริญสติ ไม่รู้จักลักษณะของสติ ไม่รู้จักสร้างให้ต่อเนื่อง ก็ยากที่จะเข้าใจปัญญาของวิมุตติ ปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงให้พวกเราได้เดินตาม ขอให้เดินตามเถอะ ให้รู้ให้เห็นให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ทำเหตุให้ดีผลก็จะออกมาดีไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องพยายามกันอย่าไปทิ้งในการสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้ตัวเราให้กับส่วนรวม แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีมารยาสาไถยหรือว่ามีกิเลสนอนเนื่องอยู่ในใจของเราอย่างไร เราก็พยายามรีบขุดรีบค้น รีบแก้ไขรีบละรีบคลายออก ให้ใจของเราได้ถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ให้เร็วให้ไว หมั่นสร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น จงเชื่อมั่นในตัวเราแล้วก็ขยันหมั่นเพียร กล้าหาญอาจหาญในสิ่งที่ถูกต้องให้ละอายในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องพยายามกัน
ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจของเราให้สงบทำกายของเราให้สบาย อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้ได้ทุกอิริยาบถนะ