หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 021
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 021
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
พระเราก็จะได้ทำปวารณาเข้าพรรษากันนะ เดี๋ยวว่าตามหลวงพ่อนะ ตั้งนะโมกันเสียก่อน
หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ว่าตาม
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
ในเมื่อพวกเราได้ปวารณาเข้าพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ก็พยายามตั้งใจ ขยันหมั่นเพียรกัน ทำความเพียรให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ เราพยายามสร้างให้มีให้เกิด เพื่อที่เข้าไปสำรวจใจของเรา การได้ยินได้ฟังได้อ่าน การค้นคว้า อันนี้พวกเราก็พอที่จะรู้แนวทางแล้วไม่จำเป็นต้องไปพูดมากอะไร อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรละ อะไรควรเจริญ พวกเราก็พากันทำนะ
เวลาเป็นของเรา สถานที่เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเรามีความพร้อม ลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ให้มีความรู้ตัว ลึกลงไปก็ให้รู้ใจ รู้ความปกติ วิญญาณนั่นแหล่ะ รู้วิญญาณในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ทำไมวิญญาณของเราถึงเกิด ทำไมวิญญาณของเราถึงหลงความคิด หลงอารมณ์ เราต้องมาเจริญสติ มาสร้างความรู้ตัว เพียงแค่การสร้างสติ พวกเรายังสร้างตรงนี้ไม่ต่อเนื่อง เราต้องมาเจริญให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน แล้วก็เอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ใจของเรา ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละกิเลส ใจของเราเกิดความโลภ ก็รู้จักละความโลภ แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเพียรแล้วหรือยัง เราได้เจริญ เราได้สร้างประโยชน์แล้วหรือยัง ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนรวม เราก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งพระทั้งชีทั้งฆราวาสญาติโยมนั่นแหละนะ
ทุกคนก็มีความพร้อมกัน หลวงพ่อก็ได้เล่าให้ฟังทุกวันนั่นแหละ บุคคลที่มีสติมีปัญญาไม่จำเป็นต้องไปฟังมากเลย อยากจะให้ฝึกฝนตนเองให้มากๆ ทำให้มากๆ
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เวลาไปบิณฑบาตเราก็เจริญสติไปด้วย เวลาขบเวลาฉัน เราก็ต้องรู้จักละความอยากของเรา ไม่ใช่จะไปทำเฉพาะเวลาตั้งใจทำ ทำทุกเวลาจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ทุกคนก็ให้มีความเพียรกัน
สำหรับองค์หลวงพ่อเองก็ขอโทษทุกคนด้วยนะ สภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง อ่อนแอมากทีเดียว กล้ามเนื้อร่างกายเนี่ยอ่อนแอมากทีเดียว มีความแข็งแรงได้บ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว แม้แต่การทำวัตรสวดมนต์ต่างๆ ก็ให้พากันทำ ทำภาระหน้าที่การงานต่างๆ ก็ให้ช่วยกัน อย่าไปปล่อยปละละเลย ให้มีความรับผิดชอบ ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนตน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ก็ให้มีความรับผิดชอบ ดูแลความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักใช้ มีให้เป็น ใช้ให้เป็น ทำให้เป็น ให้อยู่ด้วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน อย่าไปใช้ทิฏฐิ ใช้มานะ ใช้อัตตาเข้าห้ำหั่นกัน ให้วางทุกสิ่งทุกอย่าง ในเมื่อพวกเราได้เข้ามาอยู่ร่วมกัน วางทิฏฐิ วางความคิดเห็น เดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กลางคืนออกมาเดิน ออกมาเดินที่ลานหลวงปู่ใหญ่ หรือว่าที่องค์หลวงปู่ใหญ่ ที่ไหนว่างๆ โล่งๆ ก็ออกมาเจริญสติ มาสังเกตดูจิตของเรา มาสังเกตดูความคิดของเรา จิตของเราก่อตัว เราดับได้ระดับไหน ขันธ์ห้าเขาผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตของเรา เรารู้เท่าทันหรือไม่ เราก็พยายาม ตักตวงเอา
ใหม่ๆ ก็ธรรมดา บวชใหม่ๆ เปลี่ยนสภาวะ ใหม่ๆ สภาพร่างกายของเราก็ไม่พร้อม แล้วก็ค่อยเปลี่ยนสภาพ ปรับสภาพร่างกายของเรา วันละเล็กวันละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป ก็จะดีขึ้นค่อยเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่ว่าจะให้ดีวันหนึ่งวันเดียว เราก็ต้องพยายามเอา สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็หนักอยู่ สภาพภายนอกก็เหมือนกับไม่เป็นอะไร เพราะว่าหลวงพ่อไม่ได้เป็นกังวล แต่สภาพร่างกายนั้นอ่อน กล้ามเนื้อนั้นอ่อน จะลุกจะก้าวจะเดินก็ลำบากแล้ว จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ก็ไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่าที่โอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็จะพยายามสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดีให้กับทุกคนให้อยู่ดีมีความสุข มีอะไรก็ให้เชื่อฟังกัน ติดขัดหรือขาดตกบกพร่องอะไร ก็มาหาท่านอาจารย์ต้าก็ได้ หรือมาหาหลวงพ่อหลวงปู่ก็ได้ ถ้าพอที่จะช่วยดูแลได้ก็ช่วยกัน
ให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคีกันนะ ให้เป็นบุคคลที่บอกง่ายสอนง่าย บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แก้ไขปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา อย่าให้คนอื่นบังคับ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรผิด อะไรถูก เราก็ต้องพยายามรีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ทิฏฐิมานะ เอาอัตตาเข้ามาห้ำหั่นกัน
เราอยู่บ้านก็เป็นอีกอย่าง บวชเข้ามาก็เป็นอีกอย่าง เราต้องบวชเข้ามาลดมาละ มาศึกษากาย ศึกษาใจของเรา ความคิด ทิฏฐิมานะ ปัญญาเก่าๆ ของเราอย่าเพิ่งเอามาใช้เลย เราพยายามหยุดระงับยับยั้ง เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ มันเกิดอย่างไร จิตเกิดอย่างไร ความคิดเกิดได้อย่างไร เราพยายามดูรู้ให้ทัน ความเจริญก้าวหน้าจะบังเกิดขึ้นกับเรา รู้ไม่เท่าทันแล้วก็พยายามระงับยับยั้งเอาไว้หยุดเอาไว้ จนกว่าวิญญาณของเราจะคลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์นั่นแหละ จึงได้ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในเรื่องอัตตา ในเรื่องอนัตตา เข้าใจในเรื่องการแยกรูปแยกนาม เดินปัญญาละขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขารของตัวเอง สูงขึ้นไปก็เข้าใจในเรื่องวิปัสสนาภูมิ การเดินปัญญา ละกิเลสหยาบ ละกิเลสละเอียด ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของพวกเราเอง เราต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ก็เอาเท่านี้ หลวงพ่อก็เหนื่อยแล้ว
หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ว่าตาม
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ
ในเมื่อพวกเราได้ปวารณาเข้าพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ก็พยายามตั้งใจ ขยันหมั่นเพียรกัน ทำความเพียรให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ เราพยายามสร้างให้มีให้เกิด เพื่อที่เข้าไปสำรวจใจของเรา การได้ยินได้ฟังได้อ่าน การค้นคว้า อันนี้พวกเราก็พอที่จะรู้แนวทางแล้วไม่จำเป็นต้องไปพูดมากอะไร อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรละ อะไรควรเจริญ พวกเราก็พากันทำนะ
เวลาเป็นของเรา สถานที่เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเรามีความพร้อม ลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ให้มีความรู้ตัว ลึกลงไปก็ให้รู้ใจ รู้ความปกติ วิญญาณนั่นแหล่ะ รู้วิญญาณในร่างกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ทำไมวิญญาณของเราถึงเกิด ทำไมวิญญาณของเราถึงหลงความคิด หลงอารมณ์ เราต้องมาเจริญสติ มาสร้างความรู้ตัว เพียงแค่การสร้างสติ พวกเรายังสร้างตรงนี้ไม่ต่อเนื่อง เราต้องมาเจริญให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน แล้วก็เอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ใจของเรา ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละกิเลส ใจของเราเกิดความโลภ ก็รู้จักละความโลภ แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเพียรแล้วหรือยัง เราได้เจริญ เราได้สร้างประโยชน์แล้วหรือยัง ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนรวม เราก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งพระทั้งชีทั้งฆราวาสญาติโยมนั่นแหละนะ
ทุกคนก็มีความพร้อมกัน หลวงพ่อก็ได้เล่าให้ฟังทุกวันนั่นแหละ บุคคลที่มีสติมีปัญญาไม่จำเป็นต้องไปฟังมากเลย อยากจะให้ฝึกฝนตนเองให้มากๆ ทำให้มากๆ
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เวลาไปบิณฑบาตเราก็เจริญสติไปด้วย เวลาขบเวลาฉัน เราก็ต้องรู้จักละความอยากของเรา ไม่ใช่จะไปทำเฉพาะเวลาตั้งใจทำ ทำทุกเวลาจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ทุกคนก็ให้มีความเพียรกัน
สำหรับองค์หลวงพ่อเองก็ขอโทษทุกคนด้วยนะ สภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง อ่อนแอมากทีเดียว กล้ามเนื้อร่างกายเนี่ยอ่อนแอมากทีเดียว มีความแข็งแรงได้บ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว แม้แต่การทำวัตรสวดมนต์ต่างๆ ก็ให้พากันทำ ทำภาระหน้าที่การงานต่างๆ ก็ให้ช่วยกัน อย่าไปปล่อยปละละเลย ให้มีความรับผิดชอบ ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนตน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ก็ให้มีความรับผิดชอบ ดูแลความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักใช้ มีให้เป็น ใช้ให้เป็น ทำให้เป็น ให้อยู่ด้วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน อย่าไปใช้ทิฏฐิ ใช้มานะ ใช้อัตตาเข้าห้ำหั่นกัน ให้วางทุกสิ่งทุกอย่าง ในเมื่อพวกเราได้เข้ามาอยู่ร่วมกัน วางทิฏฐิ วางความคิดเห็น เดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กลางคืนออกมาเดิน ออกมาเดินที่ลานหลวงปู่ใหญ่ หรือว่าที่องค์หลวงปู่ใหญ่ ที่ไหนว่างๆ โล่งๆ ก็ออกมาเจริญสติ มาสังเกตดูจิตของเรา มาสังเกตดูความคิดของเรา จิตของเราก่อตัว เราดับได้ระดับไหน ขันธ์ห้าเขาผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตของเรา เรารู้เท่าทันหรือไม่ เราก็พยายาม ตักตวงเอา
ใหม่ๆ ก็ธรรมดา บวชใหม่ๆ เปลี่ยนสภาวะ ใหม่ๆ สภาพร่างกายของเราก็ไม่พร้อม แล้วก็ค่อยเปลี่ยนสภาพ ปรับสภาพร่างกายของเรา วันละเล็กวันละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป ก็จะดีขึ้นค่อยเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่ว่าจะให้ดีวันหนึ่งวันเดียว เราก็ต้องพยายามเอา สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็หนักอยู่ สภาพภายนอกก็เหมือนกับไม่เป็นอะไร เพราะว่าหลวงพ่อไม่ได้เป็นกังวล แต่สภาพร่างกายนั้นอ่อน กล้ามเนื้อนั้นอ่อน จะลุกจะก้าวจะเดินก็ลำบากแล้ว จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ก็ไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่าที่โอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็จะพยายามสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดีให้กับทุกคนให้อยู่ดีมีความสุข มีอะไรก็ให้เชื่อฟังกัน ติดขัดหรือขาดตกบกพร่องอะไร ก็มาหาท่านอาจารย์ต้าก็ได้ หรือมาหาหลวงพ่อหลวงปู่ก็ได้ ถ้าพอที่จะช่วยดูแลได้ก็ช่วยกัน
ให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคีกันนะ ให้เป็นบุคคลที่บอกง่ายสอนง่าย บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แก้ไขปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา อย่าให้คนอื่นบังคับ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรผิด อะไรถูก เราก็ต้องพยายามรีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ทิฏฐิมานะ เอาอัตตาเข้ามาห้ำหั่นกัน
เราอยู่บ้านก็เป็นอีกอย่าง บวชเข้ามาก็เป็นอีกอย่าง เราต้องบวชเข้ามาลดมาละ มาศึกษากาย ศึกษาใจของเรา ความคิด ทิฏฐิมานะ ปัญญาเก่าๆ ของเราอย่าเพิ่งเอามาใช้เลย เราพยายามหยุดระงับยับยั้ง เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ มันเกิดอย่างไร จิตเกิดอย่างไร ความคิดเกิดได้อย่างไร เราพยายามดูรู้ให้ทัน ความเจริญก้าวหน้าจะบังเกิดขึ้นกับเรา รู้ไม่เท่าทันแล้วก็พยายามระงับยับยั้งเอาไว้หยุดเอาไว้ จนกว่าวิญญาณของเราจะคลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์นั่นแหละ จึงได้ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในเรื่องอัตตา ในเรื่องอนัตตา เข้าใจในเรื่องการแยกรูปแยกนาม เดินปัญญาละขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขารของตัวเอง สูงขึ้นไปก็เข้าใจในเรื่องวิปัสสนาภูมิ การเดินปัญญา ละกิเลสหยาบ ละกิเลสละเอียด ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของพวกเราเอง เราต้องพยายามกัน
เอาล่ะวันนี้ก็เอาเท่านี้ หลวงพ่อก็เหนื่อยแล้ว