หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 002

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 002
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 002
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องแล้วก็ให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดต่างๆ ดับความคิด ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ ทุกเรื่องเอาไว้ให้หมด ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก กระตุ้นความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน

หายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามฝึกตรงนี้ให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ การสร้างความรู้ตัวแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องอยู่ปัจจุบันธรรมได้ชำนาญ ได้เกิดความเคยชิน สติของเราก็จะตั้งมั่นขึ้น ส่วนใจของเรา เวลาใจของเราปกติก็รู้ปกติ ใจของเราเกิด เราก็จะรู้ลักษณะการเกิดของเขาทันที ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราแล้ว เราก็จะรู้ลักษณะการก่อตัว การเกิดของเขา เราก็จะเห็น

อันนี้เป็นเรื่องของการเจริญสติเข้าไปรู้ใจ ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม เขาเกิดอย่างไร ไปอย่างไร จะได้เจริญสติเป็นที่พึ่งของใจ ที่พึ่งภายนอกทางสมมติ ทางภาระหน้าที่การงาน ทางโลกธรรม ทุกคนก็มีกันพอที่จะไม่ลำบาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่วัดของเราก็เหมือนกัน หลวงพ่อก็อนุเคราะห์ให้ได้เฉพาะที่พึ่งทางสมมติไม่ให้ได้ลำบาก ส่วนทางด้านจิตใจ เราก็ต้องพยายามหมั่นเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ใจ หมั่นพร่ำสอนใจ สติเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง

เราจะบริหารใจของเราอย่างไร จัดระบบระเบียบใจของเราอย่างไรให้ตั้งมั่นอยู่ในองค์สมาธิ ที่ปราศจากกิเลส ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ปราศจากการเกิด หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน ในหลักธรรมแล้ว เราต้องให้ใจของเราอยู่เป็นสมาธิให้ได้ทุกอริยาบท ไม่ใช่สมาธิที่บังคับ ไม่ใช่สมาธิที่ข่มเอาไว้ ต้องเป็นสมาธิที่เกิดจากปัญญา เกิดจากปัญญาแยกแยะ เกิดจากการเจริญสติเข้าไปแยกแยะ แยกรูปแยกนาม ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง ให้จิตของเรายอมรับความเป็นจริง แล้วจิตของเราก็ปล่อยก็วาง แล้วก็ใจของเรารู้ว่า จิตของเรายังเกิดกิเลส เราก็พยายามละกิเลสเอาให้หมดจากจิตจากใจของเรา

แม้แต่ความอยากเล็กๆ น้อยๆ อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา มันก็ยากนะ การพูดง่ายนี้ง่าย การกระทำกว่าจะผ่านพ้นวิบากกรรมของสมมติได้แต่ละชั้นๆ แต่ละตอน มันก็ยากอยู่ ก็ต้องอาศัยความเพียร อาศัยการสร้างตบะบารมี อาศัยความจริงใจ ขยันอดทน ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา เรามีความเสียสละ ไม่ว่าทางกำลังกาย กำลังสติปัญญา เสียสละส่วนตัว ส่วนร่วม ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ส่วนรวม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความรับผิดชอบที่สูง เป็นบุคคลที่มีความจริงใจต่อตัวเอง ความจริงใจต่อคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น เป็นบุคคลที่ฝักใฝ่ขวนขวาย สนใจ แล้วก็รู้จักศึกษาค้นคว้า

ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างงนี้ รู้ไม่เท่าทันใจของเรา เราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ เรายับยั้งได้ระดับไหน ต้นเหตุ กลางเหตุ ระดับกาย ระดับวาจา ต้นเหตุตั้งแต่ก่อตัว ตั้งแต่ใจก่อตัว ทำไมใจของเราถึงส่งออกไปภายนอก ทำไมใจของเราถึงหลงความคิด หลงอารมณ์ ทำอย่างไรเราถึงจะรู้โทษทัน เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่อง พวกเราก็ทำได้อยู่ แต่ทำแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ทำแบบทำบ้างไม่ทำบ้าง ควบคุมใจได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่พยายามทำให้ต่อเนื่อง ให้รู้ให้เห็นทุกขณะทุกเวลา รู้ไม่เท่าทัน ก็รู้จักควบคุม ถ้าเราเห็นแล้ว ใจของเราคลายแล้ว ถ้าเราไม่ตามทำความเข้าใจให้มันเต็มรอบอีก ก็ยากที่จะเข้าใจ

จะง่ายสำหรับบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเพียร แต่อย่าไปทำความเพียรด้วยอำนาจของความอยากที่เกิดจากตัวจิต เกิดจากขันธ์ห้า เพียงแค่สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง รู้ไม่เท่าทัน เราก็เริ่มนับ เริ่มควบคุมใหม่ เอาใหม่ ทำใหม่ ช่วงใหม่ๆ ก็ทั้งอึดอัด ทั้งสารพัดอย่าง มารกิเลส มารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมให้ใจของเราตกกระแสธรรมได้ง่ายเหมือนกัน เพราะเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ว ที่ใจของเราหลงวนเวียนว่ายตายเกิด

มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์นี่ก็หลง หลงมาเกิด แต่เป็นหลงมาเกิดในภพภูมิที่ดี แล้วการศึกษา การค้นคว้า การทำความเข้าใจ ก็มาทำความเข้าใจอยู่ในภพของมนุษย์นี้แหละ พระพุทธเจ้าถึงได้เกิดมา เสวยชาติมาเป็นชาติสุดท้าย การเป็นมนุษย์มาค้นคว้า มา แสวงหาความจริงให้ปรากฎ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม

ธรรมะนั้นมีอยู่เดิมคือความบริสุทธิ์ของใจ นั่นก็คือองค์ธรรม นั้นมีอยู่เดิม แต่ความหลงทำให้เขาเกิด เกิดแล้วก็ไปยึดด้วย ยินดีด้วย เป็นทาสทางอารมณ์ด้วย เราถึงได้มาอาศัยกายนี้เจริญสติ มาสร้างความรู้ตัวเข้าไปหาเหตุหาผล ค้นหาเหตุหาผล ใหม่ๆ เรายังไม่รู้ ยังไม่เห็นเหตุเห็นผล เพราะว่ากำลังจะสติ กำลังปัญญาที่เกิดจากจิต เกิดจากความคิดเก่าเขารวย เราต้องรู้จักควบคุมเอาไว้ รู้จักดับเอาไว้ เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ อยู่กับลมหายใจบ้าง อยู่กับคำบริกรรมบ้าง

จนกำลังความรู้ตัวของเราต่อเนื่องขึ้น จนสังเกตรู้เท่าทันการเกิดของจิต ของความคิด ของอารมณ์ จนใจของเราคลายได้ ทักทายได้ ในใจของเราก็จะโล่ง โปร่ง ว่าง เราก็จะเข้าใจในเรื่องสมมติ เข้าใจในเรื่องวิมุตติ มองเห็นหนทางเดิน ทำความเข้าใจ อันนี้สำหรับบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ถึงจะเข้าถึงตรงนี้ เข้าถึงตรงนี้แล้วก็ต้องขยันหมั่นเพียรเป็นทวีคุณ

กว่าจะเดินถึงตรงจุดนี้ได้ เราก็ต้องผ่านอุปสรรค ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ ผ่านความยาก ผ่านความลำบาก อันนั้นเป็นที่มาของกรรม ทำไมเราถึงไปอยู่ที่โน้นบ้าง ไปทำที่โน้น ที่นี่บ้าง เพราะวิบากกรรมของเรามีตามสถานที่ต่างๆ อย่างพวกเรามาวัด อย่างนี้ก็เป็นวิบากกรรม ได้เข้ามาวัด ได้มาสร้างกุศลกรรม มาสร้างบารมีๆ ความเสียสละ ความอดทน มาสร้างคุณประโยชน์ให้กับวัด ให้กับสถานที่ ให้กับหมู่ให้กับคณะ ให้กับเพื่อนกับฝูง

อันนี้แหละ เราได้มาสร้างบารมีที่นี่บ้าง บางทีเราก็ไปสร้างที่โน่นบ้าง สร้างที่นี่บ้าง มันเป็นการสร้างกุศลกรรมให้มีให้เกิดขึ้น ถ้าถึงเวลาแล้วอานิสงส์ผลบุญที่พวกเราได้สร้างทำเอาไว้ สะสมไปเรื่อยๆ มันเต็มเปี่ยม มันล้น จิตใจของเรามีความสงบตั้งมั่นขึ้น การเจริญสติ เราก็พยายามทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่ส่งผล ส่งผลหมดเลยทีเดียว

แม้แต่การทำบุญเล็กๆ น้อยๆ ความเสียสละทั้งภายนอก เสียสละกิเลส เสียสละสิ่งของ ข้าวของ วัตถุสิ่งของต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ เสียสละโดยที่ไม่ต้องไปหวังอะไร ไม่ต้องไปอยากอะไร เราเสียสละออกไป เพื่อชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา เสียสละจนหมด จนไม่เหลือที่ใจของเรา จนเหลือตั้งแต่ความว่าง ความบริสุทธิ์ นั่นแหละคือสิ่งที่เราได้ในสิ่งที่สูงที่สุด

ทีนี้การทรงความว่าง จิตที่ว่างจากกิเลสเป็นอย่างไร จิตที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นเป็นยังไง จิตที่คลายจากความคิด จากอารมณ์เป็นอย่างไร เราต้องหมั่นพร่ำสอนใจของเรา พร่ำสอนจิตของเราตลอดเวลา หนุนกำลังสติไปใช้ ไปทำหน้าที่ งานภายในจบ งานภายนอกเราก็ยังประโยชน์ให้กับตนเอง ให้กับสมมติ ให้มีความสงบ ความสุข
ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ละความเกียจคร้าน ละนิวรณ์ มีแต่ความขยันหมั่นเพียรไม่ว่ากลางวันกลางคืน นอกจากกำลังกายของเราจะอ่อน ก็ต้องพยายามกัน หมั่นวิเคราะห์ หมั่นพิจารณา หมั่นสำรวจตัวตนของเรา แก้ไขตัวตนของเรา

ในทางสมมตินั้นหลวงพ่ออนุเคราะห์ให้ ทำให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข อยากจะให้ทุกคนประพฤติวัตรปฏิบัติกัน เอาตัวเองไปให้ถึง ไปได้เร็วได้ไว ในทางวิมุตติทางด้านจิตใจ การละกิเลส เราต้องละเอง ทำเอง ขยันหมั่นเพียรเอง ไม่ใช่ว่าไปอยู่ที่โน้น ฉันจะเข้าใจ ไปอยู่ที่นี่ ฉันจะเข้าใจ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่รู้จักจำแนกแจกแจง วิเคราะห์พิจารณาแล้ว เราจะไปโทษคนอื่นไม่ได้เลย เราต้องโทษตัวเอง แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา

อยู่คนเดียวแล้วก็พยายามแก้ไขตัวเรา ไม่ให้หนักตัวเรา แล้วก็ไม่ให้หนักสถานที่ ไม่ให้หนักคนอื่นเขา เราพยายามแก้ไขตัวเรา ใช้ตัวเองให้เป็น เป็นที่พึ่งของตัวเราให้ได้ ทั้งภายใน ภายในก็พึ่งให้ได้ ภายนอกก็พยายามพึ่งตัวตนของเราให้ได้ จะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อย่าพากันเกียจคร้าน มีอะไรก็ให้ช่วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงานทำการ ไม่ว่าอยู่ที่วัด ความขยันหมั่นเพียรก็จะติดตามตัวเราไป ถ้าเราเกียจคร้าน จากน้อยๆ ก็สร้างสะสมไปมากขึ้นๆ ก็หนักตัวเอง หนักคนอื่น หนักสถานที่ เสียเวลา เสียโอกาส เราก็ต้องพยายามกันนะ

ชาวคณะทางโรงปูน เห็นว่าวันนี้จะกลับ ได้มาหลายวันมาช่วยการช่วยงาน ทางวัดก็ได้ความอนุเคราะห์จากทางโรงปูน ไม่ว่าจะมาเที่ยวไหนชุดไหน ก็มาสร้างประโยชน์ให้กับทางวัด อันโน้นบ้างอันนี้บ้าง ฝากฝังเอาไว้ หลวงพ่อก็ขอขอบคุณมากๆ เลยทีเดียว นี่แหละเรามาสร้างบารมี สร้างบุญ สร้างอานิสงส์กัน มาเสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ และก็ฝากขอบคุณไปถึงผู้บริหารท่านด้วย ที่มีโอกาสได้ทำบุญให้กับบริวาร ให้ทำบุญกับลูกน้อง อยากจะให้บริวารได้ผลัดเปลี่ยนโอกาส ผลัดเปลี่ยนสถานที่ มาเปลี่ยนบรรยากาศ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย มาสำรวจใจของเรา แล้วเอาไปใช้กับชีวิต แต่ละวันแต่ละวันเราผิดพลาดตรงไหน เราดำเนินชีวิตของเราไปอย่างไร ใจของเราถึงจะมีความสุข กายของเราถึงจะมีความสุข เราก็จะเอาไปบริหารชีวิตของเรา

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน มีโอกาสถ้าผ่านมาทางนี้ก็มาแวะมาพัก ให้เปรียบเสมือนเสียว่ามาบ้านของเรา มาได้ตลอดเวลานะ มาได้ตลอดเวลา มาคนเดียวก็มา อยากจะพาครอบครัวพาลูกพาหลานมา มาเที่ยวมาพัก มาได้เลยมาได้ตลอดเวลา นี่คือคิดเสียว่าเป็นบ้านของเรา อยากจะมาพักเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนก็มา หรืออยากจะมาบำเพ็ญ มาเจริญสติ เจริญสมาธิก็มา มาได้ตลอดเวลา หลวงพ่อก็ขอบคุณทุกคน

เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง