หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 58

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 58
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 58
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 58
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 เมษายน 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัว เรารู้จักวิเคราะห์ใจของเรา วิเคราะห์กายของเรา วิเคราะห์ความเป็นอยู่ของเราแล้วหรือยัง ทุกเรื่องในชีวิต เราต้องวิเคราะห์ทำความเข้าใจหมด ทำเรื่อง ดูเรื่องภายในของเราให้จบ แล้วก็ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม เพราะว่าคนเราก็อาศัยเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จิตวิญญาณก็เกี่ยวเนื่องด้วยกาย อาศัยกายสร้างภพสร้างชาติขึ้นมา แล้วก็อาศัยกาย แต่มาหลงกายมายึดกาย ก็เลยไปหลงไปยึดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็รักตัวเอง เป็นห่วงตัวเองก็เลยลืมสิ่งแวดล้อม ว่าตาทำหน้าที่ดู หูทำหน้าที่ฟัง กายของเรายังอาศัยปัจจัยสี่อาศัยหมู่ อาศัยคณะ อาศัยสังคม ท่านถึงให้มี ให้อยู่ด้วยพรหมวิหารด้วยความเมตตา มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่มีความสุข

ความรักตัวเองก็เลยเกิดความเห็นแก่ตัว ไม่สนใจเรื่องอื่น ก็เลยเกิดเป็นความทุกข์ เพราะว่าความไม่เข้าใจ เหมือนกับสมัยพระพุทธองค์ ท่านไปละ ไปช่วยเหลือคนตระหนี่ เศรษฐีตระหนี่ขี้เหนียวแม้แต่กระทั่งขนมนมเนยก็ไม่อยากจะแบ่งให้หมู่ให้คณะทาน แม้แต่ภรรยาก็ไม่แบ่ง กลัวทรัพย์สินจะแหว่ง จะอยากกินขนมก็เลยให้ภรรยาไปซื้อขนม ซื้อแป้งซื้ออะไรมาทำ ทำอยู่ชั้นล่างก็กลัวคนอื่นจะรู้จะเห็น จะให้ขึ้นไปทำอยู่ชั้นบน ชั้นที่ 7 พระพุทธองค์ทราบเรื่อง ก็เลยให้ส่งโมคคัลลานะไปช่วย เหาะขึ้นไปบนชั้น 7 ชั้นบน ให้โผล่หน้าให้เห็น ขนาดแอบไปทำชั้นบน กลัวคนจะได้เห็น กลัวคนจะได้กิน กลัวจะได้แบ่ง ก็ยังอุตส่าห์มีคนไปเห็นอยู่ ก็เลยตัดสินใจแบ่งให้นิดนึง กลัวเขาจะว่าเอา

อานิสงส์ผลทานแค่นิดเดียวนะ ขนมเปื้อนที่ไปอดไปทำอยู่ชั้น 7 ขยายออกให้เท่าไรก็ไม่หมด กินเท่าไรก็ไม่หมด จนล้นออกไป ต้องได้ไปแจกไปทาน เอาไปแจกไปทาน ขนาดแจกทานก็ยังไม่หมดอีก เกิดจากอำนาจแห่งบุญของโมคคัลลานะ ของพระพุทธเจ้าที่จะไปละคนตระหนี่เหนียวแน่น ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเหนียว ขี้เหนียว แค่ทานก็ไม่หมด จนได้เอาไปเททิ้งอยู่ที่หน้าวัด เอาไปเอามาเศรษฐีคนนั้นก็เลยมีตั้งแต่ให้ทาน แจกทาน อุปถัมภ์พระสงฆ์องค์เจ้า จนล้นจนเหลือ มีนามว่าอะไรนะ จำไม่ค่อยได้ ในพระไตรปิฎกท่านมีอยู่ นั่นแหละความตระหนี่เหนียวแน่น ความไม่เสียสละ ต้องจนแม้แต่ลูกเมียก็ไม่อยากจะให้กินด้วยก็จะเปลือง

พออานิสงส์แห่งบุญเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าไปทำให้เห็นให้เกิดขึ้น ก็มีตั้งแต่สร้างบุญสร้างอานิสงส์ ก็เลยเป็นพวกอุปการะพุทธศาสนา อุปการะพระภิกษุสงฆ์ จนไป ตายแล้วไปเกิดอยู่ในสวรรค์ เฉพาะอำนาจแห่งบุญ แต่คนเราไม่เข้าใจ รักตัวเอง ไม่อยากให้เราลำบากความเสียสละไม่มี อะไรไม่มี พรหมวิหารไม่มี ความเสียสละไม่มี หมู่คณะไม่มี มันก็เลยลำบาก เราก็ต้องพยายาม

ไม่ต้องไปต้องกลัวอด กลัวลำบาก เอาออกคลายออกที่ใจของเราให้หมด จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญา บริหารด้วยปัญญา อยู่ด้วยความสุข อยู่ที่ไหนก็มีคนรัก คนรอบข้างก็รัก คนไกลใกล้ไกลก็มา ไม่ต้องไปกลัวลำบากหรอก ถ้าเรามีอานิสงส์มีบุญพอ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ลำบาก ถ้าเรามีตั้งแต่ความตระหนี่เหนียวแน่น มีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัวไปที่ไหนก็แม้แต่ตัวเองก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องพยายามหัดทำความเข้าใจแล้วก็ละกิเลส ละคลายความหลงด้วยการเจริญสติ ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านถึงได้บัญญัติเอาไว้ ทำความเข้าใจเอาไว้ มีหมดนั่นแหละ

จิตใจของบุคคลที่จะไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูง ก็ต้องมีศรัทธาน้อมกาย น้อมใจเข้ามา มีความเพียร มีความเสียสละ ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความโลภ ละคลาย คลายความโกรธ ละความโกรธ คลายความหลง ด้วยการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ แยกวิญญาณออกจากขันธ์ห้าของตัวเรา ก็ร่างกายของเรานี่แหละให้รู้ให้เห็นแจ้ง หมั่นพร่ำสอนใจของตัวเอง เข้าใจในหลักธรรม เข้าใจในความหมาย ที่พระพุทธองค์ท่านได้บัญญัติเอาไว้

คำว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร กายวิมุตติเป็นไง ใจวิมุตติเป็นอย่างไร อะไรคือสมมติบัญญัติ อะไรคือวิมุตติบัญญัติ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล เหตุผลทางด้านนามธรรมทางด้านจิตวิญญาณเขาก็มี เหตุผลทางด้านสมมติก็มี เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะเจริญสติเข้าไปรู้เท่าทัน หมั่นพร่ำสอนใจของเราได้หรือไม่ เพราะว่ากิเลสมันยังปิดกั้นเอาไว้อยู่ โมหะยังปิดกั้นเอาไว้อยู่ ก็ความรักตัวเองนั่นแหละ เมื่อวานนี้ก็ไปฆ่าตัวตายเสียคน โดดน้ำตายที่ภูเก็ต ที่เคยมานี่อยู่ด้วย ก็ส่งข่าวมา ก็รักตัวเอง เป็นสาว เป็นครูด้วย รักตัวเองมากเกินไป จิตหลอนๆ ว่าเป็นองค์ร่างทรงของแม่กวนอิม มันหลอกมันหลอนให้ไปกระโดดน้ำตาย สารพัดอย่างนั้นแหละไม่ได้เดินๆ ตามทางของพระพุทธองค์

แม่ชีก็เหมือนกัน สมัยก่อนแม่ชีคนหนึ่งอยู่ที่บ้านไผ่ เชื่อมั่นในตัวเอง ออกบวชชีแล้วไม่เชื่อฟังใคร หลงนิมิตติดนิมิต มันหลอก นิมิตเป็นนางฟ้าอันโน้นนางฟ้าอันนี้ เอาไปเอามาก็ไปผูกคอตาย มีเงินมีทองเท่าไรก็ไปซื้อเครื่องเสียงมาเปิดมันอยู่หน้าโรงพักแล้วก็เต้น พ่อแม่ไปบอกไปห้ามนี่กำปั้นนี่ใส่ของตาพ่อแม่บอกว่าพ่อแม่เป็นหมา ถึงขนาดนั้นนะ ถ้าไม่รู้จักเดินตามแนวทางของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างไร การละเป็นอย่างไร การดับเป็นอย่างไร คำว่าปัจจุบันธรรมเป็นอย่างไร อะไรคือสติปัญญาที่แท้จริง อะไรคือวิปลาสความหลง หลงอยู่ในระดับของสมมติ

เพียงแค่การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็หลงแล้ว เพียงแค่การสร้างคุณงามความดีก็หลงแล้ว แต่เป็นหลงในสิ่งที่ดี แต่ก็ยังยังดีก็หลงไปสู่ในทางที่ไม่ดี แม้แต่การทำบุญให้ทาน มีทานหลายระดับ ระดับวัตถุทาน ระดับปรมัตถธรรม ปรมัตถ์ทาน การเดินปัญญา การละกิเลส การแยกรูปแยกนาม พวกเรามามัวแต่มีความเกียจคร้านมันจะไปถึงไหน ความขยันหมั่นเพียรมีเต็มเปี่ยมหรือไม่ มีความจริงใจต่อตัวเองหรือไม่

ข้อวัตรปฏิบัติขัดเกลาต่างๆ ก็เพื่อที่จะละกิเลส เพื่อที่จะให้อยู่ในความเป็นระเบียบ ทำไมไม่เอามาขัดเกลาตัวเรา จะชอบให้ตั้งแต่คนอื่นเขาบังคับ เราต้องบังคับตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเองได้เท่าไรก็ดี บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าไปเที่ยวแบกตัวเราให้คนอื่นเขาสอน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ไปชอบให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอนนะ ต้องสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น เสียเวลาเปล่า ไปอยู่ที่ไหนก็เสียเวลา

ถ้าเรามีความขยัน มีความรับผิดชอบทั้งภายในภายนอก ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เรื่องชีนั้นยังไม่จบ ไปผูกคอตาย ได้ผูกคอตาย ก็เพราะความหลง ทั้งที่ก็ฝักใฝ่ในธรรม แต่ไม่รู้แนวทาง ไม่สนใจครูบาอาจารย์องค์ไหนก็ไม่สนใจ ฉันจะปฏิบัติของฉัน พอพระพุทธเจ้าท่านบอกให้ปล่อยวาง ก็เคยมาอยู่ด้วยนี่แหละ เป็นอาทิตย์ มาอยู่ด้วยก็อยู่ ไม่อยู่เฉยๆ เพราะว่าพุทธเจ้าท่านบอกให้ปล่อยวางอะไรก็ไม่ทำ ทำความสะอาดก็ไม่ทำ กุฏิวิหารได้เขียนสกปรกรกรุงรังหมด กิเลสถ้ามันฟุ้งขึ้นมา สารพัดอย่าง กินแล้วก็ไม่ล้าง ห้องเหม็น นั่นแหละ

คนเราก็ต้องอยู่ด้วยสติด้วยปัญญา อยู่ด้วยเหตุด้วยผล พระพุทธองค์ท่านสอนให้คนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ อะไรไม่มีก็ขยันให้ทำให้มันมี มันเกิดให้เป็นประโยชน์ ให้รู้จักแบ่งแยกทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอก ให้รู้จักเหตุ เหตุผลภายใน เหตุผลภายนอก ให้รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้กับสมมติ จนกว่าธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ

ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร ขัดเกลากิเลสภายในก็ละออกให้มันหมด แม้แต่ความอยาก ความอยากไม่ใช่เฉพาะความอยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากไปอยากมา อยากมี อยากเป็น จนใจไม่เกิด อยากเกิด อยากคิดนั้น จนเหลือตั้งแต่การเกิดของปัญญาล้วนๆ แม้แต่ปัญญาล้วนๆ ทั้งการเกิดถ้าเป็นอกุศลก็ยังให้ดับอีก รู้จักวิธีรู้จักแนวทาง แล้วก็ทำความเพียรทั้งกลางวันทั้งกลางคืน เอาการงานเป็นตัวหลักของการปฏิบัติ ทำไปด้วย ดูใจไปด้วย ละนิวรณ์ไปด้วย ละความเกียจคร้านไปด้วย เพิ่มความขยันหมั่นเพียร มันได้หมด ไม่ต้องปล่อยเวลาทิ้ง

บุญก็ใจนั่นแหละคือตัวบุญ ใจมีความสะอาด ความบริสุทธิ์ ใจมีความสุขนั่นแหละบุญ ทำอย่างไรเราถึงจะรักษาใจให้อยู่กับบุญได้ตลอดเวลา อานิสงส์แห่งบุญมันก็เต็มเปี่ยมล้นออกไปสู่ กว้างขวางมากมาย ทรัพย์ภายนอกเราก็ยังเพื่อให้เกิดประโยชน์อนุเคราะห์แก่กายแก่สมมติ ให้เกิดประโยชน์ เราก็พอได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พอได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่จำเป็นต้องไปถกไปเถียงกันมากมาย

ธรรมะไม่จำเป็นต้องพูดเลย ถ้าคนรู้จักเอา รู้จักวิธีแนวทาง ไม่ต้องไปพูดมาก พูดน้อยปฏิบัติขัดเกลาให้มากๆ จนเข้าถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของใจที่แท้จริง หมดความสงสัย หมดความลังเล จะไปวิ่งหาที่ไหน ไม่ละ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเรา ข้อวัตรปฏิบัติก็เพราะเพื่อความเป็นระเบียบระดับของสมมติ ระดับวิมุตติ ศีลสังคม ศีลอธิจิต อธิศีล อธิวินัย ก็มีไว้หมด ก็ขัดเกลาลงไปสิ ทำลงไปสิ ไม่ต้องไปลำบากอะไร อยู่ที่ไหนก็มีความสุข สนุกสร้างบุญ เพื่อให้เกิดประโยชน์

ตอนนี้พระเราชีเราก็ช่วยกัน ช่วยเอารากไผ่ออกให้หน่อยนะ รากไผ่ที่รถมาเก็บมาไถรากไผ่ป่า เหลือแต่รากมันเหลือไม่เยอะ ช่วยกันทำหลุมลงต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ได้ความร่มเงา เพราะว่าโยมจะเอาต้นไทรใหญ่มาให้ ก็จะได้เอาร่มไทรใหญ่เพื่อให้ได้ร่มเงา หล่วงพ่อก็จะได้รอปลูกต้นสาละให้ออกดอกออกผลในวันข้างหน้า ต้นสาละต้นที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม้เป็นสิริมงคล ดอกใหญ่สวยงาม มีโอกาสได้จะปลูกไว้ให้เต็มป่า เอาไว้ให้คนรุ่นหลัง ถ้าเราไม่ปลูก ไม่สร้าง ไม่ทำ คนรุ่นหลังก็ลำบาก อันนี้ก็เริ่มจากศูนย์ ในป่าช้าตรงนี้

แต่ก่อนมีแต่หญ้าเพ็ก หญ้าหนาม หญ้าเล็บแมว หญ้าคาเต็มไปหมด ทั้งเผาทั้งทั้งฝัง ไม่น่าอยู่ หลวงพ่อเข้ามาอยู่ก็หลายรุ่น แล้วก็ช่วยกันทำ ช่วยกันบูรณะมา จนเป็นแหล่งน่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ทำให้ดี พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อไม่ต้องลำบาก ฝากทรัพย์เอาไว้ ฝากบุญเอาไว้กับสังคมไว้กับโลก ไว้กับสมมติ ยังจะพากันเกียจคร้านอยู่ ต้องขยันหมั่นเพียรให้ติดเป็นนิสัย ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง