หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 19

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 19
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 19
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 19
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556

พากันดูดีๆ พระเราชีเรา เมื่อคืนนี้ก็ญาติโยมพากันมาเวียนเทียนกันเยอะมากมาย สถานที่จอดรถแน่นไปหมดเลย ต่อไปในวันข้างหน้าก็คงจะมากขึ้นอีกเยอะเพราะว่าเป็นแหล่งบุญ แหล่งบุญอยู่ที่ไหนเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาก็ย่อมจะหลั่งไหลมาเป็นธรรมดา พระบรมสารีริกธาตุก็ได้อันเชิญมา รูปหลวงปู่ใหญ่สร้างองค์แทนพระพุทธองค์ก็ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าเหล่าเทวดาอารักขาแล้วก็มาสิงสถิตทุกอณูขุมขนทุกองค์ทุกรูป ไปที่ไหนก็มีแต่ความร่มรื่นร่มเย็น

ญาติโยมพาลูกพาหลาน พาพ่อพาแม่มาเที่ยวมาชม มากราบมาไหว้สักการะบูชา คนทั่วไปก็อยู่ในระดับนี้กันแหละ ส่วนที่จะให้เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทันการเกิดการดับของจิตของวิญญาณอันนี้ก็มีน้อย การละกิเลสให้หมดจดอันนี้ก็มีน้อย อย่างน้อยๆ ก็ให้อยู่ในกองบุญ มีจิตศรัทธา น้อมกายเข้ามาก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้บุญ บุญระดับสมมติก็ให้มีความสุขกัน ได้สร้างเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวไป ถ้าคนมีอานิสงส์มีบุญบารมีเพียงพอก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน มองเห็นหนทางเดิน

ดับความเกิดของตัววิญญาณ แล้วก็รู้ลักษณะของวิญญาณ รู้ความบริสุทธิ์ของวิญญาณ ใจวิญญาณ หรือว่าใจวิญญาณในขันธ์ห้าในกายของเรา การเกิดการก่อตัว เราหยุดเราดับ ควบคุมแล้วก็ปล่อยวาง ให้อภัยทาน ความคิดที่แทรกเข้ามาที่เราไม่ตั้งใจคิดมันก่อตัวอย่างไร ถ้าความรู้ตัวของเราเร็วไวเราก็จะเห็น ตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง การละกิเลสต่างๆ ก็จะตามมา เข้าใจในภาษาธรรมภาษาโลก ถ้าใจของเราว่าง ใจของเราคลาย เราถึงจะเข้าใจภาษาธรรม ใจของเราปราศจากกิเลสหยาบปราศจากกิเลสละเอียด ใจของเราไม่เกิด ใจของเราก็สะอาดบริสุทธิ์ พยายามทำกัน ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ยิ่งพระยิ่งชี

การเจริญสติ ลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แต่ปัญญานั้นมีเก่งกันทุกคน ปัญญาของโลกของโลกีย์มี เก่ง ไม่ใช่ว่าไม่ดีก็ดี ดีอยู่ในระดับของสมมติ ถ้าไม่มีปัญญาโลกเราก็ไม่เข้าใจปัญญาธรรม ก็ต้องอาศัยปัญญาโลกไปสังเกตไปวิเคราะห์จนรู้จนเห็น ใจถึงจะเป็นปัญญาธรรม ถ้าการดับการละไม่มี ใจก็ไม่นิ่ง ท่านถึงให้เจริญสติจากน้อยๆ ไปหามากๆ จนรู้ลักษณะของสติที่แท้จริง ความรู้ตัวที่แท้จริงแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง รู้ตัวแล้วก็รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ค่อยฝึกค่อยทำกัน

ความอยากเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าให้เกิดขึ้นที่ใจ อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่อยากไปไม่อยากมา ความตระหนี่ ความทะเยอทะยานอยากมันสลับซับซ้อนอยู่ในกายของเรานี้แหละไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก สลับซับซ้อนอยู่ในกายของเรา ถ้าเราแจงไม่ออกบอกไม่ถูก มันก็รวมกันไปหมด ทั้งที่ใจเป็นบุญ ใจอยากจะรู้ธรรม ใจแสวงหาธรรม การแสวงหาการเกิดของใจ​ ​เขาปิดกันตัวของเขาหมดเลย เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปหยุด เข้าไประงับยับยั้ง เข้าไปหาเหตุหาผล หมั่นพร่ำสอนใจ ความรู้ตัวของเราก็จะกลายเป็นสติแล้วก็มหาสติ รู้รอบแล้วก็กลายเป็นปัญญา จากปัญญาก็เป็นมหาปัญญา จนไม่ได้สร้าง จนเป็นธรรมชาติหมดทั้งสติทั้งปัญญา

ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน การดูแลน้ำอย่าไปเปิดทิ้ง บางทีก็เห็นไปเปิดทิ้งจุดโน้นบ้างจุดนี้บ้าง ฟืนไฟพัดลมต่างๆ อย่าไปเสียบปลั๊กทิ้งเอาไว้ อย่าไปเปิดทิ้งเอาไว้ รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ขยะก็เหมือนกัน ทีนี้ขยะก็ต่อไปบ่อขยะก็เต็มหมด ก็จะได้ให้มาทิ้งทางฝั่งด้านตะวันตกที่หลวงพ่อทำที่เก็บเอาไว้ เขาบอกให้แยกขยะด้วย ขยะขายขยะทิ้ง เป็นล็อกๆ เป็นช่องๆ จะได้เกิดประโยชน์

ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย นั่นแหละคือ ข้อวัตร ภายในภายนอก ภายนอกก็เป็นระเบียบ ภายในเขาจัดระบบระเบียบของความคิดของอารมณ์ ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิด อะไรเป็นกุศลหรือว่าอะไรเป็นอกุศล หมั่นพร่ำสอนตนเองตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวปฏิบัติที่โน่นปฏิบัติที่นี่ กิเลสไม่ละมันก็เหมือนเดิม กิเลสหยาบกิเลสละเอียด

เราต้องเจริญสติเข้าไปพิจารณาไปแก้ไขตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา อยู่คนเดียวก็เป็นวัด อยู่หลายคนก็เป็นวัดถ้าเราเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะไปอยู่ที่โน่นไปอยู่ที่นี่เราจะรู้ธรรม ถ้าการทำความเข้าใจไม่มี การวิเคราะห์ไม่มี การละกิเลสไม่มี การเจริญสติไม่มี การสร้างตบะบารมีความเสียสละไม่มี มันก็ยากที่จะปล่อยที่จะวางได้ ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งพยายามเพิ่มความขยันหมั่นเพียร เพิ่มความรับผิดชอบ เพิ่มความเสียสละ ให้อภัยซึ่งกันและกัน มองโลกในทางที่ดี ไม่ใช่ไปอคติคนโน้นไปอคติคนนี้ เพ่งโทษคนโน้นเพ่งโทษคนนี้ อันนั้นมันเป็นวิสัยของคนโง่ที่ไปเที่ยวอคติคนอื่น ไปเที่ยวเพ่งโทษคนอื่น

เรามาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา แม้แต่วาจา คนทั่วไปเพียงแค่วาจาก็ยังไม่รู้จักควบคุม ไม่รู้จักรักษา แล้วก็ใจ แล้วก็อาการของใจ แล้วก็ความคิดอีกลึกลงไปอีกจะรักษาได้อย่างไร จะเข้าถึงธรรมได้อย่างไรเพียงแค่วาจาก็ยังไม่รู้จักจัดการกับตัวเอง กายสมมติ กิริยา กายสมมติก็ยังไม่รู้จักควบคุม ตัวใจมันเกิด​ ตัววิญญาณในกายของเราในขันธ์ห้าของเรามันเกิดอยู่ตลอดก็ยังไม่เห็น ความคิดที่แทรกเข้ามาอีกก็ยังรู้ไม่เท่าทัน

เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ยังไม่สนใจ มีตั้งแต่จะเอาปัญญาของโลกียะปัญญาของโลกเข้าไปคิดไปพิจารณา มีแต่ปิดกั้นตัวเองหมด ทั้งที่ใจก็เป็นบุญอยู่นั่นแหละ เราก็ต้องพยายาม มันไม่เหลือวิสัย อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านที่วัด อยู่ที่ทำการทำงาน ไม่เห็นแก่ตัว เราพยายามเอา

พระเราก็ยิ่งพยายามเพิ่มความเพียร​ มีอะไรก็ช่วยกัน อยู่ที่นี่ก็เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังใหญ่ เราเคยสร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าไม่เคยสร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกันมาก่อนก็คงจะไม่ได้มาอยู่ร่วมกัน มาอยู่ร่วมกันแล้วก็พยายามสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้น ให้สูงส่งขึ้นไป ไม่ใช่ว่ามาทำลาย เรามาสร้างมาทำ มายังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกัน

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้รับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกัน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ยังขาดการทำความชำนาญ ขาดการทำความเคยชิน พอเวลาจะตั้งสติสร้างความรู้ตัว กายก็อึดอัด ใจก็อึดอัด สมองก็ตึง นี่แหละเขาเรียกว่า ผืนธรรมชาติ

เพียงแค่เรามาสร้างความรู้สึกรับรู้ว่าลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกเป็นอย่างนี้ ลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกเป็นอย่างนี้ ฝึกบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ก็จะเข้าร่องของธรรมชาติของการหายใจ ช่วงใหม่ๆ เนี่ยก็อึดอัดหมดนั่นแหละ บางทีก็กายของเราก็แสดงอาการอย่างโน้นบ้างอย่างนี้บ้าง บางทีก็คันยุกคันยิก บางทีก็หายใจอืดหายใจอัด เพราะว่าเราปล่อยเลยมานาน ปล่อยเลยตามเลยมานาน มาฝึกกาย ทำกายให้สงบระงับ

ทีนี้ก็สร้างความรู้ตัว ความรู้ตัวไม่ชัดเจน เราก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ความคิดที่เกิดจากตัวใจมันส่งออกไปภายนอก เรากระตุ้นความรู้สึกอยู่ที่การหายใจ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ ไม่ใช่ว่าเอาใจไปกำหนดเลย เอาตัวใจไปกำหนดอีก แน่นหน้าอกก็แน่น อึดอัดทันที เราพยายามกระตุ้นความรู้ตัวให้มันชัดเจน แล้วก็ให้ยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจให้เป็นธรรมชาติ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ ไม่ใช่ว่ากลับมาอยู่ได้ครั้งหนึ่งครั้งเดียวแล้วปล่อยเลย มันไปอีก เราก็พยายามหยุดอีก ไปอีกเราก็พยายามหยุดอีก จะฉุดกันไปฉุดกันมา ฉุดกันไปฉุดกันมา กำลังฝ่ายไหนมันจะเยอะ ใจเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาเคยคิดเคยเที่ยว เขาหลงมาตั้งนาน เขาหลงเกิด

เพียงแค่การเกิด การปรุงแต่งนั้นก็หลงแล้ว แล้วก็มาผสมด้วยความทะเยอทะยานอยากอีก แล้วก็เข้าไปร่วมไปรวมกับสิ่งต่างๆ อีก เขาเรียกว่าไปเสวย ไปยินดียินร้าย ลึกๆ ก็ยินดียินร้ายในขันธ์ของตัวเอง ในสติปัญญาทางโลก เราก็มองว่าเป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา แต่ในหลักธรรมแล้วท่านให้เจริญสติ ตัวที่หลวงพ่อบอกนี่แหละให้รู้ให้ต่อเนื่อง แล้วก็รู้ เห็นใจ แล้วก็แจงออกไปอีก อาการของความคิดมันเป็นเรื่องอะไรอีกในขันธ์ธาตุของเรา

ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในอารมณ์ รอบรู้ในร่างกาย อัตตาตัวตน ว่าเขาทำหน้าที่อย่างไร แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรมแปด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา เสื่อมลาภเสื่อมยศ ทำอย่างไรเราถึงจะยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในการกระทำของเรา แต่คนทั่วไปเหมารวมกันไปหมดว่าผิดก็ผิด ถูกก็ถูกอยู่ในระดับของสมมติ ใจยังเกิด ใจยังหลงอยู่

พูดง่าย แต่การศึกษาต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร เป็นคนขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจ พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุ เหตุการเกิดของสมมติ เหตุการเกิดของตัวจิตตัววิญญาณตัววิมุตติ ให้รู้ ให้เห็น ให้ทำความเข้าใจ หมดความสงสัย กำลังสติปัญญามากขึ้นๆ มากขึ้นจนเป็นมหาสติมหาปัญญา สติ ปัญญา สมาธิ ธรรมเขาก็จะรักษาตัวเอง ช่วงใหม่ๆ ใหม่เราต้องสร้างให้มีให้เกิดขึ้นความอยากไม่แม้แต่นิดเดียว แม้แต่การเกิดของตัวใจนิดเดียวเขาก่อตัวอย่างไร เราดับนั่นก็จะถึงตัวตนของเขา ส่วนมากก็จะไปวิ่งตามตั้งแต่เงาของเขาตลอดเวลา เขาปิดบังอำพรางตัวเองทั้งขันธ์ห้าก็มาปิด กิเลสหยาบกิเลสเอียดก็มาปิด กายเนื้อก็มาปิด บุคคลที่มีบุญย่อมจะเข้าใจ ย่อมจะเห็น แล้วก็ทำความเข้าใจ มองเห็นหนทางเดินของตัวเราเอง ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

สมมติเรามีความอนุเคราะห์ช่วยเหลือกันได้ แต่ทางการชำระสะสางกิเลสก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนโน้นคนนี้ แนวทางเราไม่เข้าใจแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตามแล้ว พวกเราจะเดินหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราเองนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง