หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 16

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 16
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 16
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 16
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เพียงแค่การสร้างความรู้ตัว พวกเรายังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้อยากจะเห็นธรรม อยากจะได้บุญอยากจะได้อานิสงส์ของการปฏิบัติ ของการฝึก ของการทำบุญให้ทาน

แต่ในหลักธรรม เราต้องเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจกับชีวิตของเราถึงจะดับทุกข์ได้ คลายทุกข์ได้ รู้ความเป็นจริงในชีวิตของเรา อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม พระพุทธเจ้านั้นสอนเรื่องอะไร คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของเราเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส ทำอย่างไรใจของเราถึงจะปล่อยวางได้

เราก็ต้องมาเจริญสติให้ต่อเนื่อง สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เรารู้ รู้จักเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ เรารู้จักละกิเลสออกจากใจของตัวเราเอง ไม่ใช่ว่าไปอ่านไปฟังแล้วมันจะเข้าใจเลย เราต้องรู้ด้วย เห็นด้วย คลายตัววิญญาณในขันธ์ห้าของเรา แล้วก็ละกิเลส ดับความเกิด อันนี้คือส่วนรูป อันนี้คือส่วนนาม กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราต้องทำความเข้าใจให้หมดทุกอย่าง กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก ทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นลักษณะอย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะอยู่ร่วมกับสมมติ โดยที่ใจมีตั้งแต่ความสงบความสุข เราจะหนีสมมติไม่ได้

กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ แต่ใจของเราต้องคลายออกเสียก่อน คลายออก รู้จุดปล่อยรู้จุดวาง แยกรูปแยกนามนั่นแหล่ะ แล้วก็ดับความเกิดให้ได้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีสติมีปัญญา รู้จักหนุนกำลังสติที่เราสร้างขึ้นมา หัดวิเคราะห์หัดทำความเข้าใจแล้วรู้จักหัดเอาไปใช้ ไม่ผลักไสสมมติ ไม่ผลักไส ไม่ดึงสมมติเข้ามา ไม่ผลักไส ให้ใจของเราอยู่ในความเป็นกลาง กายของเราเข้าไปร่วมสมมติได้ ให้ใจรับรู้ ผิดถูกชั่วดี ไม่ให้ใจของเราเกิดอคติ เกิดเพ่งโทษ ถ้าจะหลบหลีกเราก็ต้องหลบหลีกด้วยสติด้วยปัญญา อยู่ด้วยสติอยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ

แต่เราต้องแยกภายในของเราให้ได้เสียก่อน คลายภายในทำความเข้าใจ คำว่าอัตตากับอนัตตา สมมติวิมุตติให้เห็นที่ใจของเรา ให้รู้ลักษณะความว่าง รู้ลักษณะของใจของเราให้ได้เสียก่อน ก็ต้องพยายามนะ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วหมดเลย ไม่ว่าพระว่าชีว่าโยม ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ หมั่นแก้ไขตัวเรา หมั่นปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ เป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เราช่วยเหลืออนุเคราะห์กันได้อยู่ในระดับของสมมติ ในการละกิเลสขัดเกลากิเลสที่ตัวของเราเอง ไม่ใช่ว่าจะไปให้คนโน้นเขาละให้คนนี้เขาละให้

บุคคลมีปัญญารู้จักวิธีรู้จักเเนวทาง การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ อาการของความคิดขันธ์ห้า เรื่องอะไรที่มันเกิด ใจของเราไปหลงได้อย่างไร ไปรวมได้อย่างไร เพียงแค่แยกแยะได้ ทำความเข้าใจได้เพียงแค่ขั้นต้น ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียร มันก็ซึมเข้าสู่สภาพเดิม เราก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียร แม้แต่ความอยากให้เกิดจากดวงวิญญาณ แม้แต่นิดเดียวนะ เรายังไม่ให้เกิดเลย

คลาย แยกรูปแยกนาม แล้วก็ดับความเกิด ดับการปรุงแต่ง เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ คำว่าหลักของอริยสัจ ใจส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร เราดับเราควบคุม หมั่นพร่ำสอนใจให้รู้เห็นตามความเป็นจริง รู้จักปล่อย รู้จักวาง มีหมดนั่นแหละ คำสอนของท่านมีหมด แต่พวกเราจะเจริญธรรมให้รู้ ให้เข้าถึงใจของเราหรือไม่ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ก็ต้องพยายามนะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืน เดิน เดิน นั่ง นอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ

บุคคลที่มีปัญญา ฟังนิดเดียว รู้จักวิธีแล้วก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนเลย หาที่ค้นลงที่ฐานดวงใจของเรา รู้ไม่ทันต้นเหตุ รู้จักดับ รู้จักยับยั้งควบคุม ใหม่ๆ มันก็เป็นก็เป็นการฝืนเป็นการทวน เพราะว่าจิตใจของคนเรานั้นชอบคิดชอบปรุงชอบแต่ง มันหลงมานาน เพียงแค่การเกิดนั้นก็หลงแล้ว เอามาสร้างกายเนื้อ กายมนุษย์เข้ามาห่อหุ้มอีก ส่วนนามธรรมแยกออกไปอีกว่าทำไมมันถึงหลง ถ้าปล่อยวางนามธรรม แยกแยะได้ มันก็วางอัตตาตัวตนได้ ละกิเลสได้หมดเด็ดขาด ก็ดับความเกิดได้ ไม่ต้องไปสร้างภพสร้างชาติที่ไหน

อย่าไปโทษคนโน้น โทษคนนี้ โทษตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง เราขาดตกบกพร่องอะไร เพียงแค่สมมติ เราก็ยังสมมติของเราให้บริบูรณ์แล้วหรือยัง ความขยันหมั่นเพียรความรับผิดชอบความเสียสละ ก็ต้องพยายามทำ เดินให้มันถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร อยู่ในที่ตรงไหนก็ช่าง เราต้องมองเห็นหนทางเดินของตัวเราเองว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์ เรื่องดับทุกข์ แล้วก็ไม่ให้ทุกข์อีก คือดับความเกิด ไม่ต้องกลับมาเกิดให้มันทุกข์อีก ก็ต้องพยายามกันนะ วันนี้พระเรา เช้าๆ ฉันข้าวเสร็จ ไปช่วยยกนกขึ้นทานให้อีกครั้งด้วยนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง