หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 11

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 11
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 11
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 11
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 มกราคม 2556

เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกัน หยุดจิตปรุงแต่งต่างๆ ดับความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ เอาไว้ให้หมด เพียงแค่สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกก็กระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกาย ความรู้สึกชัดเจนแล้วก็ต่อเนื่อง

พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน แล้วก็รู้จักเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์หมั่นสำรวจกายของเรา สำรวจใจของเรา หมั่นละกิเลส รอบรู้ในกองสังขารของตัวเอง จงเป็นบุคคลที่ฉลาด รอบรู้ในดวงจิต รอบรู้ในความคิด รอบรู้ในอารมณ์ รู้จักทำความเข้าใจ อะไรควรละ อะไรคนเจริญ ถ้าเราไม่ทำ เราไม่ฝึก เราไม่ศึกษา ไม่มีใครที่จะทำให้เราได้เลย นอกจากตัวของเรา

ส่วนสติปัญญานั้น พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้พวกเรานี่แหละได้เดินตาม การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่หลง ใจที่ไม่เกิด ปัญญาที่เอาไปใช้กับสมมติ ไปใช้กับโลกธรรมเป็นอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงเป็นอย่างนี้ อันนี้เป็นส่วนรูป อันนี้เป็นส่วนนาม เราต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ต้องรอบรู้ ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริง

เพราะว่าใจของเรายังเกิด ทั้งเกิดด้วย หลงด้วย ยึดด้วย สารพัดอย่าง เพราะว่าเขาเกิดมานาน ไม่รู้ ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติแล้วที่เขาเกิด เรามาเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเรา แก้ไขใจของเรา ขณะที่ยังมีกายเนื้ออยู่ อาศัยกายเนื้อเจริญสติลงอยู่ที่กายของเราให้ได้เสียก่อน แล้วก็คอยควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ความรู้แจ้งเห็นจริงอยู่ตรงนี้ สัมมาทิฏฐิก็อยู่ตรงนี้ แยกได้แล้วก็ตามทำความเข้าใจ เราก็จะเข้าใจในเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจในคำว่าอัตตา เข้าใจคำว่าอนัตตา เข้าใจในการมองเห็นการดำเนินชีวิตของตัวเราเอง

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม เรื่องบุญเรื่องศรัทธาของทุกคนก็มีอยู่ แต่การเจริญสติที่จะรู้ให้ต่อเนื่องตรงนี้ถ้าไม่มีความเพียรจริงๆ ก็ยาก ถ้าไม่ทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องก็ลำบากอยู่ ถ้าเราไม่สนใจจริงๆ เพียงแค่การสนใจ อันนี้เป็นแค่สื่อความหมายของภาษาชี้แนะ การสนใจนี้ยัง ยังไม่ ยังไม่ถูกต้อง ต้องสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติ รู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่อง ความพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นใหม่

ส่วนใหญ่ที่ยังไม่ปกติ ยังไม่สงบเราก็ใช้สมถะเข้าไปควบคุม แต่ส่วนมากความเคยชิน ความเคยชินในการสื่อภาษาสมมติ ตั้งใจทำ ตั้งใจคิด อันนี้ถ้าตั้งใจนี่ใจยังเกิดอยู่ เราต้องตั้ง เราต้องสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง แล้วก็รู้จักควบคุมใจ รู้จักสังเกต ใจอบรมใจ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน ซึ่งกายของเราก็เป็นก้อนรูป

ถ้าสังเกตเห็นตรงนั้น ใจของเราก็จะพลิก ใจของเราก็จะหงาย แต่การเกิดของใจก็ยังมีอยู่ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะว่าเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน กำลังความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่ต้องตามดูตามรู้ หาเหตุหาผล ให้ใจของเรามองเห็นความเป็นจริง เขาถึงจะยอมวางได้ ถึงแยกแยะได้ แต่ถ้าขาดการตามทำความเข้าใจเขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิม ต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ เป็นบุคคลที่ขัดเกลากิเลสตัวเองอยู่ตลอดเวลา ดับความเกิดของใจอยู่ตลอดเวลา จนเป็นธรรมชาติในการดู ในการรู้ จนสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมานี้ไปทำหน้าที่แทนใจได้ มีได้เป็นได้ ทำได้

กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร เราก็ต้องพยายามทำ มีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ เป็นเรื่องของเราทุกคน ที่จะต้องศึกษาตัวเราเอง ไม่มีใครที่จะทำให้เราได้เลย ต้องพยายามกันนะ สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักพักสักระยะหนึ่ง ถึงไม่ได้ตลอดต่อเนื่องกันได้จริงๆ ก็ขอให้ได้สัก 5 นาที 10 นาที หรือให้ต่อเนื่องกันสักนาที 2 นาทีก็ยังดีนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำไปสร้างสานต่อเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง