หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 49
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 49
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 49
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 เมษายน 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง รู้กาย แล้วก็รู้ใจ ทำความเข้าใจ ไม่ให้ใจของเราปรุงแต่งส่งออกไปภายนอก ไม่ให้ใจของเราเกิดความทะเยอทะยาน รู้ความปกติ รู้ความสงบ พิจารณาอยู่ตลอดเวลา จนเป็นความเคยชินในการดู ในการรู้ ในการทำความเข้าใจ ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจให้เรา ไม่มีใครจะทำความเข้าใจให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเราเอง ใครอยากจะดับทุกข์หลุดพ้นได้ก็ละกิเลสเอา ขัดเกลากิเลสของตนเราเอา ขยันหมั่นเพียรเอา
เพราะว่าทุกคนก็มีทรัพย์มาตั้งแต่เกิด มีบุญมีอานิสงส์ มีบุญบารมีมาแต่เกิด ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้ก็มาเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจ ขยันหมั่นเพียร อะไรคือสมมติ อะไรคือโลกธรรม ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในดวงวิญญาณของตัวเราเอง รอบรู้ในกองสังขาร ในความคิดในอารมณ์ แล้วก็รู้จักละ รู้จักดับ คนเราจะไปฝึกไปดับเฉพาะเป็นบางครั้งบางเวลา ต้องดับ ใจของเราเกิดเมื่อไรเราต้องละ ต้องดับ ต้องหยุด จนตามทำความเข้าใจ จนไม่เหลือนั่นแหละ จนเหลือตั้งแต่กายเนื้อกับความบริสุทธิ์ของใจ จะอยู่กับสมมติ ไม่ให้สมมติเข้าครอบงำ
อยู่กับบุญตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ ใจสงบ ใจมีความสุข ใจไม่ทุกข์ก็คือบุญ นอกนั้นก็เป็นกำไรของชีวิตในทางสมมติ มีให้เป็น ทำให้เป็น ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ อันนั้นไปปฏิบัติหาแนวทางภายนอกเท่านั้นเอง เราก็ต้องฝึกหัดปฏิบัติ อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา อะไรคือใจของเรา เราต้องรู้ให้ชัดเจน ปฏิบัติอยู่ที่กายที่ใจของเรา มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาใจของเราเกิดความอยาก หรือว่ากายของเราเกิดความหิว เราจะแสวงหาอาหารมาให้กายด้วยวิธีไหน ด้วยใจที่ไม่เป็นทุกข์ มันเกี่ยวเนื่องกันหมด เรื่องความอยากนี้เกี่ยวเนื่องกับกาย เพราะว่ากายของเราก็ต้องการอาหาร ต้องการปัจจัยสี่ เราต้องหัดเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาดูดีๆ เราก็จะเห็นความจริงตรงนี้ ถ้าเราดับความอยากได้เมื่อไร แล้วก็ปัญญาก็ทำหน้าที่แทน ให้รู้จักปัญญา ให้รู้จักใจ แล้วก็ปัญญา ใจ ก็ยังอาการของใจอีก ยังดับความเกิดของใจอีก
เขาหลงนะถึงได้เกิด ถ้าเขาไม่หลง เขาไม่เกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ แต่ก็ยังหลงอยู่เป็นทาสของกิเลส ความทะเยอทะยานอยากอีก เพราะว่าเหตุการณ์บังคับสมมติบังคับนั่นแหละเขาเรียกว่า วิบากกรรม วิบากกรรมยังไม่เปิดทางให้ เราก็ต้องมาทำความเข้าใจ มาละความตระหนี่เหนียวแน่น มาละความโลภ มาละความโกรธ มาสังเกตวิเคราะห์ หมั่นพร่ำสอนใจของเราด้วยปัญญา ด้วยสติด้วยปัญญาที่สร้างขึ้นมา
สติปัญญาของเราที่สร้างขึ้นมาก็มีนิดเดียว มันก็เลยไปอบรมใจไม่ได้ ก็เลยสู้ปัญญาเก่าไม่ได้ ไปก่อนเขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเองเอาไว้เยอะแยะเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาจะลงง่ายๆ เหมือนกัน ฝ่ายไหนกำลังจะมากกว่ากัน ก็ค่อยต่อสู้กันไป ฝ่ายกำลังสติ ฝ่ายกำลังปัญญา ฝ่ายกุศลอกุศล เราก็ต้องต่อสู้กันไปธรรมดำธรรมขาว ถ้าเราเข้าใจแล้ว ละหมดทั้งธรรมดำธรรมขาว ทั้งบุญทั้งบาป สร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ดับความเกิดไม่ให้เหลือ ก็เหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องเกิด รอตั้งแต่ให้กายเนื้อมันแตกดับ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็สร้างประโยชน์ให้มากมายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เรารู้จักการทำความเข้าใจว่าลักษณะของสติ รู้ตัวอยู่ปัจจุบันแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ แล้วก็ไปรู้เท่าทันใจ รู้ความปกติของใจ รู้จักการควบคุมใจ หมั่นพร่ำสอนใจ จนใจของเราคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม คลายออกจากขันธ์ห้าอยู่ในกายเนื้อของเรานี่แหละ ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม
แต่เวลานี้กำลังสติที่เราสร้างนี่เอาไปใช้ยังไม่ได้ เพราะว่ากำลังยังมีไม่มากพอ ส่วนมากก็เป็นปัญญาที่เกิดจากจิตจากวิญญาณ เกิดจากขันธ์ห้าเก่าปัญญาของเก่าซึ่งเป็นปัญญาของสมมติปัญญาของโลกียะ อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่ใจยังเกิดใจยังหลงอยู่ เราต้องคลายออก แล้วก็สติที่เราสร้างขึ้นมานี้แหละไปตามทำความเข้าใจ แล้วก็จะเห็น เห็นขันธ์ห้า บางทีก็เป็นเรื่องอดีต เรื่องอนาคต ซึ่งท่านเรียกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ต้องดู รู้ให้ชัดเจน ใจจะเกิดเราก็รู้จักดับ รู้จักควบคุม ดับได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ แล้วก็ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเห็นแก่ตัว คลายออกให้มันหมดจนไม่เหลือโน้นแหละ
จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญาล้วนๆ เรื่องจิตเรื่องใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ก็ยากที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ก็พยายาม ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าว่าไม่ทำ แล้วก็พยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิด ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญตลอดเวลา ให้ทำไปเถอะขณะที่กำลังกายยังแข็งแรงอยู่ เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
ธรรมะเป็นเรื่องของตัวเรา กายของเราก็เป็นก้อนธรรม ใจของเราก็เป็นองค์ธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติอยู่ ไอ้สตินั้นก็มีอยู่ แต่เป็นสติของสมมติ สติความรู้ตัว จนเอาไปใช้ จนเป็นมหาสติ จนเป็นมหาปัญญา จนใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ยอมรับความเป็นจริงได้ ดับความเกิดของใจได้ ละกิเลสออกได้ ทีนี้เราก็อยู่กับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ทรัพย์ภายในก็เต็มเปรียบ ทรัพย์ข้างนอกเราก็ยัง ประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องพยายาม ค่อยทำ ค่อยเป็นค่อยไปกัน
วันนี้ก็จะได้มีโอกาสได้บวชนาคด้วยหลายคนหลายท่าน มีโอกาสก็ขอเชิญนะ เชิญพี่น้องของเราไปบวชนาคร่วมกัน มาสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี พระเราชีเราก็เหมือนกัน พยายามขยันหมั่นเพียรให้ได้ทุกอิริยาบถทุกเรื่อง ยิ่งมาอยู่ร่วมกัน ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ ความอดทน ความไม่เห็นแก่ตัว เรายังประโยชน์ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด เราก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ไปที่ไหนมาที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน แล้วก็ให้เป็นธรรมชาติที่สุด ถ้าความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็พยายามสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เราก็พยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ การหายใจเข้ายาวเป็นลักษณะอย่างนี้ การหายใจออกยาวเป็นลักษณะอย่างนี้ การหายใจธรรมชาติเป็นลักษณะอย่างนี้ เราพยายามเฝ้าสังเกต การสังเกตดูน้อมเข้าไปรู้ภายในนั่นแหละเขาเรียกว่าบุคคลที่มีสติ
สังเกตดูอยู่บ่อยๆ จนกว่าจะสังเกตรู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้ว่าการเกิดการดับของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเรา เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไปอย่างไรมาอย่างไร เราก็จะมองเห็นเหตุเห็นผล เพราะว่าธรรมะนั้นเป็นธรรมะที่มีเหตุมีผล มีแนวทางหมดทุกเรื่อง ขอให้เรารู้ความเป็นจริงของชีวิตได้เถอะ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 เมษายน 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง รู้กาย แล้วก็รู้ใจ ทำความเข้าใจ ไม่ให้ใจของเราปรุงแต่งส่งออกไปภายนอก ไม่ให้ใจของเราเกิดความทะเยอทะยาน รู้ความปกติ รู้ความสงบ พิจารณาอยู่ตลอดเวลา จนเป็นความเคยชินในการดู ในการรู้ ในการทำความเข้าใจ ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจให้เรา ไม่มีใครจะทำความเข้าใจให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเราเอง ใครอยากจะดับทุกข์หลุดพ้นได้ก็ละกิเลสเอา ขัดเกลากิเลสของตนเราเอา ขยันหมั่นเพียรเอา
เพราะว่าทุกคนก็มีทรัพย์มาตั้งแต่เกิด มีบุญมีอานิสงส์ มีบุญบารมีมาแต่เกิด ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้ก็มาเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจ ขยันหมั่นเพียร อะไรคือสมมติ อะไรคือโลกธรรม ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในดวงวิญญาณของตัวเราเอง รอบรู้ในกองสังขาร ในความคิดในอารมณ์ แล้วก็รู้จักละ รู้จักดับ คนเราจะไปฝึกไปดับเฉพาะเป็นบางครั้งบางเวลา ต้องดับ ใจของเราเกิดเมื่อไรเราต้องละ ต้องดับ ต้องหยุด จนตามทำความเข้าใจ จนไม่เหลือนั่นแหละ จนเหลือตั้งแต่กายเนื้อกับความบริสุทธิ์ของใจ จะอยู่กับสมมติ ไม่ให้สมมติเข้าครอบงำ
อยู่กับบุญตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ ใจสงบ ใจมีความสุข ใจไม่ทุกข์ก็คือบุญ นอกนั้นก็เป็นกำไรของชีวิตในทางสมมติ มีให้เป็น ทำให้เป็น ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ อันนั้นไปปฏิบัติหาแนวทางภายนอกเท่านั้นเอง เราก็ต้องฝึกหัดปฏิบัติ อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา อะไรคือใจของเรา เราต้องรู้ให้ชัดเจน ปฏิบัติอยู่ที่กายที่ใจของเรา มันถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาใจของเราเกิดความอยาก หรือว่ากายของเราเกิดความหิว เราจะแสวงหาอาหารมาให้กายด้วยวิธีไหน ด้วยใจที่ไม่เป็นทุกข์ มันเกี่ยวเนื่องกันหมด เรื่องความอยากนี้เกี่ยวเนื่องกับกาย เพราะว่ากายของเราก็ต้องการอาหาร ต้องการปัจจัยสี่ เราต้องหัดเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์พิจารณาดูดีๆ เราก็จะเห็นความจริงตรงนี้ ถ้าเราดับความอยากได้เมื่อไร แล้วก็ปัญญาก็ทำหน้าที่แทน ให้รู้จักปัญญา ให้รู้จักใจ แล้วก็ปัญญา ใจ ก็ยังอาการของใจอีก ยังดับความเกิดของใจอีก
เขาหลงนะถึงได้เกิด ถ้าเขาไม่หลง เขาไม่เกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ แต่ก็ยังหลงอยู่เป็นทาสของกิเลส ความทะเยอทะยานอยากอีก เพราะว่าเหตุการณ์บังคับสมมติบังคับนั่นแหละเขาเรียกว่า วิบากกรรม วิบากกรรมยังไม่เปิดทางให้ เราก็ต้องมาทำความเข้าใจ มาละความตระหนี่เหนียวแน่น มาละความโลภ มาละความโกรธ มาสังเกตวิเคราะห์ หมั่นพร่ำสอนใจของเราด้วยปัญญา ด้วยสติด้วยปัญญาที่สร้างขึ้นมา
สติปัญญาของเราที่สร้างขึ้นมาก็มีนิดเดียว มันก็เลยไปอบรมใจไม่ได้ ก็เลยสู้ปัญญาเก่าไม่ได้ ไปก่อนเขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเองเอาไว้เยอะแยะเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาจะลงง่ายๆ เหมือนกัน ฝ่ายไหนกำลังจะมากกว่ากัน ก็ค่อยต่อสู้กันไป ฝ่ายกำลังสติ ฝ่ายกำลังปัญญา ฝ่ายกุศลอกุศล เราก็ต้องต่อสู้กันไปธรรมดำธรรมขาว ถ้าเราเข้าใจแล้ว ละหมดทั้งธรรมดำธรรมขาว ทั้งบุญทั้งบาป สร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ดับความเกิดไม่ให้เหลือ ก็เหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องเกิด รอตั้งแต่ให้กายเนื้อมันแตกดับ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็สร้างประโยชน์ให้มากมายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เรารู้จักการทำความเข้าใจว่าลักษณะของสติ รู้ตัวอยู่ปัจจุบันแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ แล้วก็ไปรู้เท่าทันใจ รู้ความปกติของใจ รู้จักการควบคุมใจ หมั่นพร่ำสอนใจ จนใจของเราคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม คลายออกจากขันธ์ห้าอยู่ในกายเนื้อของเรานี่แหละ ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม
แต่เวลานี้กำลังสติที่เราสร้างนี่เอาไปใช้ยังไม่ได้ เพราะว่ากำลังยังมีไม่มากพอ ส่วนมากก็เป็นปัญญาที่เกิดจากจิตจากวิญญาณ เกิดจากขันธ์ห้าเก่าปัญญาของเก่าซึ่งเป็นปัญญาของสมมติปัญญาของโลกียะ อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่ใจยังเกิดใจยังหลงอยู่ เราต้องคลายออก แล้วก็สติที่เราสร้างขึ้นมานี้แหละไปตามทำความเข้าใจ แล้วก็จะเห็น เห็นขันธ์ห้า บางทีก็เป็นเรื่องอดีต เรื่องอนาคต ซึ่งท่านเรียกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ต้องดู รู้ให้ชัดเจน ใจจะเกิดเราก็รู้จักดับ รู้จักควบคุม ดับได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ แล้วก็ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเห็นแก่ตัว คลายออกให้มันหมดจนไม่เหลือโน้นแหละ
จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญาล้วนๆ เรื่องจิตเรื่องใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ก็ยากที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ก็พยายาม ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าว่าไม่ทำ แล้วก็พยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิด ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญตลอดเวลา ให้ทำไปเถอะขณะที่กำลังกายยังแข็งแรงอยู่ เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
ธรรมะเป็นเรื่องของตัวเรา กายของเราก็เป็นก้อนธรรม ใจของเราก็เป็นองค์ธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติอยู่ ไอ้สตินั้นก็มีอยู่ แต่เป็นสติของสมมติ สติความรู้ตัว จนเอาไปใช้ จนเป็นมหาสติ จนเป็นมหาปัญญา จนใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ยอมรับความเป็นจริงได้ ดับความเกิดของใจได้ ละกิเลสออกได้ ทีนี้เราก็อยู่กับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ทรัพย์ภายในก็เต็มเปรียบ ทรัพย์ข้างนอกเราก็ยัง ประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องพยายาม ค่อยทำ ค่อยเป็นค่อยไปกัน
วันนี้ก็จะได้มีโอกาสได้บวชนาคด้วยหลายคนหลายท่าน มีโอกาสก็ขอเชิญนะ เชิญพี่น้องของเราไปบวชนาคร่วมกัน มาสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี พระเราชีเราก็เหมือนกัน พยายามขยันหมั่นเพียรให้ได้ทุกอิริยาบถทุกเรื่อง ยิ่งมาอยู่ร่วมกัน ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ ความอดทน ความไม่เห็นแก่ตัว เรายังประโยชน์ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด เราก็จะมีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ไปที่ไหนมาที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน แล้วก็ให้เป็นธรรมชาติที่สุด ถ้าความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็พยายามสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เราก็พยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ การหายใจเข้ายาวเป็นลักษณะอย่างนี้ การหายใจออกยาวเป็นลักษณะอย่างนี้ การหายใจธรรมชาติเป็นลักษณะอย่างนี้ เราพยายามเฝ้าสังเกต การสังเกตดูน้อมเข้าไปรู้ภายในนั่นแหละเขาเรียกว่าบุคคลที่มีสติ
สังเกตดูอยู่บ่อยๆ จนกว่าจะสังเกตรู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้ว่าการเกิดการดับของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเรา เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไปอย่างไรมาอย่างไร เราก็จะมองเห็นเหตุเห็นผล เพราะว่าธรรมะนั้นเป็นธรรมะที่มีเหตุมีผล มีแนวทางหมดทุกเรื่อง ขอให้เรารู้ความเป็นจริงของชีวิตได้เถอะ ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ