หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 1

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 1
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 1
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 1
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 มกราคม 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง
ด้วยการสร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะอยู่ในอริยาบถไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ขับถ่าย ทำความเข้าใจกับใจของเรา ซึ่งอาศัยกายนี้อยู่ รู้จักควบคุมใจ รู้จักหมั่นพร่ำสอนใจของเรา แล้วรู้จักทำความเข้าใจกับสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำความเข้าใจกับทวารทั้งหก

ตาทำหน้าที่ดูเราก็ห้ามไม่ได้ หูทำหน้าที่ฟังเราก็ห้ามไม่ได้ เพราะว่าตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นทางผ่านของรูป รส กลิ่น เสียง ส่งเข้าไปทางวิญญาณ ตัวใจหรือว่าตัววิญญาณของเรา เวลาเห็นรูป ใจของเราเกิดความยินดี เกิดความอยาก หรือว่าเกิดความยินร้าย ผลักไสหรือว่าดึงเข้ามา หรือว่าเป็นกลาง ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็จะเห็น เห็นความปกติของใจ ลึกลงไปเห็นอาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดผุดขึ้นมาเขาก่อตัวอย่างไร ตัวใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมเอง ขณะใจเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้ทันปุ๊บ ใจมันจะดีดออก ออกจากความคิด ภาษาธรรมท่านเรียกว่าแยก พอดีดออกก็หงาย เหมือนกับหงายของที่คว่ำ

ตั้งแต่ใจของเรายังไม่แยกออกจากความคิด บางทีเขาก็ปกติอยู่แต่เขาก็ยังคว่ำอยู่ คือสมมติครอบสมมติครอบงำอยู่ ถ้าแยกออกดีดออกเมื่อไหร่ก็หงายก็พลิก เขาเรียกว่าหงายของที่คว่ำ จากอยู่ข้างล่างก็อยู่ข้างบน เหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือ ฝ่ามือคว่ำอยู่ พอแยกออกฝ่ามือก็หงาย หลังมือก็อยู่ข้างล่างฝ่ามือก็อยู่ข้างบน ใจก็เหมือนกัน ถ้าเขาคลายออกจากความคิด แยกออกจากความคิดปุ๊บเขาก็จะหงายขึ้น แต่เขาก็ยังอยู่ด้วยกันนั่นแหละ เหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือก็ยังอยู่ด้วยกัน แต่จะหงายขึ้น ใจก็เลยว่าง กายก็เลยเบา เราก็จะเข้าใจคำว่าสมมติ วิมุตติ เข้าใจคำว่า อัตตา อนัตตา

อันนี้เพียงแค่แยกแค่หงาย แค่เริ่มต้นที่ถูก แต่การดับ การละกิเลสก็ต้องตามมา การหมั่นพร่ำสอนใจ ทำความเข้าใจ ความรู้ตัวสติปัญญา หาเหตุหาผลทุกเรื่องให้ใจยอมรับความเป็นจริงได้ แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจได้ ดับความเกิดของใจได้ ละกิเลสของใจได้ จนกว่าจะหมดจดกันทั่ว ใจไม่เกิดนั่นแหละ ถึงจะวางใจให้เป็นธรรมชาติให้เป็นอิสระ พูดง่ายนะ แต่การกระทำต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียร ต้องเป็นบุคคลที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด เสียสละทั้งภายนอกเสียสละทั้งภายใน ละทั้งกิเลส ดับกระทั่งความเกิดของวิญญาณ ทำความเข้าใจกับขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขาร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ทั้งฝ่ายดีหรือฝ่ายไม่ดีละออกให้หมด ถึงจะเป็นธรรมชาติได้

แต่ทำ แต่เจริญกุศล แต่ไม่ให้ยึดไม่ให้หลง จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย จะง่ายสำหรับบุคคลที่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ขัดเกลาเอาออก แล้วก็จิตใจที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความจริงใจต่อตัวเอง มีความจริงใจต่อคนอื่น แต่มันก็ไม่เหลือวิสัย เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็อิงอาศัยกันอยู่ อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ ทำหน้าที่ของสมมติ อยู่กับสมมติ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เพราะว่าเราก็ยังอาศัยสมมติอยู่

การเกิดของจิตของวิญญาณ เขาหลงเขาถึงเกิด แต่อาจจะเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เกิดอยู่ในภพที่ดี จะต้องมาทำความเข้าใจกับภพกับชาติของเรากับการเกิดของเรา แต่ละวันเกิดทางกายเนื้อนี่ก็เกิดมาแล้วคือในภพของมนุษย์ เกิดทางด้านจิตวิญญาณเขาเกิดอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีความคิดมาปรุงแต่งตลอดเวลา ความคิดมีอยู่ การเกิดมีอยู่ แต่กำลังสติที่จะเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปสังเกตไม่เพียงพอ เราถึงไม่เห็นตรงนั้น

ถ้าเรารู้ เราเห็น ตามทำความเข้าใจแล้ว การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา ก็ต้องทำเอา ทุกคนเกิดมาก็เดินเข้าถึงจุดหมายปลายทางคือการไม่กลับมาเกิด แต่ส่วนมากก็มีตั้งแต่เกิดอยู่เรื่อยร่ำไป เกิดในภพน้อย เกิดในภพใหญ่ เกิดทางด้านจิตวิญญาณ เวลานี้เกิดอยู่ในภพมนุษย์ เขาอาศัยภพของมนุษย์อยู่ เขาก็หาอะไรมาปิดบังอำพรางเอาไว้ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผล แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเขาก็หาเหตุหาผลที่จะเกิดอยู่เรื่อยร่ำไป

ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอยาก ยากที่จะหมั่นพร่ำสอนเขาได้ ยากที่จะเอาเขาอยู่ ถึงจะเอาอยู่ก็อยู่ในระดับบุญ ในระดับการสร้างบุญสร้างบารมี แต่การดับความเกิดจริงๆ ต้องเด็ดขาด ต้องเป็นบุคคลที่มีความเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว มีความจริงใจเด็ดขาดทันที ถึงจะเอาเขาอยู่ได้ ต้องมีเหตุมีผล เห็นเหตุเห็นผล เข้าใจในหลักธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้ง

การเกิดของวิญญาณเป็นอย่างไร การเกิดของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร รอบรู้ในกองสังขาร การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดซึ่งมันมาก่อเอาทีหลัง ขัดเกลาออกให้มันหมดจนไม่เหลือ ในสิ่งที่ไม่เหลือก็คือความบริสุทธิ์ ความว่างเปล่า ในความว่างเปล่านั้นมีความรับรู้อยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าไปทิ้งบุญ จะอยู่ที่ไหนก็อย่าทิ้งบุญ ให้ระลึกนึกถึงบุญ สร้างบุญเอาไว้ ตราบใดที่จะยังเกิด ถึงดับความเกิดได้ก็สร้างบุญสร้างประโยชน์ให้มากมายเท่าที่จะทำได้

เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง