หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 5

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 5
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 5
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 5
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 มกราคม 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฝึกให้เกิดความเคยชิน ฝึกจนเป็นอัตโนมัติในการเจริญสติ คำว่าความรู้สึกตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา แล้วก็รู้จักเอาไปใช้เอาไปวิเคราะห์ใจของเรา รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร การละกิเลสเป็นอย่างไร ความคิดอาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ซึ่งมีอยู่แล้ว

เราพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ถ้าเราเจริญสติไม่ต่อเนื่องเราก็จะไม่รู้ความจริง เราก็อาจจะรู้อยู่เพียงแค่ระดับของสมมติ ปัญญาของสมมติ อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ แต่ในส่วนลึกๆ ใจยังเกิดอยู่ ใจยังหลงอยู่ เราต้องรู้ฐานของใจ แล้วก็สังเกตจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น จนกว่าใจของเราจะแยกออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เขาเรียกว่า พลิกจากของที่คว่ำ หงายจากของที่คว่ำ ถ้าแยกได้พลิกได้ ใจของเราก็วางลง ปลง กายก็เบาใจก็ว่าง กายสมมติก็มีอยู่ เราต้องศึกษาให้ละเอียด

แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา ใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง เหตุจากภายนอกทำให้ใจของเราเกิดสักกี่ครั้ง ความรู้ตัวหรือว่ากำลังสติของเราต่อเนื่องหรือไม่ หมั่นพร่ำสอนใจของเราได้หรือไม่ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็ปรารถนา ความปรารถนาเดิมนั้น ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น แล้วก็ให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

แต่การดิ้นรนการแสวงหาตรงนี้แหละ เพียงแค่การเกิดเขาก็ปิด ใจก็ปิดบังอำพรางตัวเองเอาไว้ เพียงแค่ความคิดกับใจเขารวมกันเรายังไม่รู้เท่าทันเลย เพราะว่ากำลังสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้มีน้อยนิด บางทีก็มีบ้าง บางทีก็ไม่มีบ้าง ถ้าเราสร้างให้ต่อเนื่อง เราถึงจะรู้ว่าเราขาดสติกันเยอะ ส่วนมากก็สติปัญญาของโลกิยะ ความเคยชินเก่าๆ มาหลายภพหลายชาติหลายกัปหลายกัลป์

อันนี้เรามาเจริญสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน ทำความเข้าใจ หมั่นพร่ำสอนใจของเราให้ได้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อะไรควรละ อะไรควรเจริญ เราค่อยทำ ค่อยเป็นค่อยไป กายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้นะ สติที่ต่อเนื่อง การสังเกตการวิเคราะห์ อะไรเป็นกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ มีไม่มาก มีอยู่ในกายก้อนเนื้อก้อนนี้ของเรา

กายของเราเขาเรียกว่าขันธ์ห้า ขันธ์ทั้งห้ามันหล่อหลอมรวมกันมีหนังมาห่อหุ้มอยู่ ถ้าเรามาเจริญสติไปแจงให้ละเอียด เราก็จะเห็นเป็นกองเป็นชิ้นเป็นขันธ์ ที่ท่านเรียกว่าเป็นกอง กองของใคร กองของมัน ทำไมถึงว่าเป็นกอง ถ้าเรารู้เราเห็นถึงจะรู้เห็นเป็นกอง ที่พุทธองค์ท่านว่ากอง เป็นขันธ์เป็นกอง ไม่มีตัวไม่มีตน แต่ตาเนื้อเราก็มองเห็นอยู่เป็นตัวเป็นตนอยู่ แต่ตาปัญญาของพระพุทธองค์มองให้ละเอียด มองให้ลึก เราก็จะเห็น

ถ้าเจริญสติเข้าไปรู้เข้าไปเห็นตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะหมดความสงสัย มีแต่ความเพียรที่จะกำจัดกิเลส ดับความเกิดออกให้มันหมดจด กายเนื้อเกิดขึ้นมาก็ดูแลเขาไป ถึงวาระเวลาเขาก็ต้องแตกดับ ส่วนจิตวิญญาณนั้นก็ให้อยู่ในกองบุญกองกุศล สูงขึ้นไปก็สร้างกุศล แต่ไม่ให้หลง ไม่ให้ยึด อยู่เหนือเขาเรียกว่า อยู่เหนือบุญเหนือบาป ละอกุศลเจริญกุศล ยังประโยชน์ทำความเข้าใจให้เต็มเปี่ยม ทำความเข้าใจให้เต็มร่อง แต่เราอย่าไปกระโดดข้าม

ในการเจริญสติ ในการทำบุญให้ทาน ในความเสียสละความอ่อนน้อมถ่อมตน ความจริงใจต่อตัวเราเอง มีสัจจะมีวิริยะ มีความเพียร พวกนี้เป็นตบะบารมีอย่างยิ่งเลยทีเดียว ก็พากันทำนะ อย่าพากันทิ้ง ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระเข้าไปเยี่ยมใจ หมั่นพร่ำสอนใจ มองบนมองล่าง มองกลางใจของเราอยู่ตลอดเวลาจนเป็นอัตโนมัติ อยู่ด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญา อะไรผิดถูกอย่างไรสติปัญญาเข้าไปแก้ไขให้ ใจรับรู้ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ได้มาช่วยกันทุกอย่างในวัด ทั้งในวัดทั้งนอกวัด เรามีโอกาสเราได้สร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกัน แต่การเจริญสติการละกิเลสก็ต้องพยายามเพียรอยู่ตลอดเวลาจนเป็นอัตโนมัติ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ก็ขอให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ

เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ หลวงพ่อเพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง