หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 130
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 130
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ดูดีๆนะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโย ทุกเรื่อง พิจารณาใจ พิจารณาอาหาร การอยู่ การรับประทานของตัวเราเอง กายเกิดความหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก ต้องดูรู้ทุกขณะตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่จนถึงเวลานี้ จนกระทั่งถึงเวลารับประทานข้าวปลาอาหาร อย่าไปมองข้ามว่าเราจะไปปฏิบัติ ตั้งแต่ตั้งใจเดิน ตั้งใจนั่ง ตั้งใจทำ ต้องดูทุกเวลาทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ความรู้ตัวต้องต่อเนื่อง พยายามเอาไม่เหลือวิสัย คนเราเกิดมา มาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกับกรรม ตัวใจนั่นแหละเกิดปรุงแต่งส่งมา มาสร้างภพสร้างชาติ เดี๋ยวนี้อยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกันตัวเขาเอาไว้ ขณะมีกายอยู่เขาก็ยังเกิดต่อ คือคิดต่อ ก็ยังคิดต่ออยู่
มาวัดก็มาด้วยแรงเหวี่ยงของบุญ มาด้วยแรงเหวี่ยงของบุญ มาทำบุญ มาด้วยแรงศรัทธา มาด้วยแรงบุญ แต่การเกิดของใจยังมีอยู่ ถ้าไม่หลงไม่เกิด แต่เกิดในกองกุศลเกิดอยู่ในกองบุญ อยู่ที่ไหนก็ดี พยายามทำ พยายามทำบุญ ทำบุญให้กับตัวเราจนล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม บุญของพระพุทธองค์ ให้ได้ทั้งบุญทรัพย์ภายในคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ล้นออกไปสู่สังคม นําความสุขมาให้กับทุกคน ทุกเรื่องในชีวิตของตัวเรา เราต้องรู้เรื่องใจของตัวเราเอง รู้เรื่องชีวิตของเราว่าเราควรจะทำอย่างไร ดำเนินอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ถึงจะอยู่ดีมีความสุข เราต้องพยายามเข้าให้ถึงวัดจริงๆ วัดภายใน วัดภายนอก สมมติกับวิมุตติก็อาศัยกันอยู่ ถ้าเรายังแยกไม่ได้ กําลังสติไม่ต่อเนื่อง เราก็ยังไม่ได้เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์
เพียงแค่ศรัทธา มีความเชื่อ แล้วก็ฝักใฝ่ในบุญ แต่ก็ยังเป็นบุญที่ใจยังเกิดอยู่ ใจยังหลงอยู่ ตราบใดบุคคลที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ถึงจะรู้ว่าจุดปล่อยจุดวาง นั่นแหละความหลง อันนั้นหลงอยู่ในระดับหนึ่ง ที่นี้หลงคิด ความเกิด ความเกิดก็คือความหลงอีก คลายขันธ์ห้าแล้วก็ละกิเลสอีก ดับความเกิดอีกถึงจะนั่น แต่เขาหลงมาอยู่ในภพของมนุษย์ที่มีกายเนื้อปิดกั้นเอาไว้ เราก็พยายามมาตักตวงผลประโยชน์อยู่ในกายก้อนนี้ให้ถึงที่สิ้นสุดคือความสะอาดความบริสุทธิ์ของใจ
ทุกคนก็มีกาย แต่วิบากกรรมสมมติอาจจะต่างระดับกัน บางคนก็มีความพร้อมสมมติ บางคนก็ไม่มีความพร้อม ก็พยายามแก้ไข ค่อยแก้ไข ค่อยปรับปรุง พิจารณาแล้วก็ขยันหมั่นเพียร อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียร ความขยันหมั่นเพียร สมมติก็จะเต็มบริบูรณ์อยู่ในระดับหนึ่งไม่ถึงกับลําบาก มีโอกาสก็ให้รีบตักตวงสร้างประโยชน์ในกายก้อนนี้ พากายก้อนนี้สร้างบุญให้ได้ ทุกคนเกิดมาก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ไม่ปรารถนาที่จะนําใจของเราให้ไปสู่กองทุกข์ ทำได้ไม่ได้ก็ต้องพยายามทำกัน ทำที่บ้านไม่ได้ก็มาทำที่วัดเนอะ
เดี๋ยววันที่ 31 มาสวดมนต์ข้ามปี มาสวดมนต์ข้ามปี เริ่มตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต รู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้วก็ไปสานต่อที่บ้าน ตื่นขึ้นมารีบรู้ใจ ตีสามได้ยินเสียงระฆัง จากอยู่ในวัดดังก้องกังวาล อากาศก็เย็น ได้ยินไหม ทั้งในบ้านสำราญได้ยินไหม ได้ยิน พอเจ้าคุณตีระฆัง ได้ยินเสียงระฆังก็เปิดผ้าห่มออกมาสาธุ ได้ยินทีไรก็สาธุ เจ้าคุณตีระฆังเสร็จ ผ้าห่มคลุมโปงต่อขออีกนิดแทนที่จะลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเจริญสติ ขออีกหน่อย หน่อยเดียวตะวันโผล่เลย ติดอีกหน่อย พากันติดอีกหน่อยไหม ติดเยอะ ขออีกหน่อยว่าอย่างนั้น อีกหน่อยเดียวแป๊บเดียวชั่วโมง 2 ชั่วโมง เราพยายามละออกไล่ออกสร้างความขยันขึ้นมา
สมัยก่อนช่วงหลวงพ่อฝึกใหม่ๆ ออกบวชปีแรก ฝีกใหม่ๆ หน้าหนาวก็หนาว ไม่นอนอยู่ 9 วัน ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนตามดูใจของตัวเอง ถ้านั่งปุ๊บนิวรณ์จะเข้า ลุกอาบน้ำอาบท่า ศาลานี่เลี่ยมเป็นมันเงาวับเลยเพราะว่าเอาการงานเป็นการปฏิบัติ กลางคืนถูพื้นศาลา อยู่ในบ้านได้ไม้อันหนึ่งแล้วก็ได้น้ำมันได้เทียนไขมาต้มแล้วก็ถูศาลาทั้งคืนเลย ละนิวรณ์ ละความง่วงเหงาหาวนอน ถ้านั่งจะง่วงก็เปลี่ยนอิริยาบถ อาบน้ำตามดูใจของตัวเอง ตามดูใจของตัวเองจนเห็นกระทั่งในนิมิตว่ามันเกิดอย่างไรไปอย่างไร มันหลอกเราทั้งนั้น จนจิตยิ้มขึ้นมาเฉยๆ
ใจเกิดความอยากก็ละความอยาก อดอาหารมื้อหนึ่ง สองมื้อ สามมื้อ อดอาหารไปเรื่อยๆ เป็นวัน เป็นอาทิตย์ กายของเราหิว ใจเกิดความอยากหรือไม่ กายเบาโล่งโปร่ง เดินมันก็จะเหาะ ไปอดอาหารอยู่บนหลังเขา ไปอยู่ตามป่าตามเขาตามถ้ำ ไปอยู่ตามถ้ำไปอยู่ที่อำนาจเจริญ งูเหลือมตัวเท่าต้นขามันวิ่งออกมาจากถ้ำตีหนึ่งตีสอง เดินจงกรมเหนื่อยๆ แล้วก็เลยพักผ่อนนอน นอนตะแคงอยู่ มันก็ไล่ มันก็เอาหัวมาไล่ตั้งแต่ขา ลูบขึ้นมาๆ ก็นอนดูใจของเรา ใจก็เหมือนกัน กายก็เหมือนกับท่อนไม้ เอาใจอย่างเดียว มันอยากจะกินก็ยกให้กิน อยู่บนข้างหลังหน้าท้องลูบขึ้นมาจนมาถึงกลางอก ก็นอนดูใจ ดูใจเฉยๆ ใจก็นิ่ง สงบ เย็น ใจกับกายนี่อยู่คนละส่วน แต่เขาก็อาศัยกันอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้ากิน ยกให้กิน ตีหนึ่งตีสองนี่ยกให้กิน ไม่กล้ากิน เขาก็เลยเลื้อยไป วันหลังไปอีกเอาเชือกเตรียมเชือกไปด้วย ถ้ามาจะผูกเอาไว้ ไม่มาไม่ยอมมา เป็นญาณคงจะเป็นพวกเทพแปลงมา
โดนหลายเที่ยวโดนหลายครั้ง ไปขึ้นอยู่บนถ้ำ วิญญาณเจ้าที่มาเล่นงาน มาเล่นงานเดือนหงายๆ ปักกลดอยู่ที่เชิงเขาเหนื่อยก็เลยนอน แต่นอนท่าไม่สุภาพเท่าไร นอนหงายยกขาขึ้น ยกขาตั้งชันขึ้น ก็ขอโทษที่พูดสิ่งพวกนี้ นอนอยู่ในกลดมีขาสองขาใหญ่เบ้อเริ่มยืนอยู่ข้างกลด แล้วก็มีมือล้วงลงมา มายกกระโปกเรา มายกหำเรา ก็ได้แต่ร้องโอ๊ยๆๆ ทำไมเป็นอย่างนี้มันบอกว่าอย่างนั้น แต่ใจก็ไม่กลัว ตื่นเช้าขึ้นมาก็เลยไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง โอ้หลวงปู่ผมโดนเล่นงานมายกหำผม ผมก็โดนเหมือนกันหลวงปู่ว่า หลวงปู่ว่าผมก็โดนเหมือนกันนะ บอกว่าภพภูมิขี้เล่นเขาก็เลือกคน เขาก็เลือกคน คนไหนที่จะมาหรือไม่มาเพราะว่าถ้าคนกลัวนี่บางทีกระโดดหน้าผาตาย เพราะว่ามันอยู่บนหน้าผาอยู่บนถ้ำ
ภพภูมิวิญญาณนี้มีเยอะ ไปเที่ยวไปเจออยู่ที่พิษณุโลก ไปวันแรกเดินเหนื่อยประมาณสิบกว่ากิโล เดินเหนื่อยไป ก็เลยไปปักกลด ปักกลดอยู่ลานตรงที่แถวๆ พิษณุโลกเป็นป่า มีป่ายาง ป่ากล้วย ก็เข้าไปปักกลดอยู่ที่นั่น ตกกลางคืนมามันเหนื่อย เหนื่อยก็เลยนั่งแป๊บเดียวแล้วก็ไม่ได้สวดมนต์แผ่เมตตาก็นอน พอนอนได้พักแป๊บหนึ่งวิญญาณเขาเข้าสวมร่างเลยเข้าสิงร่างเลย ช่วงนั้นได้พรรษาสองพรรษาได้ เข้าสิงร่าง ร่างกายก็คือกระดุกกระดิกไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ สติก็มีเต็มเปี่ยม ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ทำอะไรก็ทำอะไรไม่ได้ กายเขายึดไปแล้วก็เลยเพ่งสติลงที่ใจอย่างเดียว พอเพ่งสติลงที่ใจ วิญญาณอันนั้นกระเด็นออกไป รู้วิธีการ รู้วิธีการขับวิญญาณออกก็คือเพ่งสติลงที่ใจ ถ้าเราไปดิ้นรนไปคิดไปอะไรนั่นก็ยิ่งห่างไกล มันเหนื่อยอีกก็นอนอีก นอนอีกก็เป็นอีก ก็เพ่งสติลงที่ใจอีก กระเด็นออกไปอีก ทีนี้ตัดสินใจไม่นอนแล้ว นั่งดูใจทั้งคืน
พอหกทุ่มตีหนึ่งได้ยินเสียงผู้หญิง คงจะเป็นผีผู้หญิงกระมัง ผู้หญิงหรือผีชีก็ไม่รู้นะ ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวมา พระองค์หนึ่งอยู่ในป่าเป็นอย่างไร จะเข้าไปใกล้ก็เข้าไม่ได้ จะเข้าไปกินก็เข้าไม่ได้ เห็นขนพองสยองเกล้าช่วงนั้นแหละขนแขนขนขา ขนแขนขนขาขนหัวนี่ลุกตั้งชันแต่ใจดิ่งลงไปเย็นอยู่ข้างใน นั่นแหละขนพองสยองเกล้า ใจนี้ดิ่งเย็นมีแต่แผ่เมตตาให้ ไม่กลัวไม่หวั่นไหว แผ่เมตตาให้ก็ไม่เอา ได้ยินเสียงช่วงตีสี่ตีห้าอีกได้ยินเสียงอย่างเก่าอีก พอตื่นเช้าขึ้นมาก็เลยไปบิณฑบาต ไปบิณฑบาตผู้เฒ่าผู้แก่เห็นก็เลย เอ้าอาจารย์ ว่าอย่างนั้น มาอยู่นี่ได้อย่างไร เอ้า อาตมาก็มานอนอยู่ในป่านี่แหละ พระทุกองค์เขามาได้รื้อกลดหนีออกจากที่นี้หมดเลย ไม่อยู่ได้ทั้งคืน ทำไมล่ะก็เลยถามเขา เจ้าที่ดุเขาว่าอย่างนั้น อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง
ทำไมถึงดุหลวงพ่อถึงรู้สาเหตุ เพราะว่าวันที่สองหลวงพ่อไม่หนี กลับย้ายเข้าไปอยู่ใต้ต้นยางใหญ่อีก ไม่หนี วันที่สองไม่หนี แล้วกลางวันฉันข้าวเสร็จก็นั่ง นั่งภาวนาสภาพจิตรับรู้นะ เขาดลบันดาลกิ่งยางหักลงมาทับกลดหลวงพ่อ ตัวจิตตัววิญญาณของหลวงพ่อนั้นหน้าไถดินไปเลย ลุกขึ้นมาก็ดูใจต่อ เย็นเฉยๆๆ อยู่เหมือนเดิม ตกกลางคืนมาก็แผ่เมตตาให้ วันที่สองมีตั้งแต่เครื่องหอมมา มีตั้งแต่น้ำหอมน้ำอบ น้ำหอมทั้งคืน มีความสุข รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมจิตวิญญาณเขาถึงดุ เพราะว่าคนทั่วไปพระทั่วไปถ้าไปตรงนั้นก็จะไปบังคับ ไปบังคับเอาเลขเอาหวยเอาของดีจากเขา เขาก็เลยมีความอาฆาตพยาบาท เขาก็เล่นงานก่อน
หลายปี หลายปีหลวงพ่อเลยกลับไปใหม่ประมาณสิบกว่าปีย้อนกลับไปที่เดิม ก็ที่ตรงนั้นเขาก็เลยตั้งขึ้นมาเป็นวัด ตั้งขึ้นเป็นวัดแล้วแหละชื่อว่าวัดทรงธรรม ทีนี้สถานที่ ที่หลวงพ่อไปนั่งอยู่นั้นเขาเอารั้วไปล้อมเอาไว้เป็นขอบเป็นเขต ไปล้อมเอาไว้ห้ามคนเข้าเพราะอันตราย เพราะว่าวิญญาณดุ หลวงพ่อก็เลยไป หลวงพ่อก็เลยไปปักกลดอยู่ตรงที่หลวงพ่อเคยปักกลดนั่นแหละ ทางเจ้าของวัดทั้งเจ้าอาวาสทั้งคนที่นั่นบอกห้ามไม่ให้เข้าไปเด็ดขาดว่าอย่างนั้น ห้ามไม่ให้เข้าไปที่ตรงนั้นเด็ดขาด หลวงพ่อเลยถามทำไมไม่ให้เข้าไป เพราะว่าวิญญาณ เพราะว่าเกิดอุบัติเหตุเยอะ อันตรายเขาว่าอย่างนั้น หลวงพ่อก็เลยเล่าสาเหตุให้ฟัง เมื่อสิบกว่าปีร่วมยี่สิบปีก่อนหลวงพ่อมาอยู่ตรงนี้แหละ มานั่งตรงนี้แหละตั้งแต่ท่านยังได้ไม่ได้ตั้งวัด เขาก็เลยอนุญาตให้ไปอยู่ตรงนั้น
พออนุญาต ตกกลางคืนหลวงพ่อก็ไป ญาติโยมก็มานั่งคุยสนทนาธรรม วิญญาณตรงนั้นเขาเข้าสิงร่างทุกคนได้หมดเลยที่มาคุยกับหลวงพ่อ เข้าสิงร่างแล้วมาสื่อ มาสื่อมาคุยกับหลวงพ่อว่าเขาดีใจที่หลวงพ่อกลับมา กลับมาตรงนั้นอีกแล้วเขาก็ชวนหลวงพ่อ เขาจะมอบถวายของดีให้ จะพาหลวงพ่อไปเอาที่เขาซ่อนเอาไว้ที่ถ้ำบัวแดงที่ชัยภูมิเขาว่าอย่างนั้น ลูกประคําเพชร ลูกประคําทอง เขาจะพาไปเอา หลวงพ่อก็เลยบอกว่าหลวงพ่อไม่ได้บวชมาแสวงหาสิ่งพวกนี้ หลวงพ่อแสวงหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ที่เขาดุร้ายเพราะว่าพระไปบังคับหรือว่าเอาเวทมนต์ไปบังคับ เอาไอ้นั่นไปบังคับวิญญาณเพื่อที่จะเอาของของเขา เขาก็เล่นงานเอา ถ้าเราไปดีมีความสุขมีใจที่สะอาดบริสุทธิ์อะไรก็ทำเราไม่ได้ หลายที่ไปเจอมากมาย
พื้นที่ไอ้ภูป่าไร่ที่หลวงพ่อไปสร้างวัดก็เหมือนกัน ขึ้นไปถึงภูป่าไร่วันแรกนี่วิญญาณที่นั่นเขามาสื่อกับหลวงพ่อขณะที่นั่งอยู่ ขณะที่ยืนอยู่คุยกันเลย คุยกันเลยนิมนต์รอ รอหลวงพ่อตั้งนาน อยากจะให้นิมนต์หลวงพ่อมาช่วยสร้างวัดให้ ก็เลยรับปากไปในคืนนั้นก็เลยได้ทำ เดี๋ยวนี้เจริญๆ มีพร้อมมูลทุกสิ่งทุกอย่าง หลวงพ่ออยากจะได้อะไรได้หมด อยู่บนยอดเขาไม่มีน้ำ หลวงพ่อเจาะน้ำก็ได้น้ำ ไม่มีไฟฟ้า เอาไฟฟ้าขึ้น เขาก็จัดการให้ ภพภมิต่างๆ วิญญาณต่างๆ เกิดเหตุมากมาย แต่ก็สู้แรงบุญไม่ได้
ไปเจอ เดี๋ยวนี้เลยที่พิษณุโลก อันนั้นตรงนั้นเป็นแหล่งกำถั่วแหล่งชนไก่ของพระนเรศวรเก่า ที่ๆ หลวงพ่อไปเจอวิญญาณตรงนั้น นั่นแหละ ที่กําแพงเพชรก็เหมือนกัน กําแพงเพชรก็เหมือนกันไปอยู่ในป่ายางใหญ่มีกิ่งยางหักลงมาเสียบใส่กลดหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อไม่เป็นอะไร พอวันหลวงพ่อจะจากไปมีแต่เครื่องหอมมีตั้งแต่อะไรมาให้ เยอะ ไปขึ้นเดินขึ้นไปทางเชียงดาวทางถ้ำเชียงดาวเข้าไปในป่าในเขา ขึ้นไปบนหลังเขาทางแม่แตง ทางเชียงใหม่ สมัยนั้นไปจุดศพหลวงปู่แหวนไปอยู่ดอยนะโม มีความสุข ขึ้นไปหลังเขาหลังไหนก็ดูใจตัวเอง
พวกท่านล่ะ พยายามเอานะ ได้บ้างไม่ได้บ้างพยายามทำ อย่างน้อยน้อยก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดีเนอะ หลวงพ่อจะพาสร้างมหาเจดีย์รีบมา ถ้าใครทันก็ทันไม่ทันหลวงพ่อเสร็จก่อนนะ ทั้งกําลังกายกําลังใจมาร่วมกันมาช่วยกัน หลวงพ่อจะพาฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ส่วนกิเลสต้องละเอา เจ้าคุณละให้ไม่ได้ มันเกิดขึ้นเมื่อไรก็ใช้สติปัญญาแก้ไขเอา
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องแล้วก็ให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าหายใจออก พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ขาดการสังเกตทั้งที่ใจเป็นบุญ บางครั้งบางคราวใจก็สงบ บางครั้งบางคราวใจก็เกิด ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด แต่เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อขึ้นมาปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าปิดกันเอาไว้ เราต้องมาคลายความหลงในขันธ์ห้าให้ได้ แล้วก็มาทำความเข้าใจกับตัววิญญาณซึ่งอยู่ในกายของเราให้ได้ ด้วยการเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กายของเราเสียก่อน
การสร้างความรู้ตัวต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้ไม่ทันต้นเหตุก็รู้จักหยุดดเอาไว้ เขาเรียกว่าสมถะควบคุม จนกำลังสติมีความเข้มแข็ง ใจของเรานิ่งขึ้น หัดสังเกตความคิด ขันธ์ห้า คิดขึ้นมาแล้วใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ถ้าเราสังเกตทันปุ๊บใจจะแยกออกจากความคิดเอง เราไม่ต้องไปจับเขาแยก ยาก ภาษาธรรมท่านเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ใจก็จะหงายขึ้นเหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือ ฝ่ามือยังคว่ำอยู่ ถ้าเราแยกใจออกจากความคิดได้ก็หงายขึ้น เหมือนกับหงายฝ่ามือขึ้นหลังมือ หลังมือก็อยู่ข้างล่าง ฝ่ามือก็อยู่ข้างบน แต่ความเกิดความดับของขันธ์ห้ายังมีอยู่ เราต้องสติความรู้ตัว ตามดู ตามรู้ ตามเห็น รู้ด้วยเห็นตามดูได้ด้วย เขาว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอย่างไร เรื่องอะไรที่เกิด
มันก็ยากอยู่นะ ถ้าไม่ถึงเวลาจริงๆ มันก็ยากอยู่ เราก็ต้องพยายามสร้างตบะสร้างบารมี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้สักต้น เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลให้ได้รับประทานวันเดียวก็ไม่ได้ เราก็ต้องหมั่นดูแล ให้น้ำให้ปุ๋ยให้ฝุ่น หมั่นเอาอกเอาใจทำความเข้าใจ เขาเจริญเติบโตจากวันเป็นเดือนเป็นปี จนโตเป็นต้นใหญ่ออกดอกออกผล เราไม่ได้อยากจะได้ดอกได้ผลเราก็ได้เพราะว่าการดูแลการกระทำของเรามี
การปฏิบัติ ใจก็เหมือนกัน เขาก็ค่อยจะพัฒนาไปเรื่อยๆ นี่ศรัทธาของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละความอดทน พรหมวิหาร ความเมตตา ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทีนี้การเจริญสติของเราต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วหรือยัง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร มลทินเป็นอย่างไร นิวรณธรรมเป็นอย่างไร ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราก็คอยเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปหัดสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นอะไร ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ขันธ์ทั้งห้าเป็นกองทุกข์ ท่านว่ากอง กองของวิญญาณก็คือกองของใจ ความคิดบางทีก็เป็นเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเขาเรียกว่ากองของสัญญา บางทีก็เป็นกลางๆ บางทีก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง เขาเกิดอย่างไร มันมีอยู่ในกายในใจของเราหมดเลย
พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอาเปิดเผยเรื่องชีวิตของเรา ก็เรื่องหลักของความจริงอันประเสริฐ อริยสัจสี่ ความจริงอันประเสริฐ ใจเกิดอย่างไร การดับ การละอย่างไร เราจะเอาอะไรไปประหัตประหารไปต่อสู้กับกิเลส แต่ตัวเดิมสภาพเดิมนั้นใจบริสุทธิ์ เพราะความไม่รู้ ความหลงเขาเกิดมานาน เกิดมาจนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อเข้ามาปิดกั้นเอาไว้ ขณะมีกายอยู่ เขายังเกิดต่อ เกิดในลาภในยศ ในสรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา โลกธรรมก็เป็นอยู่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไร ไม่มีอะไรมีแต่ความว่างเปล่า มีแต่ความว่างเปล่า
แม้แต่ตัววิญญาณ แม้แต่ตัววิญญาณแต่ก็ยังหลงสร้างขึ้นมาให้เกิดอัตตาตัวตน เกิดทิฏฐิ เกิดมานะ นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละที่จะจำแนกแจกแจงว่าอะไรเป็นอะไร ท่านว่าให้ปฏิบัติตามคําสอนของท่านเสียก่อน เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อเข้าถึงแล้ว ท่านถึงบอกให้เชื่อ ปฏิบัติค่อยพัฒนาไปจากน้อยๆ กําลังสติของเรามีวันนี้กี่นาที นาทีบ้าง 2 นาทีบ้าง 5 นาที 10 นาทีบ้าง จนกําลังสติของเราเข้มแข็งขึ้น อบรมใจได้ สังเกตใจได้ ใจแยกใจคลายได้แล้วก็กําลังสติของเราก็จะตามดู ตามรู้ ตามเห็น จากน้อยๆ ก็จะกลายเป็นมหาสติ ถ้ายังแยกแยะไม่ได้เพียงแค่สร้างก็ยังลําบากอยู่ นี่แหละเราถึงได้ ไม่ได้เข้าถึงคําสอนของพระพุทธองค์ที่แท้จริง
ถ้ากําลังสติของเราเข้มแข็งเราตามดู กําลังสติก็จะกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา ค้นคว้าเอาไม่หยุดเลยแหละ ว่าใจไปอย่างไร มาอย่างไร กิเลสมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความอยากเกิดขึ้นได้อย่างไร ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความกลัวมันเป็นอย่างไร ค่อยจัดการแก้ไข สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมาย
ในสิ่งที่หลวงพ่อพูดเนี่ยพวกท่านก็อาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เข้าใจไม่ได้ตลอด นอกจากบุคคลที่แยกแยะได้ ตามดูได้ กําลังสติเป็นมหาสติได้ แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญในการให้ทาน น้อมใจของเราเข้ามาในกองบุญ สร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญเอาไว้ ถ้าเรายังไม่ถึงจุดหมาย สักวันหนึ่ง เดือนหน้า ปีหน้า ปีต่อไป เขาจะไปต่อเอาภพหน้าโน่น อย่าไปทิ้งเด็ดขาด มีโอกาสทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา ถึงเราไม่ได้ทำก็น้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุในส่วนแห่งบุญ เราก็จะได้มีอานิสงส์แห่งบุญในสิ่งที่พวกเราทำ ไม่เสียหายไปไหนหรอก
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
มาวัดก็มาด้วยแรงเหวี่ยงของบุญ มาด้วยแรงเหวี่ยงของบุญ มาทำบุญ มาด้วยแรงศรัทธา มาด้วยแรงบุญ แต่การเกิดของใจยังมีอยู่ ถ้าไม่หลงไม่เกิด แต่เกิดในกองกุศลเกิดอยู่ในกองบุญ อยู่ที่ไหนก็ดี พยายามทำ พยายามทำบุญ ทำบุญให้กับตัวเราจนล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม บุญของพระพุทธองค์ ให้ได้ทั้งบุญทรัพย์ภายในคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ล้นออกไปสู่สังคม นําความสุขมาให้กับทุกคน ทุกเรื่องในชีวิตของตัวเรา เราต้องรู้เรื่องใจของตัวเราเอง รู้เรื่องชีวิตของเราว่าเราควรจะทำอย่างไร ดำเนินอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ถึงจะอยู่ดีมีความสุข เราต้องพยายามเข้าให้ถึงวัดจริงๆ วัดภายใน วัดภายนอก สมมติกับวิมุตติก็อาศัยกันอยู่ ถ้าเรายังแยกไม่ได้ กําลังสติไม่ต่อเนื่อง เราก็ยังไม่ได้เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์
เพียงแค่ศรัทธา มีความเชื่อ แล้วก็ฝักใฝ่ในบุญ แต่ก็ยังเป็นบุญที่ใจยังเกิดอยู่ ใจยังหลงอยู่ ตราบใดบุคคลที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ถึงจะรู้ว่าจุดปล่อยจุดวาง นั่นแหละความหลง อันนั้นหลงอยู่ในระดับหนึ่ง ที่นี้หลงคิด ความเกิด ความเกิดก็คือความหลงอีก คลายขันธ์ห้าแล้วก็ละกิเลสอีก ดับความเกิดอีกถึงจะนั่น แต่เขาหลงมาอยู่ในภพของมนุษย์ที่มีกายเนื้อปิดกั้นเอาไว้ เราก็พยายามมาตักตวงผลประโยชน์อยู่ในกายก้อนนี้ให้ถึงที่สิ้นสุดคือความสะอาดความบริสุทธิ์ของใจ
ทุกคนก็มีกาย แต่วิบากกรรมสมมติอาจจะต่างระดับกัน บางคนก็มีความพร้อมสมมติ บางคนก็ไม่มีความพร้อม ก็พยายามแก้ไข ค่อยแก้ไข ค่อยปรับปรุง พิจารณาแล้วก็ขยันหมั่นเพียร อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียร ความขยันหมั่นเพียร สมมติก็จะเต็มบริบูรณ์อยู่ในระดับหนึ่งไม่ถึงกับลําบาก มีโอกาสก็ให้รีบตักตวงสร้างประโยชน์ในกายก้อนนี้ พากายก้อนนี้สร้างบุญให้ได้ ทุกคนเกิดมาก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ไม่ปรารถนาที่จะนําใจของเราให้ไปสู่กองทุกข์ ทำได้ไม่ได้ก็ต้องพยายามทำกัน ทำที่บ้านไม่ได้ก็มาทำที่วัดเนอะ
เดี๋ยววันที่ 31 มาสวดมนต์ข้ามปี มาสวดมนต์ข้ามปี เริ่มตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต รู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้วก็ไปสานต่อที่บ้าน ตื่นขึ้นมารีบรู้ใจ ตีสามได้ยินเสียงระฆัง จากอยู่ในวัดดังก้องกังวาล อากาศก็เย็น ได้ยินไหม ทั้งในบ้านสำราญได้ยินไหม ได้ยิน พอเจ้าคุณตีระฆัง ได้ยินเสียงระฆังก็เปิดผ้าห่มออกมาสาธุ ได้ยินทีไรก็สาธุ เจ้าคุณตีระฆังเสร็จ ผ้าห่มคลุมโปงต่อขออีกนิดแทนที่จะลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเจริญสติ ขออีกหน่อย หน่อยเดียวตะวันโผล่เลย ติดอีกหน่อย พากันติดอีกหน่อยไหม ติดเยอะ ขออีกหน่อยว่าอย่างนั้น อีกหน่อยเดียวแป๊บเดียวชั่วโมง 2 ชั่วโมง เราพยายามละออกไล่ออกสร้างความขยันขึ้นมา
สมัยก่อนช่วงหลวงพ่อฝึกใหม่ๆ ออกบวชปีแรก ฝีกใหม่ๆ หน้าหนาวก็หนาว ไม่นอนอยู่ 9 วัน ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนตามดูใจของตัวเอง ถ้านั่งปุ๊บนิวรณ์จะเข้า ลุกอาบน้ำอาบท่า ศาลานี่เลี่ยมเป็นมันเงาวับเลยเพราะว่าเอาการงานเป็นการปฏิบัติ กลางคืนถูพื้นศาลา อยู่ในบ้านได้ไม้อันหนึ่งแล้วก็ได้น้ำมันได้เทียนไขมาต้มแล้วก็ถูศาลาทั้งคืนเลย ละนิวรณ์ ละความง่วงเหงาหาวนอน ถ้านั่งจะง่วงก็เปลี่ยนอิริยาบถ อาบน้ำตามดูใจของตัวเอง ตามดูใจของตัวเองจนเห็นกระทั่งในนิมิตว่ามันเกิดอย่างไรไปอย่างไร มันหลอกเราทั้งนั้น จนจิตยิ้มขึ้นมาเฉยๆ
ใจเกิดความอยากก็ละความอยาก อดอาหารมื้อหนึ่ง สองมื้อ สามมื้อ อดอาหารไปเรื่อยๆ เป็นวัน เป็นอาทิตย์ กายของเราหิว ใจเกิดความอยากหรือไม่ กายเบาโล่งโปร่ง เดินมันก็จะเหาะ ไปอดอาหารอยู่บนหลังเขา ไปอยู่ตามป่าตามเขาตามถ้ำ ไปอยู่ตามถ้ำไปอยู่ที่อำนาจเจริญ งูเหลือมตัวเท่าต้นขามันวิ่งออกมาจากถ้ำตีหนึ่งตีสอง เดินจงกรมเหนื่อยๆ แล้วก็เลยพักผ่อนนอน นอนตะแคงอยู่ มันก็ไล่ มันก็เอาหัวมาไล่ตั้งแต่ขา ลูบขึ้นมาๆ ก็นอนดูใจของเรา ใจก็เหมือนกัน กายก็เหมือนกับท่อนไม้ เอาใจอย่างเดียว มันอยากจะกินก็ยกให้กิน อยู่บนข้างหลังหน้าท้องลูบขึ้นมาจนมาถึงกลางอก ก็นอนดูใจ ดูใจเฉยๆ ใจก็นิ่ง สงบ เย็น ใจกับกายนี่อยู่คนละส่วน แต่เขาก็อาศัยกันอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้ากิน ยกให้กิน ตีหนึ่งตีสองนี่ยกให้กิน ไม่กล้ากิน เขาก็เลยเลื้อยไป วันหลังไปอีกเอาเชือกเตรียมเชือกไปด้วย ถ้ามาจะผูกเอาไว้ ไม่มาไม่ยอมมา เป็นญาณคงจะเป็นพวกเทพแปลงมา
โดนหลายเที่ยวโดนหลายครั้ง ไปขึ้นอยู่บนถ้ำ วิญญาณเจ้าที่มาเล่นงาน มาเล่นงานเดือนหงายๆ ปักกลดอยู่ที่เชิงเขาเหนื่อยก็เลยนอน แต่นอนท่าไม่สุภาพเท่าไร นอนหงายยกขาขึ้น ยกขาตั้งชันขึ้น ก็ขอโทษที่พูดสิ่งพวกนี้ นอนอยู่ในกลดมีขาสองขาใหญ่เบ้อเริ่มยืนอยู่ข้างกลด แล้วก็มีมือล้วงลงมา มายกกระโปกเรา มายกหำเรา ก็ได้แต่ร้องโอ๊ยๆๆ ทำไมเป็นอย่างนี้มันบอกว่าอย่างนั้น แต่ใจก็ไม่กลัว ตื่นเช้าขึ้นมาก็เลยไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง โอ้หลวงปู่ผมโดนเล่นงานมายกหำผม ผมก็โดนเหมือนกันหลวงปู่ว่า หลวงปู่ว่าผมก็โดนเหมือนกันนะ บอกว่าภพภูมิขี้เล่นเขาก็เลือกคน เขาก็เลือกคน คนไหนที่จะมาหรือไม่มาเพราะว่าถ้าคนกลัวนี่บางทีกระโดดหน้าผาตาย เพราะว่ามันอยู่บนหน้าผาอยู่บนถ้ำ
ภพภูมิวิญญาณนี้มีเยอะ ไปเที่ยวไปเจออยู่ที่พิษณุโลก ไปวันแรกเดินเหนื่อยประมาณสิบกว่ากิโล เดินเหนื่อยไป ก็เลยไปปักกลด ปักกลดอยู่ลานตรงที่แถวๆ พิษณุโลกเป็นป่า มีป่ายาง ป่ากล้วย ก็เข้าไปปักกลดอยู่ที่นั่น ตกกลางคืนมามันเหนื่อย เหนื่อยก็เลยนั่งแป๊บเดียวแล้วก็ไม่ได้สวดมนต์แผ่เมตตาก็นอน พอนอนได้พักแป๊บหนึ่งวิญญาณเขาเข้าสวมร่างเลยเข้าสิงร่างเลย ช่วงนั้นได้พรรษาสองพรรษาได้ เข้าสิงร่าง ร่างกายก็คือกระดุกกระดิกไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ สติก็มีเต็มเปี่ยม ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ทำอะไรก็ทำอะไรไม่ได้ กายเขายึดไปแล้วก็เลยเพ่งสติลงที่ใจอย่างเดียว พอเพ่งสติลงที่ใจ วิญญาณอันนั้นกระเด็นออกไป รู้วิธีการ รู้วิธีการขับวิญญาณออกก็คือเพ่งสติลงที่ใจ ถ้าเราไปดิ้นรนไปคิดไปอะไรนั่นก็ยิ่งห่างไกล มันเหนื่อยอีกก็นอนอีก นอนอีกก็เป็นอีก ก็เพ่งสติลงที่ใจอีก กระเด็นออกไปอีก ทีนี้ตัดสินใจไม่นอนแล้ว นั่งดูใจทั้งคืน
พอหกทุ่มตีหนึ่งได้ยินเสียงผู้หญิง คงจะเป็นผีผู้หญิงกระมัง ผู้หญิงหรือผีชีก็ไม่รู้นะ ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวมา พระองค์หนึ่งอยู่ในป่าเป็นอย่างไร จะเข้าไปใกล้ก็เข้าไม่ได้ จะเข้าไปกินก็เข้าไม่ได้ เห็นขนพองสยองเกล้าช่วงนั้นแหละขนแขนขนขา ขนแขนขนขาขนหัวนี่ลุกตั้งชันแต่ใจดิ่งลงไปเย็นอยู่ข้างใน นั่นแหละขนพองสยองเกล้า ใจนี้ดิ่งเย็นมีแต่แผ่เมตตาให้ ไม่กลัวไม่หวั่นไหว แผ่เมตตาให้ก็ไม่เอา ได้ยินเสียงช่วงตีสี่ตีห้าอีกได้ยินเสียงอย่างเก่าอีก พอตื่นเช้าขึ้นมาก็เลยไปบิณฑบาต ไปบิณฑบาตผู้เฒ่าผู้แก่เห็นก็เลย เอ้าอาจารย์ ว่าอย่างนั้น มาอยู่นี่ได้อย่างไร เอ้า อาตมาก็มานอนอยู่ในป่านี่แหละ พระทุกองค์เขามาได้รื้อกลดหนีออกจากที่นี้หมดเลย ไม่อยู่ได้ทั้งคืน ทำไมล่ะก็เลยถามเขา เจ้าที่ดุเขาว่าอย่างนั้น อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง
ทำไมถึงดุหลวงพ่อถึงรู้สาเหตุ เพราะว่าวันที่สองหลวงพ่อไม่หนี กลับย้ายเข้าไปอยู่ใต้ต้นยางใหญ่อีก ไม่หนี วันที่สองไม่หนี แล้วกลางวันฉันข้าวเสร็จก็นั่ง นั่งภาวนาสภาพจิตรับรู้นะ เขาดลบันดาลกิ่งยางหักลงมาทับกลดหลวงพ่อ ตัวจิตตัววิญญาณของหลวงพ่อนั้นหน้าไถดินไปเลย ลุกขึ้นมาก็ดูใจต่อ เย็นเฉยๆๆ อยู่เหมือนเดิม ตกกลางคืนมาก็แผ่เมตตาให้ วันที่สองมีตั้งแต่เครื่องหอมมา มีตั้งแต่น้ำหอมน้ำอบ น้ำหอมทั้งคืน มีความสุข รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมจิตวิญญาณเขาถึงดุ เพราะว่าคนทั่วไปพระทั่วไปถ้าไปตรงนั้นก็จะไปบังคับ ไปบังคับเอาเลขเอาหวยเอาของดีจากเขา เขาก็เลยมีความอาฆาตพยาบาท เขาก็เล่นงานก่อน
หลายปี หลายปีหลวงพ่อเลยกลับไปใหม่ประมาณสิบกว่าปีย้อนกลับไปที่เดิม ก็ที่ตรงนั้นเขาก็เลยตั้งขึ้นมาเป็นวัด ตั้งขึ้นเป็นวัดแล้วแหละชื่อว่าวัดทรงธรรม ทีนี้สถานที่ ที่หลวงพ่อไปนั่งอยู่นั้นเขาเอารั้วไปล้อมเอาไว้เป็นขอบเป็นเขต ไปล้อมเอาไว้ห้ามคนเข้าเพราะอันตราย เพราะว่าวิญญาณดุ หลวงพ่อก็เลยไป หลวงพ่อก็เลยไปปักกลดอยู่ตรงที่หลวงพ่อเคยปักกลดนั่นแหละ ทางเจ้าของวัดทั้งเจ้าอาวาสทั้งคนที่นั่นบอกห้ามไม่ให้เข้าไปเด็ดขาดว่าอย่างนั้น ห้ามไม่ให้เข้าไปที่ตรงนั้นเด็ดขาด หลวงพ่อเลยถามทำไมไม่ให้เข้าไป เพราะว่าวิญญาณ เพราะว่าเกิดอุบัติเหตุเยอะ อันตรายเขาว่าอย่างนั้น หลวงพ่อก็เลยเล่าสาเหตุให้ฟัง เมื่อสิบกว่าปีร่วมยี่สิบปีก่อนหลวงพ่อมาอยู่ตรงนี้แหละ มานั่งตรงนี้แหละตั้งแต่ท่านยังได้ไม่ได้ตั้งวัด เขาก็เลยอนุญาตให้ไปอยู่ตรงนั้น
พออนุญาต ตกกลางคืนหลวงพ่อก็ไป ญาติโยมก็มานั่งคุยสนทนาธรรม วิญญาณตรงนั้นเขาเข้าสิงร่างทุกคนได้หมดเลยที่มาคุยกับหลวงพ่อ เข้าสิงร่างแล้วมาสื่อ มาสื่อมาคุยกับหลวงพ่อว่าเขาดีใจที่หลวงพ่อกลับมา กลับมาตรงนั้นอีกแล้วเขาก็ชวนหลวงพ่อ เขาจะมอบถวายของดีให้ จะพาหลวงพ่อไปเอาที่เขาซ่อนเอาไว้ที่ถ้ำบัวแดงที่ชัยภูมิเขาว่าอย่างนั้น ลูกประคําเพชร ลูกประคําทอง เขาจะพาไปเอา หลวงพ่อก็เลยบอกว่าหลวงพ่อไม่ได้บวชมาแสวงหาสิ่งพวกนี้ หลวงพ่อแสวงหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ที่เขาดุร้ายเพราะว่าพระไปบังคับหรือว่าเอาเวทมนต์ไปบังคับ เอาไอ้นั่นไปบังคับวิญญาณเพื่อที่จะเอาของของเขา เขาก็เล่นงานเอา ถ้าเราไปดีมีความสุขมีใจที่สะอาดบริสุทธิ์อะไรก็ทำเราไม่ได้ หลายที่ไปเจอมากมาย
พื้นที่ไอ้ภูป่าไร่ที่หลวงพ่อไปสร้างวัดก็เหมือนกัน ขึ้นไปถึงภูป่าไร่วันแรกนี่วิญญาณที่นั่นเขามาสื่อกับหลวงพ่อขณะที่นั่งอยู่ ขณะที่ยืนอยู่คุยกันเลย คุยกันเลยนิมนต์รอ รอหลวงพ่อตั้งนาน อยากจะให้นิมนต์หลวงพ่อมาช่วยสร้างวัดให้ ก็เลยรับปากไปในคืนนั้นก็เลยได้ทำ เดี๋ยวนี้เจริญๆ มีพร้อมมูลทุกสิ่งทุกอย่าง หลวงพ่ออยากจะได้อะไรได้หมด อยู่บนยอดเขาไม่มีน้ำ หลวงพ่อเจาะน้ำก็ได้น้ำ ไม่มีไฟฟ้า เอาไฟฟ้าขึ้น เขาก็จัดการให้ ภพภมิต่างๆ วิญญาณต่างๆ เกิดเหตุมากมาย แต่ก็สู้แรงบุญไม่ได้
ไปเจอ เดี๋ยวนี้เลยที่พิษณุโลก อันนั้นตรงนั้นเป็นแหล่งกำถั่วแหล่งชนไก่ของพระนเรศวรเก่า ที่ๆ หลวงพ่อไปเจอวิญญาณตรงนั้น นั่นแหละ ที่กําแพงเพชรก็เหมือนกัน กําแพงเพชรก็เหมือนกันไปอยู่ในป่ายางใหญ่มีกิ่งยางหักลงมาเสียบใส่กลดหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อไม่เป็นอะไร พอวันหลวงพ่อจะจากไปมีแต่เครื่องหอมมีตั้งแต่อะไรมาให้ เยอะ ไปขึ้นเดินขึ้นไปทางเชียงดาวทางถ้ำเชียงดาวเข้าไปในป่าในเขา ขึ้นไปบนหลังเขาทางแม่แตง ทางเชียงใหม่ สมัยนั้นไปจุดศพหลวงปู่แหวนไปอยู่ดอยนะโม มีความสุข ขึ้นไปหลังเขาหลังไหนก็ดูใจตัวเอง
พวกท่านล่ะ พยายามเอานะ ได้บ้างไม่ได้บ้างพยายามทำ อย่างน้อยน้อยก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดีเนอะ หลวงพ่อจะพาสร้างมหาเจดีย์รีบมา ถ้าใครทันก็ทันไม่ทันหลวงพ่อเสร็จก่อนนะ ทั้งกําลังกายกําลังใจมาร่วมกันมาช่วยกัน หลวงพ่อจะพาฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ส่วนกิเลสต้องละเอา เจ้าคุณละให้ไม่ได้ มันเกิดขึ้นเมื่อไรก็ใช้สติปัญญาแก้ไขเอา
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องแล้วก็ให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าหายใจออก พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ขาดการสังเกตทั้งที่ใจเป็นบุญ บางครั้งบางคราวใจก็สงบ บางครั้งบางคราวใจก็เกิด ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด แต่เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อขึ้นมาปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าปิดกันเอาไว้ เราต้องมาคลายความหลงในขันธ์ห้าให้ได้ แล้วก็มาทำความเข้าใจกับตัววิญญาณซึ่งอยู่ในกายของเราให้ได้ ด้วยการเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กายของเราเสียก่อน
การสร้างความรู้ตัวต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้ไม่ทันต้นเหตุก็รู้จักหยุดดเอาไว้ เขาเรียกว่าสมถะควบคุม จนกำลังสติมีความเข้มแข็ง ใจของเรานิ่งขึ้น หัดสังเกตความคิด ขันธ์ห้า คิดขึ้นมาแล้วใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ถ้าเราสังเกตทันปุ๊บใจจะแยกออกจากความคิดเอง เราไม่ต้องไปจับเขาแยก ยาก ภาษาธรรมท่านเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ใจก็จะหงายขึ้นเหมือนกับฝ่ามือกับหลังมือ ฝ่ามือยังคว่ำอยู่ ถ้าเราแยกใจออกจากความคิดได้ก็หงายขึ้น เหมือนกับหงายฝ่ามือขึ้นหลังมือ หลังมือก็อยู่ข้างล่าง ฝ่ามือก็อยู่ข้างบน แต่ความเกิดความดับของขันธ์ห้ายังมีอยู่ เราต้องสติความรู้ตัว ตามดู ตามรู้ ตามเห็น รู้ด้วยเห็นตามดูได้ด้วย เขาว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอย่างไร เรื่องอะไรที่เกิด
มันก็ยากอยู่นะ ถ้าไม่ถึงเวลาจริงๆ มันก็ยากอยู่ เราก็ต้องพยายามสร้างตบะสร้างบารมี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้สักต้น เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลให้ได้รับประทานวันเดียวก็ไม่ได้ เราก็ต้องหมั่นดูแล ให้น้ำให้ปุ๋ยให้ฝุ่น หมั่นเอาอกเอาใจทำความเข้าใจ เขาเจริญเติบโตจากวันเป็นเดือนเป็นปี จนโตเป็นต้นใหญ่ออกดอกออกผล เราไม่ได้อยากจะได้ดอกได้ผลเราก็ได้เพราะว่าการดูแลการกระทำของเรามี
การปฏิบัติ ใจก็เหมือนกัน เขาก็ค่อยจะพัฒนาไปเรื่อยๆ นี่ศรัทธาของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละความอดทน พรหมวิหาร ความเมตตา ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทีนี้การเจริญสติของเราต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วหรือยัง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร มลทินเป็นอย่างไร นิวรณธรรมเป็นอย่างไร ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราก็คอยเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปหัดสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นอะไร ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ขันธ์ทั้งห้าเป็นกองทุกข์ ท่านว่ากอง กองของวิญญาณก็คือกองของใจ ความคิดบางทีก็เป็นเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเขาเรียกว่ากองของสัญญา บางทีก็เป็นกลางๆ บางทีก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง เขาเกิดอย่างไร มันมีอยู่ในกายในใจของเราหมดเลย
พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอาเปิดเผยเรื่องชีวิตของเรา ก็เรื่องหลักของความจริงอันประเสริฐ อริยสัจสี่ ความจริงอันประเสริฐ ใจเกิดอย่างไร การดับ การละอย่างไร เราจะเอาอะไรไปประหัตประหารไปต่อสู้กับกิเลส แต่ตัวเดิมสภาพเดิมนั้นใจบริสุทธิ์ เพราะความไม่รู้ ความหลงเขาเกิดมานาน เกิดมาจนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อเข้ามาปิดกั้นเอาไว้ ขณะมีกายอยู่ เขายังเกิดต่อ เกิดในลาภในยศ ในสรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา โลกธรรมก็เป็นอยู่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไร ไม่มีอะไรมีแต่ความว่างเปล่า มีแต่ความว่างเปล่า
แม้แต่ตัววิญญาณ แม้แต่ตัววิญญาณแต่ก็ยังหลงสร้างขึ้นมาให้เกิดอัตตาตัวตน เกิดทิฏฐิ เกิดมานะ นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละที่จะจำแนกแจกแจงว่าอะไรเป็นอะไร ท่านว่าให้ปฏิบัติตามคําสอนของท่านเสียก่อน เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อเข้าถึงแล้ว ท่านถึงบอกให้เชื่อ ปฏิบัติค่อยพัฒนาไปจากน้อยๆ กําลังสติของเรามีวันนี้กี่นาที นาทีบ้าง 2 นาทีบ้าง 5 นาที 10 นาทีบ้าง จนกําลังสติของเราเข้มแข็งขึ้น อบรมใจได้ สังเกตใจได้ ใจแยกใจคลายได้แล้วก็กําลังสติของเราก็จะตามดู ตามรู้ ตามเห็น จากน้อยๆ ก็จะกลายเป็นมหาสติ ถ้ายังแยกแยะไม่ได้เพียงแค่สร้างก็ยังลําบากอยู่ นี่แหละเราถึงได้ ไม่ได้เข้าถึงคําสอนของพระพุทธองค์ที่แท้จริง
ถ้ากําลังสติของเราเข้มแข็งเราตามดู กําลังสติก็จะกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา ค้นคว้าเอาไม่หยุดเลยแหละ ว่าใจไปอย่างไร มาอย่างไร กิเลสมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความอยากเกิดขึ้นได้อย่างไร ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความกลัวมันเป็นอย่างไร ค่อยจัดการแก้ไข สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมาย
ในสิ่งที่หลวงพ่อพูดเนี่ยพวกท่านก็อาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เข้าใจไม่ได้ตลอด นอกจากบุคคลที่แยกแยะได้ ตามดูได้ กําลังสติเป็นมหาสติได้ แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญในการให้ทาน น้อมใจของเราเข้ามาในกองบุญ สร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญเอาไว้ ถ้าเรายังไม่ถึงจุดหมาย สักวันหนึ่ง เดือนหน้า ปีหน้า ปีต่อไป เขาจะไปต่อเอาภพหน้าโน่น อย่าไปทิ้งเด็ดขาด มีโอกาสทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา ถึงเราไม่ได้ทำก็น้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุในส่วนแห่งบุญ เราก็จะได้มีอานิสงส์แห่งบุญในสิ่งที่พวกเราทำ ไม่เสียหายไปไหนหรอก
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ